การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 233 รีบ
บทที่ 233 รีบ
บทที่ 233 รีบ
ขณะที่กำลังนำทาง จางหยานอันพยายามลอบมองซ่างหมิงซวี่พร้อมหัวเราะคิกคักด้วยความชอบใจ ท่าทางของเธอไม่ต่างจากหญิงสาวที่กำลังมีความรัก
ยิ่งเห็นท่าทางของจางหยานอันอย่างนี้ เฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะมองซ่างหมิงซวี่อย่างสงสัย
ทว่าเมื่อเห็นใบหน้าเย็นชาของซ่างหมิงซวี่แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะเม้มปากพร้อมยกยิ้มอย่างลับ ๆ ดูเหมือนว่าหมิงซวี่จะหงุดหงิดที่โดนมองสินะ
ซึ่งก็เป็นอย่างที่เธอคิด ซ่างหมิงซวี่หงุดหงิดมากจริง ๆ เขาไม่ชอบการโดนจับจ้องจากผู้หญิงที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าแบบนี้เลย
เวลานี้เขาจึงพูดออกไปตามตรง “คุณครับ พวกเราไปเองได้ ไม่จำเป็นต้องมีคุณนำทาง เรารู้ทางดีอยู่แล้ว”
แต่เหมือนจางหยานอันจะไม่สนใจ เธอยังคงเดินต่อไป
“ไม่ได้ค่ะ ในเมื่อฉันบอกว่าจะนำทาง ฉันก็จะเป็นคนนำทางไปจนถึงที่หมายค่ะ”
ยิ่งเห็นความดื้อรั้นของจางหยานอัน ซ่างหมิงซวี่ยิ่งรู้สึกว่าเขากำลังจะอารมณ์เสียแล้วจริง ๆ
เวลานี้เฮ่อหลานเอ่ยพูดขึ้นบ้าง “หยานอัน พวกเราไปที่นั่นเองได้จ้ะ เธอกลับบ้านไปเถอะ”
“ไม่ค่ะ”
จางหยานอันพูดอย่างไม่พอใจ แล้วก็รีบกระแทกเท้าเดิน ทำไมเฮ่อหลานถึงทำตัวน่ารำคาญแบบนี้นะ เธอไม่มีโอกาสได้พบคนหล่อแบบนี้บ่อยแท้ ๆ แต่อีกฝ่ายกลับคิดจะกันท่าเธอ หรือหล่อนเองก็ไม่อยากเห็นหน้าเธอด้วย?
เมื่อเห็นจางหยานอันไม่ฟัง เฮ่อหลานก็ไม่สามารถพูดอะไรได้อีก โชคดีที่เวลานี้เกือบจะถึงโรงงานเย็บปักแล้ว
“คุณชายซ่างจะอยู่ตรงนั้นค่ะ เดี๋ยวฉันนำทางไปเอง”
จางหยานอันเดินตรงไป แต่พอผ่านไปครึ่งทาง จู่ ๆ เธอหันมองเฮ่อหลานแล้วพูดว่า “ตอนนี้คุณชายซ่างอยากพบคุณแค่คนเดียว ฉันว่าคุณไปที่นั่นคนเดียวน่าจะดีกว่านะคะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานก็เลิกคิ้วขึ้นอย่างสงสัย
“คุณชายซ่างพูดอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ค่ะ”
จางหยานอันส่ายศีรษะก่อนจะหันมองซ่างหมิงซวี่ด้วยใบหน้ากะลิ้มกะเหลี่ยแล้วพูดว่า “พวกเราไปรอตรงนั้นกันเถอะค่ะ”
“ไม่ ผมจะไปที่นั่นด้วย”
“อ่า… แต่คุณลุงของคุณต้องการให้เฮ่อหลานไปที่นั่นคนเดียวนะคะ คุณอยากไปขัดจังหวะการพูดคุยของพวกเขาหรือ?”
