การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 238 ยังไม่พอ
บทที่ 238 ยังไม่พอ
บทที่ 238 ยังไม่พอ
หลังได้ยินถ้อยคำของเหรินอวี่แล้ว ใบหน้าของจิงเจ้อหรงก็เย็นชาลงอย่างมาก
“เป็นพวกเขาจริงหรือ? ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าสองคนนั้นกลับเมืองหลวงแล้วหรือไง?”
เหรินอวี่พูดต่อว่า “สองแม่ลูกนั่นบอกว่าพวกเขาจะกลับไปเมืองหลวง แต่พวกเขาไม่ได้กลับไปจริง ๆ ครับ แต่ลอบมาที่ตำบลโฮวซานแทน หลังจากนั้นก็เกิดเรื่องระหว่างคุณเฮ่อกับคุณชายซ่าง ดังนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดนี้น่าจะเป็นพวกหล่อนนะครับ”
“ฉันไม่เคยนึกถึงเหม่ยหยิงตงมาก่อน ไม่คิดว่าเธอจะทำอย่างนี้ได้ หรือเพราะฉันใจดีเกินไปเลยทำให้พวกเขาคิดว่าจะทำอะไรก็ได้…”
จิงเจ้อหรงทั้งโกรธและรู้สึกผิด ครั้งนี้กลายเป็นว่าเขาคือต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องร้ายกับเฮ่อหลาน มันเป็นเพราะเขาไม่จัดการเรื่องราวทั้งหมดให้เด็ดขาด
เมื่อเห็นใบหน้าเย็นชาของจิงเจ้อหรงแล้ว เหรินอวี่พูดต่อว่า “ท่านครับ ตอนนี้สองแม่ลูกกลับไปเมืองหลวงแล้ว พวกหล่อนเดินทางด้วยรถไฟ เห็นว่ารีบมากด้วยนะครับ”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
จิงเจ้อหรงพยักหน้าเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะหันมองเหรินอวี่แล้วพูดว่า “ขอบคุณสำหรับการทำงานหนักคราวนี้ นายกลับไปที่เมืองได้แล้ว หลังจากนี้ฉันจะจัดการเอง”
“ครับท่าน อย่างนั้นผมขอตัวก่อน”
เหรินอวี่พยักหน้าพร้อมกล่าวลาจิงเจ้อหรงก่อนจะเดินจากไป จิงเจ้อหรงเป็นผู้ดูแลปัญหาทั้งหมดของเมืองแห่งนี้ มีเรื่องที่เขาต้องจัดการวันต่อวัน ดังนั้นจึงไม่ค่อยดีนักหากเขาไม่อยู่ที่นี่นานเกินไป
หลังจิงเจ้อหรงกลับมาที่หมู่บ้านเถาฮวา ถังซวงก็ถามถึงเรื่องราวทั้งหมดทันที
ซึ่งจิงเจ้อหรงไม่คิดปิดบัง เขาตอบไปตามตรง “เราพบคนที่อยู่เบื้องหลังแล้ว น่าจะเป็นสองแม่ลูกเหม่ยหยิงตงกับหลี่ว์ตาน”
“เป็นพวกหล่อน…”
ถังซวงเผยสีหน้าเย็นชาก่อนจะถามว่า “ตอนนี้พวกเธออยู่ที่ไหน?”
“กำลังกลับเมืองหลวง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงหันมองจิงเจ้อหรงแล้วถามว่า “ลุงจิงจะทำยังไงต่อคะ? ตอนนี้สองแม่ลูกนั่นกล้าทำร้ายแม่ของฉันแล้ว คุณคงไม่ได้คิดจะอยู่เฉย ๆ ใช่ไหม?”
