การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 246 ที่หนึ่ง
บทที่ 246 ที่หนึ่ง
บทที่ 246 ที่หนึ่ง
หลินหมิงซู่มั่นใจแล้วว่าเขาจะกลับไปพร้อมกับซ่างสยงเยี่ยและคนอื่น ๆ จึงแจ้งกับทีมงานของตนเองว่าจะออกเดินทางในทันที ซ่างสยงเยี่ยใช้เวลาสองวันเพื่อเตรียมการ จากนั้นทั้งหมดจึงออกเดินทางสู่เมืองก่างเฉิง
ซึ่งถังซวงและโม่เจ๋อหยวนก็ไปส่งทุกคน
“คุณลุงครับ เดินทางปลอดภัยและรีบกลับมาเร็ว ๆ นะครับ”
เมื่อเห็นความไม่เต็มใจในแววตาของโม่เจ๋อหยวน หลินหมิงซู่ยิ้มพร้อมกล่าวปลอบ “ไม่ต้องห่วง งานเสร็จเมื่อไหร่ฉันจะกลับมาทันที เธอก็แค่รออยู่ในหมู่บ้านเถาฮวาแล้วค้นคว้างานวิจัยรอฉันนะ”
“ครับ”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้ารับ
จากนั้นถังซวงก้าวไปด้านหน้าเพื่อกล่าวลากับหลินหมิงซู่และซ่างสยงเยี่ย
หลังรถไฟเทียบสถานี ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนส่งพวกเขาขึ้นรถก่อนจะเดินทางกลับ
“ซวงเอ๋อร์ งานวิจัยของฉันใกล้เสร็จแล้ว และตอนนี้ฉันก็กำลังจะเรียนจบชั้นมัธยม ฉันคิดว่าหลังจากนั้นฉันจะไปที่เมืองไห่เฉิงกับผู้จัดการหู แล้วก็คนอื่น ๆ น่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงอดไม่ได้ที่จะยินดีกับโม่เจ๋อหยวน
“ดีจังเลยค่ะ ถ้าเราสามารถผลิตโทรทัศน์จอสีได้เร็วขึ้น มันจะเป็นการก้าวกระโดดที่ยอดเยี่ยมแน่”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ตื่นเต้นและมีความสุขของถังซวง โม่เจ๋อหยวนอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แต่… ฉันอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่บ่อยนัก ถ้าเป็นอย่างนั้นพวกเราคงไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ถังซวงโบกมือพร้อมตอบกลับว่า “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าพี่ยุ่งมากฉันก็ไปเยี่ยมพี่ได้ เพราะอีกเดี๋ยวฉันก็จะได้หยุดยาว คงจะมีเวลาว่างแน่”
จากนั้นเธอกล่าวเสริมภายหลังว่า “เมื่อถึงวันหยุด แม่จะพาฉันกับเสี่ยวเซวี่ยเข้าเมืองหลวง เราจะไปนานแค่ไหนไม่รู้ แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็มีเวลาว่างมากกว่าพี่ ไม่ต้องห่วงนะคะ เราจะได้เจอกันแน่”
เมื่อเห็นถังซวงพูดอย่างนั้นแล้ว โม่เจ๋อหยวนก็ยกยิ้มอย่างมีความสุข
“อืม ขอบคุณนะ”
ท้ายที่สุด เขาก็ยังคงกังวลเรื่องการเรียนของถังซวงมากที่สุด “แล้วตัดสินใจได้หรือยังว่าจะไปต่อมัธยมปลายที่ไหน?” ด้วยผลการเรียนของถังซวง เธอสามารถเข้าเรียนในมัธยมปลายได้แน่ เขาจึงไม่คิดกังวลเรื่องนี้มากนัก แต่โรงเรียนประจำตำบลกับเมืองหลวงก็น่าสนใจ เขาถึงไม่มั่นใจนักว่าถังซวงจะเลือกที่ไหน
“อ่า ฉันจะเข้าโรงเรียนมัธยมใกล้บ้านน่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็เป็นศิษย์โรงเรียนเดียวกันสิ” โม่เจ๋อหยวนยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้น
ถังซวงมองเขาแล้วพูดว่า “พี่จะจบการศึกษาหลังจากที่ฉันขึ้นมัธยมปลาย พี่เป็นศิษย์รุ่นไหนล่ะ?”
