การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 223 คนคุ้นเคย
บทที่ 223 คนคุ้นเคย
บทที่ 223 คนคุ้นเคย
เฮ่อหลานไปตระเตรียมข้าวของ ขณะที่ถังซวงเดินไปหาถังเซวี่ยแล้วถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย พรุ่งนี้เธอจะเข้าเมืองกับเราด้วยไหม มันไม่เป็นไรหรอกถ้าเราจะลาหยุดสักวัน”
ถังเซวี่ยส่ายศีรษะแล้วพูดว่า “พี่ไปกับแม่เถอะค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะไปโรงเรียนแล้วกลับมาวาดรูปต่อ” เวลานี้เธอกำลังมีแรงบันดาลใจในการวาดรูปอย่างล้นหลาม
เมื่อได้ยินถังเซวี่ยตอบอย่างนั้นแล้ว ถังซวงไม่ได้พูดอะไรก่อนจะหันไปถามโม่เจ๋อหยวน
แน่นอนว่าโม่เจ๋อหยวนอยากไปด้วย แต่เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาต้องทำ เขารีบส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ พรุ่งนี้ฉันคงไปด้วยไม่ได้ ฉันต้องไปที่โรงงานเครื่องจักรเพื่อพูดคุยธุระกับผู้จัดการหูน่ะ”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังซวงพยักหน้ารับและพูดว่า “อย่างนั้นฉันจะเข้าเมืองกับแม่ ยังไงฝากดูแลบ้านด้วยนะคะ”
โม่เจ๋อหยวนยิ้มรับก่อนจะตอบกลับว่า “ไม่ต้องห่วง ฉันจะดูแลบ้านให้เอง”
เมื่อพูดถึงการทำความสะอาด แววตาของโม่เจ๋อหยวนเปล่งประกายด้วยความยินดี เขารู้สึกอยู่เสมอว่านี่คือบ้านของเขากับซวงเอ๋อร์
ทว่าถังซวงกลับไม่คิดอะไรมาก หลังคุยกับโม่เจ๋อหยวนแล้วเธอกลับไปเตรียมตัว เพราะคราวนี้เธอวางแผนว่าจะไปเยี่ยมผู้เฒ่าฉีด้วย จึงต้องเตรียมของขวัญสำหรับเขา
วันรุ่งขึ้น เฮ่อหลานและถังซวงเข้าเมือง พวกเขาไปที่บ้านพักก่อนเพื่อจองห้องพัก เก็บของที่นำมาด้วย เช่ารถ ก่อนจะออกไปสถานีเพื่อรับแขกที่มาเยี่ยมเยือน
“ซวงเอ๋อร์ คุณชายซ่างบอกว่าเขาจะมาถึงประมานสิบโมงเช้า คงอีกไม่นานจ้ะ”
ถังซวงมองดูเวลาและคิดว่ามันพอมีเวลาเหลือสักครึ่งชั่วโมง “แม่คะ อย่างนั้นเราไปหาที่นั่งกันก่อน แล้วค่อยไปที่ทางออกแล้วกันค่ะ”
เมื่อเห็นว่ายังพอมีเวลา เฮ่อหลานพยักหน้า “จ้ะ”
พอเกือบถึงเวลาแล้ว ถังซวงจึงพาเฮ่อหลานไปที่ทางออก ทั้งสองยืนรออยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเห็นซ่างสยงเยี่ยเดินออกมาพร้อมกับชายหนุ่มคนหนึ่ง
“คุณชายซ่างคะ ทางนี้ค่ะ”
เมื่อเฮ่อหลานเห็นเขาแล้ว เธอรีบทักทายทันที
ซ่างสยงเยี่ยหันกลับมาและเห็นรอยยิ้มของเฮ่อหลาน แม้วันนี้เธอจะสวมใส่ชุดธรรมดา แต่ท่าทางของเธอกลับดูดีเป็นพิเศษ ไม่ว่าใครก็มองผู้หญิงคนนี้ด้วยความโดดเด่นของเธอ “คุณเฮ่อ ได้พบกันอีกแล้วนะครับ” จากนั้นเขาหันมองถังซวงแล้วกล่าวทักทาย “คุณถัง เธอก็สวยไม่เปลี่ยนเลยนะครับ”
ถังซวงกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณคุณชายซ่างสำหรับคำชมค่ะ เดี๋ยวเราไปที่บ้านพักกันก่อน แล้วค่อยไปทานข้าวกันนะคะ”
“ครับ”
