การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 234 ติดกับ
บทที่ 234 ติดกับ
บทที่ 234 ติดกับ
หลังได้ยินเสียง สีหน้าของทั้งสามที่ยืนอยู่หน้าประตูพลันแปรเปลี่ยนทันที
ถังซวงรีบวิ่งไป เธอไม่คิดออมแรงตัวเองจึงเหวี่ยงขาเตะประตูทันที และเพียงครั้งเดียวเท่านั้นประตูก็พังทลายลง ร่างของหญิงสาวพุ่งเข้าไปด้านใน
ส่วนจิงเจ้อหรงที่วิ่งตามมาติด ๆ ก็เข้าไปด้านในด้วยเช่นกัน
ด้านซ่างหมิงซวี่ที่รั้งท้าย เขามองประตูที่พังตรงหน้าด้วยความสับสน แม้จะเคยได้ยินจากลุงว่าถังซวงนั้นไม่ใช่ธรรมดา และซูยี่เองก็ถูกเธอจัดการจนพิการด้วย
ทว่าเมื่อเขาได้เห็นพละกำลังของถังซวงในตอนนี้ก็ยังอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง
แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาตื่นเต้น ซ่างหมิงซวี่ส่ายศีรษะแล้วรีบตามเข้าไปด้านในทันที
เขาเห็นว่าประตูด้านในถูกถังซวงพังลง แต่สิ่งที่อยู่ด้านหลังประตูยิ่งทำให้เขาประหลาดใจ
เขาเห็นลุงของตนนอนกองอยู่ที่พื้นพร้อมกับมีเลือดไหลออกจากร่างกาย ส่วนเฮ่อหลานที่ยืนอยู่มีสีหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ทั้งความกังวลที่ฉายชัดบนใบหน้า
เธอพูดออกมาเสียงแผ่วว่า “ฉัน… ฉันเป็นคนทำเอง แต่ฉันไม่มีทางเลือกอื่น แต่… ฉันไม่คิดว่าจะทุบโดนศีรษะเขาจนแตกอย่างนี้”
ในตอนแรกถังซวงคิดว่าจะเห็นเฮ่อหลานถูกทำร้าย
ทว่ากลับกลายเป็นซ่างสยงเยี่ยที่ถูกทุบตีจนเลือดท่วมศีรษะ
เมื่อเห็นเหตุกาณ์ตรงหน้าแล้ว ถังซวงยิ่งสับสน แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่จะมานึกตรึกตรองอะไร เธอรีบก้าวไปจับชีพจรของซ่างสยงเยี่ยทันที
ส่วนจิงเจ้อหรงที่ตื่นตระหนกในตอนแรกรีบก้าวเข้าหาเฮ่อหลานพร้อมถามว่า “อาหลาน คุณเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”
เฮ่อหลานส่ายศีรษะบอกว่าเธอสบายดี “อาเจ้อไม่ต้องกังวล ฉันไม่เป็นอะไรจริง ๆ ค่ะ”
เมื่อมองทั้งสองตรงหน้า ซ่างหมิงซวี่อดไม่ได้ที่จะพูดว่าลุงของตนถูกทำร้าย แต่เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เวลานี้เขาหยุดความสงสัยพร้อมกับตรงเข้าหาซ่างสยงเยี่ยแล้วมองถังซวงอย่างกังวล “ลุงของผมเป็นยังไงบ้าง?”
เวลานี้ถังซวงชักมือกลับแล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง”
ทว่าซ่างหมิงซวี่กลับไม่เชื่อ
“ไม่เป็นอะไรได้ยังไง? ถ้าคุณลุงไม่เป็นไร ทำไมเธอถึงทำหน้าแบบนั้น?”