ทั้งสองหัวเราะร่าระหว่างเดินทางกลับหมู่บ้านเถาฮวา
เมื่อเห็นพวกเขากลับมาแล้ว เฮ่อหลานก็รีบเอ่ยถาม “คุณชายซ่างกับหมิงซู่ขึ้นรถไฟไปแล้วหรือจ๊ะ?”
“ไปกันหมดแล้วค่ะ น่าจะถึงก่างเฉิงในอีกสองสามวัน”
หลังได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “หวังว่าหมิงซู่จะเดินทางโดยปลอดภัยนะ”
“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ลุงหลินจะไม่เป็นอะไรแน่ หนูฝากคุณลุงไว้กับคนอื่น ๆ หมดแล้ว พวกเขาจะดูแลคุณลุงหลังจากไปถึงที่นั่นค่ะ”
“ใช่ครับป้าหลาน ยังไงก็มีลุงของซวงเอ๋อร์และคนอื่น ๆ คอยดูแล คุณลุงจะไม่เป็นอะไรแน่ครับ”
เฮ่อหลานรู้สึกโล่งอกเมื่อได้ยินอย่างนั้น “อ้อใช่ ลุงของซวงเอ๋อร์และคนอื่น ๆ ต้องดูแลเขาอย่างดีแน่”
หลังพูดคุยกันอีกสองสามคำ ทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปทำงาน
ในวันถัดมา จิงเจ้อหรงออกจากหมู่บ้านเถาฮวา เพราะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่เขาต้องกลับไปจัดการ
“อาหลาน ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยกำลังจะปิดภาคเรียนฤดูร้อนแล้ว ผมจะรีบกลับไปจัดการธุระในเมืองหลวง แล้วพาพวกคุณทั้งหมดกลับเมืองหลวงด้วยกันนะครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ใบหน้าของเฮ่อหลานแดงเรื่อเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ “ค่ะ”
เมื่อเห็นแก้มที่แดงของเธอ หัวใจของจิงเจ้อหรงคล้ายหลุดลอยออกไป เขาฉวยโอกาสตอนที่อีกฝ่ายไม่ทันตั้งตัวจับมือของเฮ่อหลานเอาไว้พร้อมบีบมันเบา ๆ แล้วพูดด้วยแววตาแห่งความปรารถนา “อาหลาน รอผมมารับนะครับ”
เฮ่อหลานไม่คิดว่าจิงเจ้อหรงจะทำเช่นนี้ ใบหน้าของเธอยิ่งกลายเป็นสีแดงชัดเจนขึ้น เธอก้มศีรษะลงพร้อมพยักหน้ารับ “ค่ะ… ฉันจะรอ”
เมื่อได้ยินเฮ่อหลานพูดอย่างนี้แล้ว จิงเจ้อหรงอยากจะพาเธอเข้าเมืองด้วยเสียตั้งแต่ตอนนี้ แต่เขาก็รู้ดีว่าเฮ่อหลานมีเรื่องต้องจัดการมากมายในโรงงานเย็บปัก จึงทำได้เพียงบอกลาเธออย่างไม่เต็มใจนัก
หลังจิงเจ้อหรงจากไปแล้ว ถังซวงและคนอื่น ๆ ก็กลับมาใช้ชีวิตตามปกติ เธอยุ่งอยู่กับการเตรียมตัวสอบ โม่เจ๋อหยวนก็ยุ่งอยู่กับการทำวิจัย ส่วนถังเซวี่ยก็ยุ่งอยู่กับงานออกแบบของเธอเอง แม้แต่เฮ่อหลาน ซูเหนียนอวิ๋น เก่อชิงเหม่ยก็ยังยุ่งอยู่กับงานเย็บปักถักร้อยเช่นกัน
เมื่อถังซวงกำลังจะไปสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายใกล้บ้าน เฮ่อหลานตื่นแต่เช้าพร้อมเตรียมอาหารไว้มากมาย
“ซวงเอ๋อร์กินเยอะ ๆ หน่อยนะจ๊ะ เดี๋ยวจะหิวระหว่างสอบ”
“ค่ะแม่ วันนี้หนูจะกินเยอะ ๆ เลย”
ถังซวงยิ้มและเริ่มกินข้าว ส่วนโม่เจ๋อหยวนก็รีบกินข้าวเช่นกัน วันนี้เขาจะไปส่งซวงเอ๋อร์ และกลับมาพร้อมกับเธอหลังจากสอบเสร็จ