แม้คำพูดของถังซวงจะดูก้าวร้าวไปหน่อย แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดอะไรมาก เขาเข้าใจดีว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธ จึงตอบกลับด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เพราะรู้แล้วว่าเบื้องหลังคือเหม่ยหยิงตงกับลูกสาว ดังนั้นฉันจะไม่ปล่อยไว้เฉย ๆ เด็ดขาด หลังฉันกลับไปที่เมืองหลวง พวกเขาจะต้องชดใช้เรื่องนี้อย่างสาสมแน่”
เมื่อเห็นใบหน้าที่เคร่งขรึมของจิงเจ้อหรงแล้ว ถังซวงจึงไม่ได้พูดอะไรต่อ
เฮ่อหลานที่ไม่คิดมาก่อนว่าเหม่ยหยิงตงจะอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมด แม้ตอนนี้จะรู้ความจริง แต่เหม่ยหยิงตงก็หนีกลับเมืองหลวงไปแล้ว เธอจึงอดไม่ได้ที่จะกังวล
แน่นอนว่าจิงเจ้อหรงไม่ลืมที่จะให้ความมั่นใจกับเฮ่อหลาน “อาหลาน คราวนี้ผมจะไม่ใจดีกับเหม่ยหยิงตงแล้ว และเรื่องนี้ผมจะจัดการให้ถึงที่สุด”
“ค่ะ ฉันเชื่อใจคุณ”
หลังเฮ่อหลานได้ยินคำยืนยันจากจิงเจ้อหรง เธอก็คลายความกังวลใจลง
ด้านซ่างสยงเยี่ยที่ฟังอยู่ด้านข้างกล่าวถามขึ้น “เหม่ยหยิงตงที่พวกคุณพูดถึงคือผู้หญิงน่าเกลียดที่เราพบที่ร้านอาหารคราวก่อนใช่ไหมครับ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงที่กำลังโกรธอยู่ถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
“คุณชายซ่างคะ ใช่ค่ะ นั่นคือเหม่ยหยิงตง แต่เธอไม่ได้ขี้เหร่นะคะ”
เฮ่อหลานกล่าวไปตามตรง เหม่ยหยิงตงนับว่าเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แม้ว่าลูกสาวของเธอจะโตแล้ว แต่เธอก็ยังดูอ่อนเยาว์และน่ามอง
ทว่าถ้าหากเทียบกับเฮ่อหลาน เธอคนนั้นก็เทียบไม่ติด แต่ก็ไม่ได้ขี้เหร่อย่างที่ซ่างสยงเยี่ยกล่าวหา
หลังซ่างสยงเยี่ยได้ยินอย่างนั้น เขากล่าวด้วยใบหน้ารังเกียจ “เธอดูหลงตัวเองมาก เหมือนคิดว่าตัวเองสวยมากยังไงยังงั้น ทั้งยังเป็นคนที่สร้างปัญหาด้วยวิธีที่น่าเกลียดแบบนี้ เพียงเพราะอิจฉาคุณเฮ่อ เลยลงมือทำเรื่องชั่วร้ายอย่างนี้ น่าเสียดายที่แผนของเธอล้มเหลว อีกอย่างผมยังถูกดึงเข้าไปอยู่ในแผนการของเธอด้วย เรื่องแบบนี้ผมรับไม่ได้จริง ๆ ครับ”
ซ่างหมิงซวี่ที่อยู่ด้านข้างพยักหน้ารับแล้วพูดต่อว่า “ใช่ เราจะไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปเด็ดขาด”
เขากับลุงอุตส่าห์มาถึงที่นี่ แต่กลับถูกทำร้าย มันยากที่จะยอมรับได้จริง ๆ
ถังซวงพูดคุยเกี่ยวกับเหม่ยหยิงตงกับซ่างสยงเยี่ย เพราะยังไงตระกูลเหม่ยก็ไม่ใช่ตระกูลเล็ก ๆ และไม่ใช่เรื่องง่ายหากจะจัดการกับพวกเขา
ซ่างสยงเยี่ยเองก็ไม่คิดว่าเหม่ยหยิงตงจะมีภูมิหลังยิ่งใหญ่มากขนาดนี้ ถึงตระกูลซ่างจะมีอิทธิพลมากมายในเมืองก่างเฉิง แต่พวกเขาไม่มีอิทธิพลอะไรนักในแผ่นดินใหญ่ มันจึงไม่ง่ายเลยที่จะจัดการกับตระกูลเหม่ย
เมื่อไตร่ตรองให้ดีแล้ว ใบหน้าของซ่างสยงเยี่ยยิ่งบึ้งตึง
