การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 226 งานปักสองด้าน
บทที่ 226 งานปักสองด้าน
บทที่ 226 งานปักสองด้าน
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ซ่างสยงเยี่ยพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มก่อนจะตอบว่า “ครับ งั้นผมจะลองดู”
เฮ่อหลานหันมองซ่างหมิงซวี่แล้วพูดขึ้นว่า “ซ่าง… เอ่อ ฉันเรียกคุณว่าหมิงซวี่ได้ไหมคะ ไม่อย่างนั้นคงต้องเรียกว่าคุณชายซ่างเหมือนกัน มันอาจจะทำให้เข้าใจผิดกันได้ ความจริงแล้วก่อนหน้านี้ฉันก็ประหลาดใจอยู่บ้างเมื่อเห็นว่าชื่อของคุณเหมือนกับเพื่อนของฉันทุกอย่าง ยกเว้นแค่แซ่ที่ต่างกันเท่านั้น”
ก่อนซ่างหมิงซวี่จะทันได้ตอบกลับ ซ่างสยงเยี่ยก็ตอบด้วยรอยยิ้ม “ความจริงแล้วมันก็เป็นเรื่องบังเอิญน่ะครับ ถ้ามีโอกาสในอนาคต ผมหวังว่าจะได้เจอเพื่อนของคุณบ้างนะครับ”
“เพื่อนของฉันอยู่ในเมืองหลวงค่ะ คงจะไม่ได้เจอกันหรอก”
ซ่างหมิงซวี่เห็นแล้วว่าเขาคงไม่มีโอกาสได้พูด ดังนั้นเขาจึงหยุดพูดพร้อมกวาดสายตามองอาหารบนโต๊ะ เดิมทีเขารู้สึกหมดหวังกับสถานที่แห่งนี้พอสมควร แต่หลังจากเห็นจานที่ถูกวางไว้ เขาค่อยรู้สึกอยากจะลิ้มลองมันดูบ้าง
หลังเฮ่อหลานและซ่างสยงเยี่ยพูดจบ ทั้งสองเริ่มหยิบตะเกียบแล้ว ถังซวงกับซ่างหมิงซวี่ก็เริ่มรับประทานอาหารด้วยเช่นกัน “อืม… เนื้อแกะผัดต้นหอมรสชาติดีจริง ๆ นะครับ เนื้อแกะไม่มีกลิ่นคาวเลย อร่อยมาก”
เมื่อเห็นว่าซ่างสยงเยี่ยชอบ เฮ่อหลานยิ้มกว้างพร้อมโบกไม้โบกมือให้เขาทานให้มากขึ้น
ซ่างหมิงซวี่และซ่างสยงเยี่ยทานรสชาติเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงตักเนื้อแกะอีกหลายชิ้น
ส่วนถังซวงไม่ชอบเนื้อแกะเลย แต่ถ้าไม่ใช่เพราะความสดของเนื้อแกะวันนี้ เธอจะไม่สั่งมันเด็ดขาด อีกอย่างเธอไม่คาดคิดว่าทั้งซ่างสยงเยี่ยและหลานของเขาจะชื่นชอบมันขนาดนี้ หลังทั้งสองได้ชิมสตูว์รสเลิศทั้งสามจาม และอาหารทะเลผัดซอส พวกเขาก็ชอบมันมาก ภายในเมืองเวิงชานนี้การได้ทานอาหารที่หรูหรานับว่าเป็นเรื่องที่ดีมากแล้ว
ทั้งเจ้าบ้านและแขกต่างรับประทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย
ในที่สุดเฮ่อหลานก็ได้ถือโอกาสพูดถึงโรงงานเย็บปักเถาฮวา
“คุณชายซ่างคะ คืนนี้เราจะพักผ่อนในเมือง แล้วพรุ่งนี้ฉันจะพาไปที่โรงงานเย็บปักเถาฮวาเพื่อดูงานนะคะ ความจริงแล้วฉันนำงานปักติดตัวมาด้วยสองสามชิ้น ถ้ามีเวลา คุณชายซ่างลองดูก่อนก็ได้นะคะ”
