การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 219 ไม่แต่งงาน
บทที่ 219 ไม่แต่งงาน
บทที่ 219 ไม่แต่งงาน
ยิ่งแม่เฒ่าถังคิดเรื่องนี้มากเท่าไร เธอยิ่งโกรธมากเท่านั้น
เธอจดจำได้เสมอว่าเฮ่อหลานที่เคยอยู่ในตระกูลถังเป็นคนขี้ขลาดและอ่อนแอ ไม่เคยทำสิ่งใดได้ดี ทว่าหลังจากหย่าร้างและออกจากตระกูลถัง กลับได้ดิบได้ดีซะอย่างนั้น แล้วเธอยังได้ยินมาว่าหลิวเหลียงไคผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านเถาฮวาเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ด้วย แต่ใครก็ตามที่พอจะมีความคิดย่อมรู้ว่านี่คือความคิดของเฮ่อหลานทั้งสิ้น และหล่อนคือผู้รับผิดชอบเรื่องทั้งหมด
เมื่อจ้าวเหม่ยฉินเห็นใบที่หน้าบิดเบี้ยวของแม่สามี เธอเม้มปากก่อนจะพูดว่า “เวลานี้เฮ่อหลานมีชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ แล้วไม่ใช่แค่เธอเท่านั้น ถังซวงก็ยังมีชื่อเสียงโด่งดัง ชีวิตของสามคนนั่นมีแต่ดีขึ้น ๆ มันน่าเจ็บใจที่ไม่ว่าพวกเธอจะดีขึ้นแค่ไหน มันกลับไม่ส่งผลมาถึงพวกเราเลยแม้แต่น้อย”
ประโยคนี้ทำให้หัวใจของแม่เฒ่าถังบีบรัด ทั้งตับไตไส้พุงของเธอเจ็บปวดพร้อมกันโดยทันที สามแม่ลูกนั่นเป็นคนของตระกูลถัง ทว่าตอนนี้ไม่เพียงแต่จะไม่เกี่ยวข้องกัน แต่ยังหักหาญน้ำใจด้วยการข้ามหัวอย่างไม่ไยดี เมื่อคิดไปต่าง ๆ นานาเธอก็ยิ่งขุ่นเคืองใจมากขึ้น
“เอาเถอะ ในเมื่อเธอมีเวลามานั่งพูดพล่ามตอนนี้ก็รีบตักน้ำไปรดผักในนาซะ ดูจะว่างมากนะ”
หลังได้ยินคำพูดของหญิงชราแล้ว จ้าวเหม่ยฉินยืนนิ่ง
“คุณแม่คะ หลังจากอี้กั๋วกลับมาเขาจะเป็นคนไปรดน้ำเอง มันไม่ใช่หน้าที่ของฉัน”
เมื่อเห็นว่าลูกสะใภ้ใหญ่เกียจคร้านอย่างนี้ หญิงชรายิ่งขุ่นเคือง “นังขี้เกียจ ทำไมคนขี้เกียจอย่างเธอไม่รีบตาย ๆ ไปซะ โชคร้ายจริง ๆ ที่พวกเราแต่งงานรับเธอเข้ามาอยู่ในบ้าน ไม่รู้ทำไมถึงเกียจคร้านได้ขนาดนี้”
“คุณแม่คะ ตอนนั้นเฮ่อหลานขยันมากแท้ ๆ แต่ฉันก็ไม่เห็นว่าคุณแม่จะชอบเธอเลย แล้วทำไมฉันต้องขยันด้วยล่ะ?”