ซ่างสยงเยี่ยยิ้มแล้วพยักหน้าก่อนจะชี้ไปที่ชายหนุ่มด้านข้างแล้วกล่าวแนะนำ “นี่ซ่างหมิงซวี่ หลานชายของผมครับ”
ซ่างหมิงซวี่มองเฮ่อหลานและถังซวงด้วยความสงสัย ก่อนจะกล่าวทักทายด้วยความสุภาพ
“สวัสดีครับ”
เฮ่อหลานและถังซวงก็กล่าวทักทายเขาเช่นกัน ก่อนจะพาทั้งสองออกไปด้านนอก
“คุณชายซ่างคะ ทางนี้ค่ะ”
หลังจากนั้นทุกคนก็ขึ้นรถ และตรงไปที่บ้านพัก
นี่เป็นครั้งแรกที่ซ่างหมิงซวี่มาที่แผ่นดินใหญ่ เขามองไปรอบ ๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหลังเห็นบ้านหลังเล็ก ๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างจะเรียบง่ายตรงหน้า
การแสดงออกของซ่างสยงเยี่ยยังไม่แปรเปลี่ยน แม้แต่ใบหน้ายังคงประดับด้วยรอยยิ้ม เวลานี้เขามองเฮ่อหลานพร้อมกับเอ่ยถามว่า “คุณเฮ่อจะพาผมไปดูโรงงานเย็บปักเมื่อไหร่หรือครับ?”
เฮ่อหลานได้ยินอย่างนั้นจึงรีบตอบว่า “พรุ่งนี้ค่ะ วันนี้พวกเราควรพักผ่อนในเมืองก่อนดีกว่า” ขณะพูดอย่างนั้นเธอก็กล่าวถึงสถานการณ์ของโรงงานเย็บปักเถาฮวาสั้น ๆ ว่า “โรงงานเย็บปักเถาฮวาอยู่ในหมู่บ้านเถาฮวา ห่างจากตัวเมืองค่อนข้างไกลพอสมควร ถ้ารีบไปวันนี้เกรงว่าจะมืดค่ำเสียก่อนน่ะค่ะ จึงจะไปในวันพรุ่งนี้แทน”
ซ่างสยงเยี่ยไม่คัดค้านอะไรเพียงพยักหน้ารับแล้วตอบกลับว่า “ครับ อย่างนั้นคุณเฮ่อสามารถจัดการได้เลยนะครับ ความจริงแล้วนี่เป็นครั้งแรกที่ผมมาที่นี่ ถ้าคุณเฮ่อพอจะมีเวลา สามารถพาพวกเราไปรับชมรอบเมืองสักหน่อยก่อนก็ได้ครับ”
แน่นอนว่าเฮ่อหลานไม่ปฏิเสธ เธอยกยิ้มก่อนจะกล่าวตอบว่า “ค่ะ หลังจากไปที่โรงงานเย็บปักแล้ว ถ้าคุณไม่รีบไปไหน ฉันจะพาคุณไปดูรอบ ๆ เมืองความจริงแล้วยังมีสถานที่ดี ๆ มากมายในเมืองเวิงซาน ที่พวกเราสามารถไปเดินเล่นรับลมได้ค่ะ”
“ดีเลยครับ คราวนี้ที่ผมมาที่นี่ ผมคิดไว้ว่าจะมาพักผ่อนด้วย ไม่ใช่มาเพื่อตรวจสอบงานเท่านั้น”
ทว่าซ่างหมิงซวี่ยิ่งได้ยินคำพูดของลุง เขายิ่งขมวดคิ้วมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ไม่ได้กล่าวอะไรที่เป็นการเสียมารยาท เขาคิดเพียงว่าจะทำอย่างไรให้ลุงของเขากลับไปอย่างรวดเร็ว และเขาไม่คิดว่ามีอะไรน่ารับชมในเมืองที่แสนจะทุรกันดารอย่างนี้ อีกทั้งไม่คิดว่ามันจะเป็นการตัดสินใจที่ชาญฉลาดในการร่วมทำธุรกิจกับเฮ่อหลานเลย แต่เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เขาจะพูดออกไปได้
เมื่อทั้งกลุ่มมาถึงบ้านพักแล้ว เฮ่อหลานและถังซวงพาซ่างสยงเยี่ยกับหลานชายไปที่ห้องพัก แล้วค่อยไปร้านอาหารที่จองไว้สำหรับมื้อเย็น
ร้านอาหารนี้ถูกจองโดยถังซวง มันเป็นร้านลับที่มีรสชาติดีมาก โดยปกติแล้วจะรับเฉพาะบุคคลที่จองเอาไว้เท่านั้น และไม่เปิดรับนักท่องเที่ยวสัญจร เธอรู้จักมันเพราะเฉินกวงหยางพาเธอมาที่นี่
“คุณชายซ่างคะ ฉันอยากรู้ว่าคุณมีสิ่งที่ไม่ชอบทานหรือเปล่าคะ?”