สุดท้ายจางหยานอันดึงซ่างหมิงซวี่ออกไป
เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว เฮ่อหลานขมวดคิ้วพร้อมกับมองจางหยานอันแล้วพูดว่า “จางหยานอัน เธอคิดจะทำอะไรน่ะ ถึงคุณชายซ่างจะอยากคุยกับฉัน แต่หมิงซวี่คือหลานชายของเขา มันคงไม่เป็นอะไรหรอกหากเขาจะไปด้วย”
ทว่าซ่างหมิงซวี่ไม่ชอบจางหยานอันก็จริง แต่เขาก็ไม่คิดอยากจะเข้าไปด้วย เพราะลุงของเขากับเฮ่อหลานคงมีธุระบางอย่าง อีกอย่างทั้งสองก็กำลังจะกลับในวันพรุ่งนี้แล้ว ลุงคงมีเรื่องจะต้องจัดการ
“คุณเฮ่อครับ คุณไปที่นั่นก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมไปหาอาจารย์เกอ”
นับตั้งแต่ที่เขาเห็นงานปักทั้งสองด้านของเกอชิงเหม่ย เขาก็ชอบมันมาก เลยขอให้เธอช่วยปักพวงกุญแจสองด้านเล็ก ๆ ให้ตน
เดิมทีเขาคิดว่าจะถามเกี่ยวกับพวงกุญแจหลังจากที่เกอชิงเหม่ยกลับบ้านแล้ว ทว่าเวลานี้เรื่องราวกำลังวุ่นวาย เขาจึงจะไปหาเกอชิงเหม่ยเพื่อจะได้หลุดพ้นจากจางหยานอันสักที
เฮ่อหลานพยักหน้ารับเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ค่ะ อย่างนั้นก็รีบไปเถอะ”
ซ่างหมิงซวี่รีบเข้าไปในโรงงานเย็บปักโดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ
จางหยานอันถูกขัดขวางอีกครั้ง โรงงานเย็บปักไม่ใช่สถานที่ที่คนเกียจคร้านอย่างเธอจะสามารถเข้าไปด้านในได้ เธอจึงทำได้เพียงตะโกนเรียกซ่างหมิงซวี่ที่หน้าประตูด้วยความโกรธเกรี้ยว
เมื่อเฮ่อหลานเห็นอย่างนั้นก็ส่ายศีรษะอย่างเบื่อหน่าย เธอเดินจากไป พร้อมกับคิดว่าทำไมซ่างสยงเยี่ยถึงขอให้เธอมาพบที่นี่ หากพูดคุยกันในโรงงานเย็บปักหรือที่บ้านจะไม่สะดวกกว่าหรือไง?
แต่ทันใดนั้น เฮ่อหลานก็รู้สึกเจ็บที่หลังคอ ก่อนจะหมดสติไป
อีกด้านหนึ่ง ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น ทั้งสองเห็นว่าหลี่จงอี้ยังอยู่ที่นี่ จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “คุณปู่หลี่ เมื่อครู่ฉันได้ยินเสียงแม่ แล้วแม่ไปไหนแล้วหรือคะ?”
“อาหลานเพิ่งกลับมา แต่ได้ยินว่าสยงเยี่ยเรียกเธอออกไปพบที่โรงงานเย็บปัก เห็นบอกว่ามีเรื่องบางอย่างต้องคุยกันน่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังซวงพยักหน้ารับ แต่อยู่ ๆ ก็นึกบางอย่างขึ้นได้
“ตอนเราออกไปเดินเล่นกับคุณชายซ่าง ไม่เห็นเขาจะบอกว่ามีเรื่องอะไรจะคุยกับแม่นะคะ อีกอย่างมันจะดีกว่าไหมถ้าเขารอคุยกับแม่ที่บ้าน ไม่เห็นจำเป็นต้องไปคุยที่โรงงานเย็บปักเลย”
ทว่าหลี่จงอี้ก็ไม่รู้อะไรนัก
“บางทีซ่างสยงเยี่ยอาจไปที่โรงงานเย็บปักแล้วก็ได้”
ถังซวงรู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เธอยืนขึ้นแล้วพูดว่า “อย่างนั้นฉันจะไปดูค่ะ แล้วจะเรียกป้าเกอกับคนอื่น ๆ กลับมากินข้าวที่บ้านด้วย”
แต่ก่อนที่ถังซวงจะออกไป จิงเจ้อหรงก็เข้ามา ทำให้ถังซวงประหลาดใจมากขึ้นเมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงอยู่ที่นี่
“ลุงจิง มาได้ยังไงคะ?”