“อ้อ… อย่างนั้นผมขอดูก่อนก็ได้ครับ”
ร้านอาหารแห่งนี้ค่อนข้างสงบและเป็นส่วนตัว ดังนั้นหลังจากทั้งหมดลุกจากโต๊ะอาหาร พวกเขาก็ตรงไปที่โต๊ะกาแฟด้านข้าง
“คุณชายซ่างคะ สองชิ้นนี้พี่สาวของฉันเป็นคนปักค่ะ เธอเป็นช่างที่เก่งมากในโรงงานเย็บปักของเรา เก่งกว่าฉันด้วยซ้ำ คุณต้องชอบงานของเธอแน่ค่ะ” ขณะพูดอย่างนั้นเธอหยิบงานปักสองชิ้นของเกอชิงเหม่ยออกมา ชิ้นหนึ่งคือแมวกำลังไล่จับผีเสื้อ มันสดใสราวกับว่าลูกแมวกำลังโบกไม้โบกมือไล่จับผีเสื้อจริง ๆ ส่วนอีกชิ้นหนึ่งเป็นรูปดอกไม้ขนาดใหญ่ รูปลักษณ์สวยงามของมันเหมาะสมที่จะแขวนไว้ในห้องโถง
ซ่างสยงเยี่ยจินตนาการเห็นดอกไม้คู่นี้ที่กำลังเบ่งบานต้อนรับความมั่งคั่ง
“ภาพนี้สวยมากครับ ถ้าใส่กรอบดี ๆ จะต้องมีคนชอบแน่ ทั้งลายเข็มและทักษะการปักก็ดูดีมาก เป็นผลงานประณีตจริง ๆ”
เดิมทีเขามาที่นี่ด้วยความคาดหวังพอสมควร เมื่อได้เห็นภาพนี้ เขารู้สึกว่าการเดินทางคราวนี้คุ้มค่า หากโรงงานเย็บปักของเฮ่อหลานสามารถปักผ้าเช่นนี้ได้ มันจะมีชื่อเสียงมากภายในเมืองก่างเฉิง
ทว่าด้านซ่างหมิงซวี่กลับชอบภาพแมวไล่จับผีเสื้อ เขาคิดว่าแมวน่ารักและดูไร้เดียงสา “คงจะดีถ้าชิ้นนี้ทำเป็นรูปพัด”
เฮ่อหลานชำเลืองมองซ่างหมิงซวี่ด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาแล้วตอบว่า “คุณหมิงซวี่ตาแหลมคมมาก ความจริงแล้วฉันก็ชอบรูปนี้เหมือนกันค่ะ” ขณะพูดอย่างนั้นเธอพลิกผ้าปักกลับอีกด้าน มันกลายเป็นผีเสื้อหยอกล้อกับดอกกล้วยไม้
“นี่… งานปักสองด้าน”
ซ่างซยงเยี่ยหยิบงานปักขึ้นมาด้วยใบหน้าประหลาดใจ เขาทั้งสับสนและยินดี “มันดูดีมากครับน่าประทับใจมาก ๆ เลยครับ”
ซ่างหมิงซวี่ที่อยู่ด้านข้างก็ประหลาดใจไม่น้อยด้วยเช่นกัน เขาเพิ่งพูดว่ามันเหมาะสมที่จะทำพัด แต่เขาไม่คิดว่ามันกลับเป็นงานปักสองด้าน เขาแค่คิดว่าจะจัดการกับอีกด้านหนึ่งยังไง แต่ตอนนี้เขาไม่จำเป็นต้องทำอะไรด้วยซ้ำ สิ่งนี้สามารถใช้งานได้ทันที
เมื่อเห็นท่าทีของซ่างสยงเยี่ยและซ่างหมิงซวี่ แววตาของเฮ่อหลานยิ่งเปล่งประกายด้วยความภาคภูมิใจ งานปักในเมืองของพวกเธอนับว่าเป็นผลงานล้ำค่า และพวกเขาจะสามารถเปิดตลาดในเมืองก่างเฉิงได้แน่
ซ่างสยงเยี่ยชื่นชมงานปักสองด้านนี้อย่างปราณีตก่อนจะเอ่ยถามว่า “คุณเฮ่อครับ ภายในหนึ่งเดือนคุณสามารถปักผ้าสองด้านแบบนี้ได้กี่ชิ้นหรือครับ?”
