การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 22 คืนเงิน(รีไรท์)
บทที่ 22 คืนเงิน(รีไรท์)
บทที่ 22 คืนเงิน(รีไรท์)
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มที่มุมปาก หากคนที่ไม่รู้จักได้ยินสิ่งนี้ พวกเขาจะคิดว่าเธอกับเฉินกวงหยางเป็นพี่น้องกัน เพราะดูสนิทสนมกันซะขนาดนี้
“น้องสาว ของที่เธอเอามาครั้งก่อนขายหมดในเวลาอันรวดเร็ว เธอยังมีของอยู่อีกไหม?” เมื่อเฉินกวงหยางเห็นถังซวง นัยน์ตาของเขาเปล่งประกายระยิบระยับ และเขาคิดว่าครั้งนี้เธอน่าจะนำสินค้ามาเพิ่มอีก
“ขายดีขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“แน่นอน โดยเฉพาะน้ำมันปรุงอาหาร ขายดีอย่างกับแจกฟรีเลย”
เฉินกวงหยางมองไปที่ถังซวงอย่างคาดหวัง
มีของมากมายในพื้นที่มิติของถังซวง อยู่ที่ว่าเธอจะขายอีกมันหรือไม่ แต่เธอมาครั้งนี้เพื่อขายโสม “คุณรับสิ่งนี้ด้วยไหม?” ในขณะที่พูด ถังซวงหยิบโสมออกมาอย่างระมัดระวัง มอบให้เฉินกวงหยางดูและรีบห่อมันกลับทันที
“นี่… นี่คือ…”
เฉินกวงหยางไม่ได้พูดต่อ แม้ว่าจะไม่มีใครอยู่แถวนี้ แต่เขาก็กลัวว่าจะมีใครแอบฟังอยู่ “น้องสาว เข้าไปคุยกันข้างในเถอะ”
“ได้”
หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในห้องแล้ว เฉินกวงหยางก็พูดอย่างตื่นเต้นว่า “น้องสาว นี่คือโสมเหรอ? ของดีอย่างนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อนมีคนมาถามเกี่ยวกับมัน ต้องขายได้ราคาดีแน่”
ถังซวงไม่รู้ข่าวที่มีคนถามหา แต่ก็ถือว่าเป็นข่าวดีสำหรับเธอไม่น้อย “ถ้าอย่างนั้นก็ดีเลย แล้วขายได้เท่าไหร่?” เพื่อแยกโสมที่ดีกับไม่ดี ตอนนี้เธอเปิดผ้าคลุมโสมออกจนหมด เพื่อให้เฉินกวงหยางมองชัด ๆ
เฉินกวงหยางมองดูโสมด้วยนัยน์ตาที่เป็นประกายพลางแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปาก “โสมนี้ยังสดอยู่ แถมรากไม่ได้รับความเสียหาย ถือว่าคุณภาพดีมาก”
“พี่เฉิน บอกฉันทีสิว่าโสมนี้มีราคาเท่าไหร่?”
เมื่อเห็นว่าถังซวงไม่อ้อมค้อมและตรงประเด็น เฉินกวงหยางจึงบอกราคาไปตามตรง “โสมนี้มีอายุประมาณห้าสิบปี คุณภาพก็ดีมาก ฉันให้เธอห้าร้อยหยวน”
เมื่อได้ยินราคา ถังซวงรู้ว่าเฉินกวงหยางยุติธรรมพอ “ตกลง ฉันจะให้โสมกับพี่เฉิน”
เฉินกวงหยางรีบไปเอาเงิน และนอกจากห้าร้อยหยวนแล้ว เขายังให้คูปองจำนวนมากแก่เธออีกด้วย “น้องสาว ครั้งก่อนมันเป็นความผิดของฉันเอง คูปองเหล่านี้ถือเป็นคำขอโทษนะ ครั้งนี้เธอมาหาฉันอีก ฉันรู้สึกขอบคุณจริง ๆ และถ้ามีอะไรอีกก็มาหาฉันได้เลยนะ”
ถังซวงเลิกคิ้วเมื่อได้ยิน จากนั้นกล่าวเคล้ารอยยิ้ม “ได้สิ ในเมื่อพี่เฉินจริงใจและตรงไปตรงมา ตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันแล้ว ฉันจะมาหาพี่อีกแน่ถ้าฉันต้องการอะไร”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ถังซวงพูด เฉินกวงหยางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นจึงยิ้มและถามสิ่งที่อยู่ในใจตามตรงว่า “น้องสาว งั้น…ยังมีของเหมือนครั้งที่แล้วไหม?”