“ฉันทำงานเสร็จแล้วน่ะ เลยแวะมา แล้วนี่อาหลานอยู่ไหนหรือ?”
หลังได้ยินอย่างนั้น ถังซวงยิ้มแล้วพูดว่า “แม่กับคุณชายซ่างกำลังคุยกันอยู่ที่โรงงานเย็บปักน่ะค่ะ ฉันกำลังจะไปหาพวกเขาพอดี”
จิงเจ้อหรงรีบพูดทันทีว่า “งั้นฉันไปด้วย”
แน่นอนว่าถังซวงไม่ปฏิเสธ หลังเธอนำขนมออกมาแล้ว เธอก็ตรงไปที่โรงงานเย็บปักพร้อมกับจิงเจ้อหรง
“ซวงเอ๋อร์ แล้วเรื่องคุณชายซ่างกับโรงงานเย็บปักตกลงกันเสร็จแล้วหรือยัง?”
“ทุกอย่างเรียบร้อยค่ะ ลงนามแล้วด้วย”
ถังซวงเล่าเรื่องราวให้เขาฟัง
จิงเจ้อหรงรู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินอย่างนั้น แต่แม้ว่าจะลงนามเรียบร้อยแล้ว แต่เขาก็ยังแคลงใจเกี่ยวกับสัญญา
“สัญญาไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงใช่ไหม?”
“ไม่ค่ะลุงจิง เงื่อนไขในสัญญาก็ดีมาก และคุณชายซ่างก็ใจกว้างมาก สัญญานี้เป็นประโยชน์กับโรงงานเย็บปักเถาฮวาแน่ค่ะ”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว จิงเจ้อหรงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว สุดท้ายจึงพูดขึ้นว่า “คุณชายซ่างเป็นคนดีจริง ๆ สินะ”
ทั้งสองเดินและพูดคุยกันไป ไม่ช้าก็มาถึงโรงงานเย็บปัก และเห็นว่าซ่างหมิงซวี่เดินสวนทางมา
“เสี่ยวซ่าง คุณชายซ่างกับแม่ของฉันยังคุยกันไม่เสร็จหรือคะ?”
ซ่างหมิงซวี่ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นจิงเจ้อหรง เขาทักทายทั้งสองก่อนจะพูดว่า “ฉันยังไม่เห็นพวกเขาเลย กำลังตามหาอยู่เหมือนกัน”
หลังได้ยินอย่างนั้น ถังซวงขมวดคิ้วสงสัย
“ทั้งสองไม่ได้อยู่ในโรงงานเย็บปักหรือ? แล้วคุณกำลังจะไปไหนคะ?”
ซ่างหมิงซวี่ตอบว่า “พวกเขาไม่ได้อยู่ในโรงงานเย็บปัก แต่อยู่ด้านหลังตึกน่ะ”
“เกิดอะไรขึ้น? เมื่อครู่คุณบอกว่าแม่กับคุณชายซ่างกำลังคุยกันอยู่ในโรงงานเย็บปักไม่ใช่หรือ?”
ถังซวงขมวดคิ้วประหลาดใจมาก “เสี่ยวซ่าง ไปดูกันเถอะค่ะ”
เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แม้ว่าทั้งสองมีเรื่องพูดคุยกันจริง ๆ แต่ก็ควรคุยกันที่โรงงานเย็บปักหรือไม่ก็ที่บ้านไม่ใช่หรือ จะไปคุยกันที่ด้านหลังของอาคารได้อย่างไร
แต่ซ่างหมิงซวี่ไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติ เลยแค่พยักหน้าแล้วพูดว่า “เอาเถอะ เรารีบไปที่นั่นกันเถอะครับ”
เมื่อจิงเจ้อหรงเห็นท่าทางร้อนใจของถังซวง เขาก็พลันกังวลใจด้วยเช่นกัน ก่อนจะรีบเดินตามทั้งสองไปที่ลานเล็ก ๆ ที่ด้านหลังอาคาร
“คุณลุง… อยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ?” เมื่อมาถึงประตู ซ่างหมิงซวี่ตะโกนเสียงดัง
แต่ก่อนจะได้ยินเสียงตอบกลับ จู่ ๆ ก็มีเสียง ‘ปัง’ ดังขึ้นจากด้านใน คล้ายกับว่ามีของบางอย่างร่วงหล่น