ซึ่งจิงเจ้อหรงรู้ดีว่าเหตุการณ์ทั้งหมดนี้มีเขาเป็นต้นเหตุ ดังนั้นเขาหันมองซ่างสยงเยี่ยแล้วพูดว่า “ไม่ต้องกังวลนะครับคุณชายซ่าง ผมจะจัดการกับเหม่ยหยิงตงเองแล้วจะบอกให้คุณทราบภายหลัง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว สีหน้าของซ่างสยงเยี่ยยังไม่ได้ดีขึ้น เพราะหากไม่ได้ชำระแค้นนี้ด้วยตนเอง เขาก็ยังรู้สึกไม่พอใจอยู่ดี แต่เวลานี้เขาก็ทำอะไรไม่ได้
“อย่างนั้นรบกวนคุณจิงด้วยนะครับ อย่าลืมบอกผมล่ะ”
“ครับ”
หลังพูดคุยเรื่องนี้จบแล้ว พวกเขาแยกย้ายกันไปพักผ่อน
เมื่อถังซวงกลับมาที่ห้องของตัวเอง เธอก็ตระเตรียมบางอย่าง
แม้จิงเจ้อหรงบอกว่าจะมอบบทเรียนให้กับเหม่ยหยิงตงเองเมื่อเขากลับไปที่เมืองหลวง ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่รู้จะต้องรอนานแค่ไหน อย่างไรเธอไม่ต้องการจะรอ หญิงสาวคุ้นเคยกับการจัดการทุกอย่างโดยเร็ว เธอจึงวางแผนจะไปที่เมืองหลวงด้วยตัวเอง
แต่เมื่อโม่เจ๋อหยวนมาถึง เขาเห็นถังซวงกำลังเก็บข้าวของ หลังนึกคิดอยู่ครู่หนึ่งเขาก็คาดเดาแผนของเธอได้
“ซวงเอ๋อร์ เธอจะไปเมืองหลวงหรือ?”
ถังซวงไม่คิดว่าโม่เจ๋อหยวนจะไหวพริบเร็วอย่างนี้ แต่เธอก็ไม่ปฏิเสธ เพียงพยักหน้ารับ “ใช่ ฉันว่าจะเข้าเมืองหลวงไปจัดการอะไรสักหน่อย”
สองแม่ลูกเดินทางหลายพันกิโลเมตรจากเมืองหลวงเพื่อมาทำร้ายแม่ของเธอ ดังนั้นจึงไม่เป็นไรหากเธอจะไปเมืองหลวงบ้างแล้วทำให้พวกเธอรู้ตัว
“ซวงเอ๋อร์ ฉันจะไปด้วย”
โม่เจ๋อหยวนเตรียมตัวทันที
“ช่วงนี้พี่โม่ยุ่งมาก ฉันว่าอย่าเสียเวลาเลยดีกว่าค่ะ”
“ซวงเอ๋อร์ เธอคงไม่อยากให้ป้าหลานรู้ว่าจะไปเมืองหลวงใช่ไหม? ถ้าเธอไปกับฉัน ฉันสามารถช่วยเธอได้ ฉันจะบอกกับป้าหลานว่าเราจะไปโรงงานเครื่องจักรด้วยกันสักสองสามวัน แล้วจะไม่อยู่ที่หมู่บ้านสักพัก”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงเลิกคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้
นี่ก็นับว่าเป็นข้ออ้างที่ดี
เมื่อเห็นถังซวงลังเล โม่เจ๋อหยวนพูดต่อว่า “ฉันทำทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว ไม่มีอะไรเร่งด่วนต้องจัดการ”
“ตกลง อย่างนั้นเราไปกันเถอะค่ะ”
“อืม”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม
วันรุ่งขึ้น ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนใช้ข้ออ้างนี้เพื่อออกจากหมู่บ้านเถาฮวา ก่อนจะออกเดินทางถังซวงลอบไปที่เล้าหมูภายในหมู่บ้านก่อนจะมองคงมานจูและจางหยานอัน เพื่อวางยาแม่ลูกด้วยยาไร้สี ไร้กลิ่น ไร้รสในปริมาณเล็กน้อย
แม้ว่าหมู่บ้านจะลงโทษแม่ลูกคู่นี้แล้ว แต่ทั้งสองก็ยังคงสร้างปัญหาได้ในทุกวัน ดังนั้นเธอจึงคิดจัดการสองคนนี้ด้วยตนเองเพื่อไม่ให้พวกเขาสร้างปัญหาอีกในอนาคต
หลังจัดการเรียบร้อยแล้ว ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนตรงสู่เมืองหลวงทันที