“อีกสองวันแล้วกัน ส่งคนไปที่โกดังร้างทางตอนเหนือของตำบลนะ ฉันจะไปส่งของที่นั่น อย่าลืมพาคนไปขนของด้วยนะ”
“ได้ ๆ ขอบคุณมากน้องสาว แต่…ฉันไม่รู้ว่าเธอมีสินค้ากี่ชิ้น ดังนั้นฉันส่งคนไปรับสินค้าแทนได้ไหม?”
ถังซวงชำเลืองมองเฉินกวงหยาง แล้วถามว่า “ส่วนแบ่งเท่าไหร่?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินกวงหยางก็ตกตะลึง จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา “น้องสาว เธอมีสินค้ามากมายอยู่ในมือของเธอแน่นะ? แน่นอนว่ายิ่งมีมากเท่าไหร่ ราคาก็ยิ่งดีเท่านั้น”
“ตกลง งั้นหาคนมาขนสักสองสามคนนะ”
“ได้เลย ๆ”
หลังจากพูดคุยกับเฉินกวงหยางอีกสองสามคำ ถังซวงก็จากไปทันที คราวนี้ไม่มีใครตามเธอมา แต่เธอยังคงระมัดระวัง และเดินไปรอบ ๆ ก่อนที่จะหาสถานที่ที่ไม่มีใครเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็ไปซื้อซาลาเปาเนื้อ
หลังจากถังซวงซื้อซาลาเปาเนื้อแล้ว เธอก็ตรงกลับไปที่หมู่บ้าน แต่ก็เหมือนกับครั้งที่แล้ว เมื่อกำลังจะกลับบ้าน เด็กสาวก็นำอาหารมากมายออกมาจากพื้นที่มิติ
“แม่ เสี่ยวเซวี่ย ฉันกลับมาแล้ว”
หลังจากที่ถังซวงเข้าประตูมา ถังเซวี่ยก็ดึงมือเธอมาจับอย่างกระวนกระวายและถามว่า “พี่สาว เป็นยังไงบ้าง? ขายโสมไปแล้วหรือยัง?”
เฮ่อหลานที่อยู่ข้าง ๆ ก็มองไปที่ถังซวงอย่างประหม่า สงสัยว่าโสมถูกขายไปแล้วหรือไม่เหมือนกัน
เมื่อเห็นแม่และน้องสาวกระวนกระวายแบบนี้ ถังซวงก็ยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องห่วง ขายไปได้ตั้ง 500 หยวนเลย” จากนั้นเธอก็หยิบเงินออกมา “ตอนนี้เรามีเงินแล้ว”
เมื่อเห็นเงินมากมายตรงหน้า ถังเซวี่ยรีบรุดขึ้นเพื่อนับเงินและ เมื่อเห็นว่ามีเงิน 500 หยวนจริง ๆ ก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ
เฮ่อหลานก็ตื่นเต้นไม่แพ้กัน “ซวงเอ๋อร์ เราเอาเงินไปคืนกันเถอะคงจะไม่ดีที่ตอนนี้เรามีเงินแล้ว แต่ไม่เอาไปคือผู้ใหญ่บ้าน”
แน่นอนว่าถังซวงไม่คัดค้าน เธอพยักหน้าและพูดว่า “ค่ะ แต่หนูจะไปที่นั่นเองคนเดียว ถ้าเราจะกลับไปด้วยกันสามคนจะเด่นเกินไป คนอื่นจะต้องพูดจาไม่ดีกับเราแน่”
เฮ่อหลานเห็นด้วย
“ตกลง งั้นลูกไปจ่ายเงินเองนะ แล้วอย่าลืมเอาใบยอมรับหนี้คืนมาด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ หนูเข้าใจแล้ว”