“พี่โม่คะ จริง ๆ แล้วฉันไปคนเดียวก็ได้นะคะ ไม่อยากให้พี่ต้องไป ๆ มา ๆ หรอก”
ไม่เป็นไร ไปด้วยกันนี่แหละ”
เมื่อเห็นความสัมพันธ์ระหว่างลูกสาวของตนกับโม่เจ๋อหยวนแล้ว เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะแย้มยิ้ม แม้เธอจะไม่ได้สังเกตเห็นมันในคราวแรก ทว่าหลังจากได้เห็นทั้งสองมาเนิ่นนาน และคอยสังเกตท่าทีของโม่เจ๋อหยวนที่ปฏิบัติต่อลูกสาวของตนมาโดยตลอด เธอจึงรู้สึกว่าโม่เจ๋อหยวนคงจะตกหลุมรักซวงเอ๋อร์แล้วแน่
ในคราวแรกเธอยังคิดลังเลเล็กน้อย และรู้สึกว่าลูกสาวของตนยังเด็ก แต่หลังได้คิดไตร่ตรองให้ดีแล้ว วันหนึ่งลูกสาวของเธอก็ต้องแต่งงานกับใครบางคนในอนาคต แต่ถ้าใครคนนั้นเป็นโม่เจ๋อหยวนมันคงดีกว่าไปแต่งงานกับคนอื่น เพราะเขาทำทุกอย่างเกี่ยวกับเธอ และมันดีจริง ๆ ที่เขามองเพียงเธอตั้งแต่ต้น ทว่ามีเพียงซวงเอ๋อร์เท่านั้นที่ยังไม่รู้เรื่องนี้
แม้ซวงเอ๋อร์จะไม่รู้ แต่เธอก็ไม่คิดบอกความจริงนี้เพราะต้องการปล่อยให้ซวงเอ๋อร์รู้สึกมันได้ด้วยตนเอง
หลังกินข้าวเสร็จ โม่เจ๋อหยวนพาถังซวงขี่จักรยานไปโรงเรียน
ปัจจุบันการสอบเข้ามัธยมปลายไม่ได้สำคัญเท่าสมัยก่อนนัก เด็กในชนบทต่างไม่ค่อยสนใจเรื่องเหล่านี้ ทำให้ถังซวงแทบจะสอบผ่านก่อนที่เธอจะรู้ตัวด้วยซ้ำ
เมื่อทราบผลแล้ว ถังซวงไปที่โรงเรียนอีกครั้งเพื่อกรอกใบสมัคร
หูปินซึ่งเป็นอาจารย์ประจำชั้นมีความสุขมากที่รู้ว่าถังซวงยังคงเรียนอยู่ในโรงเรียนประจำตำบล
“ถังซวง ขึ้นมัธยมปลายแล้วก็ตั้งใจเรียนนะ เธอเป็นคนฉลาด ผลการเรียนจะต้องยอดเยี่ยมแน่”
เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าถังซวงจะสามารถสอบข้ามระดับได้ และยังเป็นที่หนึ่งในการสอบคราวนี้ด้วย แม้เขาจะรู้อยู่แล้วว่าผลการเรียนของเธอดีมาก แต่ก็ไม่คิดว่ามันจะดีมากกว่านักเรียนชั้นมัธยมปีที่สามทั้งหมด ทั้งที่เธอเพิ่งจะเริ่มเรียนได้ไม่นาน
“ถังซวง พยายามเข้านะ”
ในตอนท้ายหูปินกล่าวเสียงเบา “ตอนนี้เธอก็เรียนดีขึ้นเรื่อย ๆ บางทีเธออาจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ก็ได้ อดทนและพยายามเข้านะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงเหลือบมองหูปินโดยไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาแล้ว เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้องห่วงค่ะอาจารย์หู หนูจะตั้งใจเรียนค่ะ”
“อืม ดีแล้ว”
หูปินยกยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้น
ถังซวงกรอกข้อมูลเสร็จแล้วและกำลังจะกลับบ้าน ทว่าหลังจากก้าวขาออกจากหน้าประตูโรงเรียน เธอเห็นเหมาเจียวเจียวซึ่งเป็นเพื่อนร่วมชั้น ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมน้ำตาอาบแก้ม
“เจียวเจียว เธอเป็นอะไรหรือเปล่า?”