ตอนนี้สีหน้าของถังซวงไม่ค่อยสู้ดีนัก ไม่ใช่เพราะอาการบาดเจ็บของซ่างสยงเยี่ย แต่เพราะเธอพบว่านอกจากศีรษะจะแตกแล้ว เขายังถูกวางยาอีกด้วย
ทว่าหากเฮ่อหลานไม่ทุบตีคุณชายซ่างคนนี้จนสลบ แล้วทุกอย่างเป็นไปตามที่คนคนนั้นต้องการ ภาพที่พวกเขามาเห็นอาจไม่ใช่อย่างที่เป็นในเวลานี้
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้แล้ว สีหน้าของถังซวงยิ่งเผยชัดว่ากังวล
เฮ่อหลานและจิงเจ้อหรงเห็นแล้วว่าสีหน้าของถังซวงไม่สู้ดีนัก จึงรีบเอ่ยถามทันที
“ซวงเอ๋อร์ คุณชายซ่างไม่เป็นอะไรแน่หรือ? อย่าโกหกแม่นะ เมื่อครู่แม่ใช้แรงไปพอสมควร เขาจะไม่ตายใช่ไหม?”
เมื่อเห็นท่าทางกังวลของแม่ ถังซวงรีบพูดว่า “ไม่ต้องห่วงค่ะแม่ คุณชายซ่างไม่เป็นอะไรจริง ๆ เราพาเขากลับก่อนดีกว่าค่ะ”
ขณะพูดอย่างนั้น ถังซวงหยิบขวดยาออกมาแล้วราดบนแผลของซ่างสยงเยี่ย จากนั้นหันมองซ่างหมิงซวี่แล้วพูดว่า “แบกลุงของคุณกลับบ้านกันก่อนเถอะ”
ซ่างหมิงซวี่ยังไม่ขยับ พลันถามอย่างไม่มั่นใจ “จะไม่เป็นอะไรแน่นะถ้าเราจะขยับตัวลุงตอนนี้?”
“ไม่ต้องกังวล ลุงของคุณไม่เป็นอะไร ถึงบาดแผลบนศีรษะจะดูน่ากลัวไปหน่อย แต่มันไม่ได้ลึกมาก”
เมื่อเห็นว่าซ่างหมิงซวี่ไม่ยอมขยับ ถังซวงจึงคิดจะแบกซ่างสยงเยี่ยด้วยตัวเอง
แต่ท้ายที่สุด เมื่อซ่างหมิงซวี่เห็นว่าถังซวงมั่นใจมากว่าลุงของเขาไม่เป็นอะไร เขาจึงแบกซ่างสยงเยี่ยขึ้นหลังแล้วพากลับบ้าน
อีกด้าน หลี่จงอี้ดีใจมากที่เห็นว่าถังซวงและคนอื่น ๆ กลับมา แต่เมื่อเขาเห็นซ่างสยงเยี่ยบนหลังของซ่างหมิงซวี่ ชายชราก็ตกใจพร้อมอุทานว่า “นี่… นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
ถังซวงเองก็ไม่รู้อะไรมากนัก แต่เวลานี้สิ่งสำคัญคือการรักษาบาดแผลของซ่างสยงเยี่ย
“คุณปู่คะ เราต้องรักษาบาดแผลของคุณชายซ่างก่อน แล้วพอเขาตื่นขึ้นค่อยถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นค่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น หลี่จงอี้พยักหน้าอย่างรีบร้อน “ใช่ ๆ รักษาแผลก่อน”
หลังจับซ่างสยงเยี่ยนอนลง ถังซวงหยิบกระเป๋าเป้ใบเล็กด้านข้างออกมา เธอหยิบขวดยาและอุปกรณ์ภายในนั้น ก่อนจะรักษาบาดแผลของซ่างสยงเยี่ยอย่างระมัดระวังแล้วพูดว่า “ไม่ต้องห่วง คุณชายซ่างสบายดีค่ะ แม้บาดแผลจะดูแย่ไปหน่อย”
สุดท้ายเธอหยิบยาล้างพิษออกมาพร้อมป้อนมันให้กับซ่างสยงเยี่ย
ซ่างหมิงซวี่มองถังซวงเพราะเห็นว่าเธอป้อนยาอีกเม็ดให้กับลุงของตน เขารีบถามขึ้นทันที
“คุณเอาอะไรให้ลุงผมกิน?”