“การปักสองด้านต้องใช้ทักษะสูงมาก มีเพียงช่างไม่กี่คนที่รู้วิธีการ พวกเขาน่าจะทำได้สักห้าชิ้นต่อเดือนค่ะ”
นอกจากเกอชิงเหม่ยแล้ว แน่นอนว่าอาจารย์ซูเหนียนอวิ๋นก็สามารถทำได้ และในขณะเดียวกันบุคคลที่อาจารย์จ้างมาก็น่าจะทำได้ นอกเหนือจากนั้นไม่มีใครทำได้แล้ว ดังนั้นจึงทำให้ผลิตได้เพียงห้าชิ้นต่อหนึ่งเดือนเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม นับตั้งแต่ที่อาจารย์มาที่หมู่บ้านเถาฮวา หล่อนก็สอนทักษะต่าง ๆ ให้เธอ เธอจึงเริ่มเรียนรู้การปักผ้าสองด้านแล้ว และยังมีทักษะเพิ่มมากกว่าที่เคย
“แค่ห้าชิ้นเท่านั้นหรือครับ…”
ซ่างสยงเยี่ยรู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่ไม่นานเขาก็กลับมายิ้มอีกครั้ง “ไม่เป็นไรหรอกครับถ้ามีแค่ห้าชิ้น ก็ยิ่งหายาก ยิ่งมีราคาแพง ดีแล้วที่พวกมันจะมีน้อยชิ้นอย่างนี้” ในเวลานั้นจะมีงานปักออกมาเพียงห้าชิ้น แล้วหากจัดการได้ดีอาจจะสามารถผลักดันราคาของมันให้สูงที่สุดเท่าที่จะทำได้
เมื่อเห็นความคิดของซ่างสยงเยี่ยเปลี่ยนไป เฮ่อหลานถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ค่ะ เพียงห้าชิ้นก็ยอดเยี่ยมแล้วค่ะ พรุ่งนี้เราจะไปที่โรงงานเย็บปักเพื่อดูงานปักอื่น ๆ แล้วพูดคุยเรื่องนี้โดยละเอียดนะคะ”
“ครับ”
หลังพูดคุยเสร็จแล้ว เฮ่อหลานจึงวางแผนว่าจะกลับ
“คุณชายซ่างคะ เดี๋ยวฉันพาคุณกลับไปพักผ่อนที่บ้านพักนะคะ”
ซ่างสยงเยี่ยมองเฮ่อหลานด้วยรอยยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “คุณเฮ่อคงจะรีบไปหาคนรักใช่ไหมครับ งั้นให้พวกผมกลับเองดีกว่า”
เฮ่อหลานรู้สึกเขินอายเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น สุดท้ายแล้วคนในแผ่นดินใหญ่ยังคงเหนียมอายกับเรื่องอย่างนี้ แตกต่างจากคนในเมืองก่างเฉิงที่ตรงไปตรงมา
ถังซวงคิดว่ามันไม่แปลกอะไร เธอยิ้มและมองลุงกับหลานชายตรงหน้าแล้วพูดว่า “คุณแม่มีเรื่องอื่นต้องไปจัดการค่ะ เดี๋ยวฉันจะพาคุณซ่างสยงเยี่ยไปเดินเล่นเองนะคะ”
เมื่อได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น ซ่างสยงเยี่ยพยักหน้าแล้วพูดว่า “ครับ อย่างนั้นรบกวนคุณถังด้วย”
แม้เขาจะรู้สึกเสียใจที่เฮ่อหลานมีคนรักแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะแปลกใจอะไร และเขาจะไม่หมกมุ่นมากเกินไป
ทว่าเฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะหันมองถังซวง “ซวงเอ๋อร์ ลูกอยากให้ใครไปด้วยไหม?” แม้จะรู้ว่าลูกสาวเก่งแค่ไหน แต่เธอก็ยังคงกังวลอยู่บ้าง
“ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ หนูจะเป็นเจ้าบ้านที่ดี แม่รีบไปจัดการธุระเถอะ”
ขณะถังซวงพูดอย่างนั้น เธอพาซ่างสยงเยี่ยและหลานชายออกไป เฮ่อหลานทำได้เพียงเดินตามพวกเขาออกไปพร้อมถอนหายใจ
แต่สิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือจิงเจ้อหรงกำลังยืนรออยู่ด้านนอก
“อาหลาน ทานข้าวเสร็จแล้วหรือครับ?”
หลังเห็นจิงเจ้อหรง เฮ่อหลานรีบก้าวเท้าเข้ามาพร้อมเอ่ยถามว่า “อาเจ้อ คุณล่ะทานข้าวเสร็จแล้วหรือคะ?”
แววตาของจิงเจ้อหรงเป็นประกาย เขาไม่ได้ตอบกลับแต่ถามว่า “คุณทำงานเสร็จแล้วใช่ไหม ให้ผมไปส่งคุณชายทั้งสองคนนั้นไหมครับ?”
ซ่างสยงเยี่ยมองจิงเจ้อหรงก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นไรครับ ผมจะไปเดินเล่นกับคุณถังสักหน่อย”
เขาไม่ต้องการเห็นความสัมพันธ์ระหว่างเฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงอีกต่อไป เวลานี้เขาจึงเดินตามถังซวงและรีบออกไปทันที