การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 247 ยืมเงิน
บทที่ 247 ยืมเงิน
บทที่ 247 ยืมเงิน
เมื่อเห็นถังซวงเดินเข้ามา เหมาเจียวเจียวเช็ดน้ำตาอย่างเร่งรีบแล้วตอบกลับว่า “ฉันไม่เป็นไร”
“เจียวเจียว เธอคิดว่าฉันจะเชื่อหรือ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว น้ำตาของเหมาเจียวเจียวไหลหยดลงมาอีกครั้ง เธอรู้ดีว่าไม่ควรร้องไห้ แต่เธอไม่สามารถอดกลั้นเอาไว้ได้ แน่นอนว่าเธอต้องการเรียนต่อ แต่กลับไม่ได้รับโอกาสนั้น
“ถังซวง… ฉัน…”
ก่อนที่เหมาเจียวเจียวจะทันได้พูด น้ำเสียงร่าเริงของหลี่ฟางก็ดังขึ้น
“เหมาเจียวเจียวมันไม่สำคัญหรอกว่าเกรดของเธอจะดีแค่ไหน ถ้าสุดท้ายแล้วสอบเข้ามัธยมปลายไม่ได้ ไร้ประโยชน์สิ้นดี ฮ่า ๆ …”
ในตอนท้าย เสียงหัวเราะของหลี่ฟางต้องหยุดลงเมื่อหันมาพบกับถังซวง นอกจากนี้เธอยังได้ยินมาว่าถังซวงได้คะแนนเป็นอันดับหนึ่งในการสอบคราวนี้ และอีกฝ่ายจะสามารถเข้าโรงเรียนมัธยมปลายได้แน่
เมื่อนึกถึงตอนมัธยมต้นปีสามที่ถังซวงสอบข้ามระดับมาได้ เรื่องนั้นทำให้ทุกคนอิจฉาว่าทำไมเธอถึงเก่งมากทั้งที่ไม่ได้พยายามอะไรเลย เธอสามารถทำในสิ่งที่คนอื่นต้องการได้อย่างง่ายดายขนาดนั้น?
“ถังซวงเธอก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงเลิกคิ้วขึ้นแล้วพูดว่า “ดูเหมือนสายตาของเธอจะไม่ค่อยดีนะ ฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่แรกแล้วนี่”
“นี่เธอ… ฉันยังสายตาดีอยู่นะ!”
หลี่ฟางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
นับตั้งแต่ถังซวงเข้าร่วมห้องเรียนของตน เธอก็รู้สึกไม่ชอบผู้หญิงคนนี้มาโดยตลอด เธอเพิ่งเข้าเรียนชั้นมัธยมปีหนึ่งแท้ ๆ แต่กลับกระโดดข้ามสู่ชั้นปีสามอย่างง่ายดาย และที่สำคัญเมื่อถังซวงขอลาหยุด อาจารย์ทั้งหมดก็ยินยอมโดยไม่ต่อว่าอะไรเธอเลยสักนิด
แต่ถึงแม้ถังซวงจะลาบ่อย แต่คะแนนสอบของเธอกลับยอดเยี่ยม และในคราวนี้เธอก็ได้ที่หนึ่งอีกครั้ง
“ถังซวง อย่ามั่นใจไปหน่อยเลย ถึงเธอจะสอบได้ที่หนึ่ง แต่การเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายมันจะยากขึ้นเรื่อย ๆ ถ้าเธอยังทำตัวแบบเดิม เกรดของเธอตกแน่”
ทว่าก่อนถังซวงจะทันได้พูด เหมาเจียวเจียวก็ไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป
“หลี่ฟาง เพราะคะแนนของเธอไม่ดี เธอเลยคิดว่าคะแนนของคนอื่นจะไม่ดีเหมือนกับตัวเองหรือ? ถังซวงเป็นคนฉลาด ต่อให้เป็นชั้นมัธยมปลาย เธอก็จะได้ที่หนึ่งแน่”
“เหมาเจียวเจียว ตัวเองยังเอาตัวไม่รอดยังมีหน้าออกโรงปกป้องคนอื่นอีกหรือ? อืม… อย่างเธอน่ะควรกลับไปอยู่บ้านนอกแล้วไถนาจะดีกว่านะ”
หลี่ฟางเกลียดเหมาเจียวเจียวที่มาจากชนบท ใส่เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่งแต่กลับยิ้มได้อย่างมีความสุข อีกทั้งผลการเรียนของหล่อนก็ยังดีด้วย ต่างกันกับเธอที่พยายามอย่างหนักแต่ผลการเรียนกลับไม่ดีเท่า