จากนั้นถังซวงก็หยิบซาลาเปาเนื้อออกมาและพูดว่า “แม่คะ ตอนเที่ยงไม่ต้องทำอาหารหรอก กินนี่ก่อนดีกว่า”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนโตซื้อซาลาเปามาแล้ว เฮ่อหลานก็ไม่พูดอะไรอีก “เอาล่ะ งั้นแม่จะกินซาลาเปาเนื้อเป็นมื้อเที่ยงนะ”
พวกเธอกินซาลาเปาเนื้อ เฮ่อหลานทำซุปเเพเิ่มอีกชาม และสามแม่ลูกก็ทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อย
ความปรารถนาในตอนนี้ของถังเซวี่ยนั้นไม่ยิ่งใหญ่นัก เธอแค่หวังว่าจะมีชีวิตแบบนี้ตลอดไป “ซาลาเปาเนื้ออร่อยมาก ตอนนี้หนูมีความสุขจริง ๆ”
เมื่อเห็นถังเซวี่ยพูดเช่นนี้ เฮ่อหลานและถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
หลังจากพักผ่อนอยู่ครู่หนึ่ง ถังซวงก็หยิบของบางอย่างและออกเดินทางไปหมู่บ้านหลู่ฮวา
“คุณลุงอยู่ไหมคะ?” ถังซวงทักทายด้วยรอยยิ้มและวางของต่าง ๆ ลงบนโต๊ะ มีน้ำตาลและขนมอบนิดหน่อย ซึ่งถือเป็นของขวัญที่เธอนำมามอบให้หัวหน้าหมู่บ้าน
เมื่อเห็นถังซวง ถังเยว่หมินก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “ถังซวง เธอมาทำอะไร เอาของกลับคืนไปเร็ว ๆ”
ถังซวงพูดด้วยรอยยิ้ม “ลุงคะ ฉันเอาของพวกนี้มาให้ เสี่ยวซือโถวจะได้กินด้วย อย่าปฏิเสธเลยค่ะ” เธอพูดและทิ้งของต่าง ๆ ไว้
ถังเยว่หมินปฏิเสธหลายครั้ง แต่หลังจากถูกถังซวงผลักของกลับ เขาก็หยุดและถามไถ่พวกเธอเกี่ยวกับหมู่บ้านเถาฮวา
“ไม่ต้องห่วงค่ะ พวกเราสบายดี”
“งั้นก็ดีแล้ว”
ถังเยว่หมินรู้สึกถึงความจริงใจในคำพูดของเธอ ดังนั้นเขาจึงเชื่อคำพูดของเธอ
หลังจากนั้นถังซวงก็หยิบเงินออกมาจากกระเป๋า มอบให้ถังเยว่หมินและพูดว่า “นี่คือเงินที่ฉันเป็นหนี้ค่ะ ฉันจะจ่ายคืนทั้งหมดในวันนี้”
ถังเยว่หมินไม่พอใจที่เห็นถังซวงจ่ายเงินจำนวนมากในคราวเดียว เขามองตรงไปที่ถังซวงและถามว่า “ถังซวง เธอเอาเงินทั้งหมดนี้มากจากไหน?”
ถังซวงคิดคำที่จะพูดอยู่สักพัก และในที่สุดก็พูดว่า “คุณลุงไม่ต้องกังวล เราสามคนแม่ลูกสบายดีค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ถังเยว่หมินก็รู้สึกโล่งใจจริงๆ
“ฉันไม่คิดว่าเธอจะโชคดีมากขนาดนี้ เยี่ยมมาก”
เมื่อรู้ว่าถังซวงและคนอื่น ๆ ไม่ได้ถูกบังคับอะไรจริง ๆ ถังเยว่หมินจึงยอมรับเงิน และส่งใบยอมรับหนี้ให้กับอีกฝ่ายพร้อมกับพูดว่า “งั้นจากนี้ไป เราไม่มีอะไรติดค้างกันแล้วนะ”