“ยาถอนพิษ”
ถังซวงไม่คิดปิดบังอะไร เธอพูดมันออกไปตามตรง
ซ่างหมิงซวี่ขมวดคิ้วพลางเอ่ยถามต่อ “แล้วทำไมต้องให้ยาถอนพิษกับลุงด้วย? เขาแค่ศีรษะแตกไม่ใช่หรือ? ทำไมต้องถอนพิษ?”
“เพราะนอกจากเขาจะศีรษะแตกแล้ว แต่ยังได้รับยากระตุ้นอารมณ์ด้วย ส่วนยานั้นคืออะไรฉันคงไม่ต้องพูด มันเป็นยาของผู้ใหญ่ที่ทุกคนรู้จัก”
ทันทีที่ได้ยินคำว่ายาผู้ใหญ่ ทุกคนแทบจะเข้าใจในทันที
ทว่าจิงเจ้อหรงกลับรู้สึกชาวาบไปทั้งตัว เขาหันมาคว้าเฮ่อหลานแน่นพร้อมถามอีกครั้งว่า “อาหลาน คุณสบายดีจริง ๆ ใช่ไหม?”
“ค่ะ ฉันไม่เป็นไร ตอนคุณชายซ่างวิ่งเข้ามา ฉันก็ทุบเขาทันที เขาเลยเป็นอย่างนี้”
จริง ๆ แล้วเฮ่อหลานรู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่สายตาที่ซ่างสยงเยี่ยมองเธอในเวลานั้น มันน่ากลัวจริง ๆ ราวกับว่าเขากำลังจะกลืนกินเธอทั้งตัว
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานไม่เป็นอะไรจริง ๆ จิงเจ้อหรงก็โล่งอก แต่ไม่นานสีหน้าของเขาก็พลันเคร่งเครียดขึ้นอีกครั้ง
“คนที่ใช้วิธีนี้เพื่อจัดการกับคุณชายซ่าง ช่างต่ำทรามสิ้นดี!”
แต่กลับกันเฮ่อหลานยิ่งรู้สึกสับสน
“ฉันไม่มีเรื่องคับข้องใจกับใคร แล้วใครกันที่อยากจะทำร้ายฉัน”
จิงเจ้อหรงได้ยินอย่างนั้นจึงพูดว่า “อาจเป็นศัตรูของซ่างสยงเยี่ยก็ได้ คุณเลยพลอยโดนลูกหลงไปด้วย”
เมื่อซ่างหมิงซวี่ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกไม่พอใจ “เป็นไปไม่ได้ ลุงกับผมเพิ่งมาที่นี่ เราจะไปสร้างศัตรูได้ยังไง?”
ถังซวงรู้สึกว่ามันต้องเป็นเรื่องแน่ แต่เฮ่อหลานก็ไม่มีศัตรูในหมู่บ้านเถาฮวาที่กล้าพอจะทำเรื่องพวกนี้ได้เหมือนกัน
ไม่นานซ่างสยงเยี่ยตื่นขึ้นมา และเห็นว่ามีผู้คนรายล้อมอยู่ เขาอดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก
“เกิดอะไรขึ้นครับ?”
ชั่วครู่ เขาก็จดจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนที่เขาจะสลบลง ทว่าเขากลับรู้สึกผิดกับตัวเองมาก
เมื่อเห็นซ่างสยงเยี่ยตื่นแล้ว จิงเจ้อหรงถามขึ้นทันที “ทำไมคุณถึงอยู่ที่นั่น?”
ซ่างสยงเยี่ยสูดลมหายใจลึกก่อนจะพูดว่า “มีคนมาบอกผมว่าคุณเฮ่อรออยู่ที่นั่นเพราะอยากพูดคุยบางอย่าง ผมก็เลยไปที่นั่น”
“อะไรนะ…”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว เฮ่อหลานปฏิเสธทันที “ฉันไม่ได้ส่งใครไปบอกคุณอย่างนั้นนะคะ”
หลังเงียบไปครู่หนึ่ง เฮ่อหลานก็จดจำได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ดูเหมือนว่ามีคนจงใจให้เราสองคนเข้าไปที่นั่นด้วยกัน”
“ใช่ พวกเขาวางแผนจะทำร้ายเราสองคน แล้วให้ทุกคนมารู้ในภายหลัง”