“นี่เธอ…”
หญิงชราแทบจะสำลักเมื่อได้ยินประโยคนี้ ก่อนจะพูดต่อว่าออกไปด้วยอารมณ์โกรธ “เดี๋ยวนี้เธอรู้จักยอกย้อนงั้นหรือ? ก่อนหน้านี้บอกว่าตระกูลเมิ่งดีนักดีหนา แต่เวลานี้เราโชคไม่ดีและไม่ได้ลงเอยกับตระกูลเมิ่งแล้ว แล้วมันจะไม่เกี่ยวข้องกับเธอได้ยังไง!”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้แล้ว จ้าวเหม่ยฉินรู้สึกกลัวหญิงชราตรงหน้าขึ้นมา ทว่าขณะเดียวกันเธอก็ไม่สามารถโต้แย้งได้ ท้ายที่สุดแล้วเธอก็คือคนที่ติดต่อกับตระกูลเมิ่ง แต่มันก็ไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่คิดว่าตระกูลเมิ่งดีสักหน่อย “แม่คะ ตอนนั้นถ้าแม่ไม่รู้สึกดีแล้วทำไมไม่พูด ตอนนี้กลับโทษว่าเป็นความผิดของฉันคนเดียว”
ขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกอึดอัด เธอแค่ต้องการหาครอบครัวที่ร่ำรวยและไว้ใจได้เพื่อแต่งงานเช่นกับถังชุนหยาน
เวลานี้ถังชุนหยานไม่รู้ว่าแม่ของตนกำลังคิดอะไรอยู่ เธอเดินเข้ามาในบ้านด้วยรอยยิ้มกว้าง แบกตะกร้าไว้บนหลัง เวลานี้เธอไม่ต้องแต่งงานอีกแล้ว เธอเลยใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในทุกวัน
หากแต่แม่เฒ่าถังและจ้าวเหม่ยฉินรู้สึกไม่พอใจมากที่เห็นว่าถังชุนหยานมีความสุขแบบนี้
“ชุนหยาน แกไปไหนมา? มัวทำอะไรอยู่? เธอโตเป็นสาวขนาดนี้แล้ว อย่าทำตัวให้รูปร่างหน้าตาต้องด่างพร้อยนะ!”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังชุนหยานถึงกับสับสน
“ทำไมล่ะคะ? ทำไมหนูต้องใส่ใจกับรูปร่างหน้าตาของตัวเองด้วย”
จ้าวเหม่ยฉินตะคอกกลับด้วยความโกรธ “แกกำลังจะแต่งงาน แต่กลับทำตัวสกปรกอย่างนี้ทุกวัน ใครมาเห็นจะคิดเห็นยังไงฮะ?”
หลังได้ยินอย่างนั้นจากอารมณ์ที่ดี ๆ ของถังชุนหยานพลันหายหมดสิ้น เธอหันมองจ้าวเหม่ยฉินโดยตรงแล้วพูดว่า “แม่คะ หนูไม่อยากแต่งงาน แล้วหนูก็ชอบที่ได้อยู่คนเดียว อีกอย่างพี่สาวซวงอายุมากกว่าหนูด้วยซ้ำ เธอยังไม่แต่งงานเลย ทำไมหนูต้องรีบร้อนด้วย”
“พี่สาวซวงอะไรกัน นังนั่นไม่ใช่พี่สาวของแกแล้ว อย่าได้เอาตัวเองไปเปรียบเทียบ”
แม้แต่แม่เฒ่าถังยังอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “เพราะหลังจากสามคนนั่นออกจากครอบครัวของเราไป พวกนั้นก็ต้องไปสร้างครอบครัวของตัวเอง แล้วทำไมถึงยังพูดถึงพวกนั้นอีก? อีกอย่าง… แกไม่สมควรเรียกนังนั่นว่าพี่สาวอีกต่อไป แกจะต้องเรียกมันว่า ถังซวง! เพราะมันไม่ใช่พี่สาวของแกอีกแล้ว”
เมื่อถังชุนหยานได้ยินอย่างนั้น เธออดไม่ได้ที่จะโต้แย้ง “ตอนที่พี่สาวซวงกับป้าหลานอยู่ในบ้าน พวกเธอก็ถูกแม่กับย่ารังแกทุกวัน เพราะอย่างนี้พวกเธอก็เลยออกไป ทั้งหมดเป็นเพราะพวกเธอไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับพวกเรามากกว่าค่ะ”
ทันทีที่กล่าวจบ ทั้งแม่เฒ่าถังและจ้าวเหม่ยฉินถึงกับโกรธจัด
“ถังชุนหยาน แกคิดจะหาเรื่องพวกเราอยู่ใช่ไหม? ในหัวของแกมีแต่สามแม่ลูกนั่น หรือแกคิดอยากจะไปอยู่กับพวกมันแทน? ถ้าเป็นอย่างนั้นวันนี้ฉันจะทุบตีแกให้ตายคามือ”
“แม่เฒ่าถังโกรธจัด เวลานี้เธอทนไม่ได้ที่ถูกถังชุนหยานถอนหงอก เธอหันไปคว้าไม้กวาดด้านข้างแล้วเริ่มทุบตีเด็กสาวทันที”
ถังชุนหยานไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องอย่างนี้กับตัวเอง เธอหลบมันไม่ทันและถูกตบหน้าอย่างรุนแรงอีกครั้งและอีกครั้ง ด้วยความเสียใจเธอจึงร้องออกมาเสียงดัง “คุณย่า! เพราะย่าใช้แต่อารมณ์แบบนี้ไง ก่อนหน้านี้ย่าก็เอาแต่ทุบตีคนอื่น แล้วตอนนี้ยังกลับกล้าว่าร้ายป้าหลานที่ไม่ยอมนับญาติ ย่าไม่คิดว่ามันเห็นแก่ตัวไปหน่อยหรือ
แม้จ้าวเหม่ยฉินจะรู้สึกเหมือนกันว่าแม่สามีของตนอารมณ์ร้ายเกินไป แต่ถังชุนหยานเป็นเพียงแค่เด็ก เธอไม่ควรต่อปากต่อคำกับผู้ใหญ่ และลูกสาวคนนี้ก็ไม่ควรจะดุด่าตนเองด้วยเช่นกัน ดังนั้นเธอรีบสบฟันกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “ชุนหยานรีบขอโทษคุณย่าเดี๋ยวนี้ เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ไม่มีผิด เด็กผู้หญิงวัยนี้ไม่สมควรอยู่ในบ้าน ปีกกล้าขาแข็งนักนะ ฉันจะหาสามีดี ๆ ให้แกได้แต่งงานออกไปสักวัน!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังชุนหยานก็ยังไม่หยุดพูด
“แม่คะ หนูบอกแล้วไงว่าหนูไม่อยากแต่งงาน!”
เมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาวอีกครั้งและเห็นสีหน้าดื้อรั้น ใบหน้าของจ้าวเหม่ยฉินก็กลายเป็นมืดมน
“ในเมื่อแกเป็นผู้หญิงถ้าแกไม่แต่งงานแล้วจะทำอะไร? อีกอย่างนี่ก็ถึงวัยที่แกสมควรจะแต่งงานได้แล้วด้วยซ้ำ”
“ไม่… หนูไม่แต่ง!”
ที่ถังชุนหยานดื้อด้านได้ขนาดนี้ คนเป็นแม่อย่างเธอไม่เคยเจอมาก่อน
แต่นี่เป็นเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นกับตระกูลเมิ่งก่อนหน้านี้ทำให้เธอตระหนักได้ว่าการแต่งงานไม่ใช่ทางออก และบางทีมันอาจจะเป็นหุบเหวด้วยซ้ำ
เมื่อเธอได้เห็นชีวิตของถังซวงแล้ว เด็กสาวก็ได้รู้ว่าความสำเร็จในชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้มีเพียงการแต่งงาน ในฐานะที่เป็นผู้หญิง ทุกคนสามารถมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยความสามารถของตัวเองได้ ดูอย่างเฮ่อหลานในวันนี้สิ หลังจากหย่าร้างแล้วชีวิตของเธอก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ และพอเก่งขึ้น จึงจะดึงดูดเพศตรงข้ามที่ยอดเยี่ยมเทียบเท่ากันเข้ามา ในความคิดของถังชุนหยานในตอนนี้ เธอไม่มีคำว่าแต่งงานอยู่ในหัวเลย เธอต้องการพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นกว่านี้ เวลานั้นอาจจะมีผู้ชายที่ดีพอมาชื่นชอบเธอก็ได้
เมื่อได้ฟังน้ำเสียงดื้อรั้นของถังชุนหยานแล้ว จ้าวเหม่ยฉินตระหนักได้ทันทีว่าลูกสาวของตนตัดสินใจไปแล้ว และเธอก็รู้สึกหงุดหงิดกับมันมาก
“ถังชุนหยาน แกมัวพล่ามเรื่องไร้สาระอะไรกัน เป็นผู้หญิงก็ต้องแต่งงาน พรุ่งนี้ฉันจะออกไปหาครอบครัวที่จะมาเป็นสามีของแก จะได้รีบแต่งงานแล้วไสหัวออกไปให้พ้นสักที”
“นี่มันเทียบเท่ากับการขายหนูหรือเปล่า แม่คิดจะขายหนูตลอดเวลาเลยหรือไง?”
เมื่อนึกถึงแผนการของครอบครัวก่อนหน้านี้ ถังชุนหยานคำรามสุดเสียงก่อนจะร้องไห้ออกมา
เมื่อมองแผ่นหลังถังชุนหยานที่วิ่งหนีไป ทั้งแม่เฒ่าถังและจ้าวเหม่ยฉินกลับมาสามัคคีกันอย่างไม่รู้ตัว ทั้งสองรู้สึกว่าหลานสาวและลูกสาวคนนี้นับวันยิ่งดื้อด้านมากขึ้น
หลังถังชุนหยานออกจากบ้าน เธอเดินไปอย่างไร้จุดหมาย ไปที่หมู่บ้านเถาฮวาโดยไม่รู้ตัว
พอถังซวงและคนอื่น ๆ กลับจากโรงเรียน พวกเขาก็พบเข้ากับถังชุนหยานระหว่างทาง
“ชุนหยาน เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”