ซ่างสยงเยี่ยโบกมือพร้อมพูดว่า “ไม่เลยครับ ผมทานได้ทุกอย่างเลยครับ”
เมื่อซ่างหมิงซวี่เห็นลุงพูดออกไปอย่างนั้นแล้ว เขาก็ไม่สามารถพูดอะไรได้นอกจาก “ผมก็เหมือนกันครับ”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังซวงจึงยิ้มหวานแล้วตอบว่า “อย่างนั้นฉันก็จะสั่งอาหารจานพิเศษของเมืองพวกเราให้นะคะ”
“ครับ ผมก็อยากจะลิ้มรสอาหารรสเลิศจากทั่วมุมโลกเหมือนกัน และคราวนี้ผมก็ยินดีที่ได้มาที่นี่”
ถังซวงเห็นว่าซ่างสยงเยี่ยและซ่างหมิงซวี่ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับความชอบของตนเอง เธอจึงสั่งอาหารจากประสบการณ์ของเธอก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตามเมนูประจำวันของร้านอาหารนั้นไม่ตายตัวนัก วันนี้จะมีอาหารกี่จานขึ้นอยู่กับว่าพวกเขามีวัตถุดิบสดใหม่เท่าไร ดังนั้นเธอจึงไม่กังวลนัก และรีบสั่งอาหารสำหรับโต๊ะนี้ตามวัตถุดิบที่มีในวันนี้
เมื่อถังซวงสั่งอาหารเสร็จแล้ว และกำลังจะกลับไปที่โต๊ะ ทว่าเธอหันไปเจอแขกในโต๊ะอื่น
คนที่เดินนำหน้าคือจิงเจ้อหรง และด้านข้างของเขาคือเหม่ยหยิงตงและหลี่ว์ตาน สำหรับคนที่อยู่ด้านหลังนั้น ถังซวงไม่ได้สังเกตพวกเขานัก แต่เธอมองไปที่จิงเจ้อหรงอย่างไม่คลาดสายตา และพยายามสังเกตสีหน้าของเขาในเวลานี้
โชคดีที่ใบหน้าของจิงเจ้อหรงดูไม่มีความสุข คิ้วและปากของเขาแสดงถึงความหงุดหงิดอย่างรุนแรง
เมื่อเห็นอย่างนี้แล้ว ใบหน้าของถังซวงจึงผ่อนคลายลง
เวลานี้ชายคนหนึ่งที่ติดตามจิงเจ้อหรงมากล่าวขึ้นว่า “อาเจ้อ หายากที่คุณเหม่ยจะมาที่นี่ เราควรเลี้ยงต้อนรับทั้งสองสักมื้อ นายไม่ต้องกังวลเรื่องนั้นหรอก ฉันเลี้ยงมื้อนี้เอง ตกลงไหม?”
เหม่ยหยิงตงได้ยินอย่างนั้นจึงหันมองชายผู้นั้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะตอบว่า “หยางซู่ ขอบคุณสำหรับการต้อนรับนะคะ”
หยางซู่ยิ้มและโบกมือก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกครับ พวกเราคนกันเองทั้งนั้น ไม่ต้องเกรงใจหรอก”
ถังซวงได้ยินการสนทนานี้ชัดเจน และเมื่อเธอกำลังจะก้าวไปด้านหน้า เฮ่อหลานก็เดินเข้ามาหาแล้วถามว่า “ซวงเอ๋อร์ ยังไม่ได้สั่งอาหารหรือจ๊ะ?”