หลังผ่านพ้นความโศกเศร้าไปแล้ว เหมาเจียวเจียวก็สงบลง แต่เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่ฟาง เธอสบฟันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันจะไปทำไร่ไถนามันก็ไม่เกี่ยวกับเธอ อย่างเธอเอาตัวเองให้รอดเถอะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว หลี่ฟางยกยิ้มเชิดหน้า “แน่นอน ฉันดูแลตัวเองได้แน่ ถึงจะไม่ได้เรียนมัธยมปลายก็ไม่เป็นไร ฉันจะเข้ารับตำแหน่งแทนแม่ของฉันในโรงงาน ฮ่า ๆ … ไม่ต้องอิจฉากันนะ”
เมื่อเห็นท่าทางของหลี่ฟาง เหมาเจียวเจียวยิ่งโกรธจัด
ทว่าถังซวงคว้าร่างของเหมาเจียวเจียวเอาไว้แล้วพูดว่า “เราไปคุยกันที่อื่นเถอะ กับคนประเภทนี้อย่าไปคุยให้มากความเลย เอาแต่อิจฉาคนอื่นไม่เคยมองดูตัวเอง หล่อนน่ะไม่คู่ควรกับเธอสักนิด”
เหมาเจียวเจียวโกรธมากในคราวแรก แต่เมื่อเห็นถังซวงไม่สนใจอะไร เธอก็พลันใจเย็นขึ้นมา
ใช่ เธอไม่มีอะไรต้องพูดคุยกับหลี่ฟางอีกแล้ว เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นของหลี่ฟางมานานหลายปี จึงรู้จักนิสัยของอีกฝ่ายเป็นอย่างดี พูดคุยไปก็ยิ่งมีแต่ปัญหา หากปล่อยไปและไม่คิดสนใจ ให้เธอกระโดดโลดเต้นไปคนเดียวจะดีกว่า
เมื่อเห็นถังซวงและเหมาเจียวเจียวไม่สนใจตนเอง หลี่ฟางคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยว “หยุดเดี๋ยวนี้ พวกเธอสองคนหมายความว่ายังไง?”
ถังซวงไม่สนใจพร้อมพาเหมาเจียวเจียวหลบไปคุยที่อื่น
ซึ่งหลี่ฟางอยากจะเดินตามไป แต่กว่าเธอจะรู้สึกตัว ทั้งสองก็เดินออกไปไกลแล้ว จึงทำได้เพียงพึมพำกับตนเอง
ถังซวงยืนนิ่งก่อนจะมองเหมาเจียวเจียวแล้วถามว่า “เธอไม่ได้เข้าเรียนมัธยมปลายหรือ? ทำไมถึงไม่ได้เรียน? มีปัญหาอะไรหรือเปล่า?”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว เหมาเจียวเจียวเม้มริมฝีปากก่อนจะตอบตามตรง “ครอบครัวสามารถส่งฉันเรียนได้ถึงมัธยมต้นเท่านั้น และฉันก็ไม่สามารถส่งตัวเองเรียนมัธยมปลายได้”
ความจริงแล้วเธอสามารถเข้าเรียนมัธยมปลายได้ แต่หากเธอเข้าเรียนมัธยมปลาย พี่ชายของเธอก็จะไม่มีเงินไปแต่งงาน และเธอเคยขอพี่ชายไว้แล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนี้เธอไม่สามารถทำแบบนั้นได้อีกแล้ว เธอจึงล้มเลิกความคิดที่จะเรียนต่อ
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงมองเหมาเจียวเจียวแล้วถามว่า “เธออยากเรียนไหม?”
“ฉัน…”
ก่อนเหมาเจียวเจียวจะตอบ ถังซวงพูดแทรกขึ้นว่า “ตอบฉันมาตามตรง”
เมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของถังซวง เหมาเจียวเจียวเม้มปากก่อนจะตอบว่า “ฉันอยากเรียน ฉันชอบการเรียน ชอบไปโรงเรียน และฉันก็อยากเข้าเรียนมัธยมปลายเหมือนกับเธอ… ฉัน… ฮือ…”
ท้ายที่สุด เหมาเจียวเจียวหลั่งน้ำตาออกมาอีกครั้ง และเธอไม่สามารถควบคุมมันได้อีกต่อไป เพราะเธอรู้ดีว่าถ้าเธอหยุดเรียน ชีวิตของเธอก็ไม่แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นในหมู่บ้าน ชีวิตที่เหลือของเธอคือการแต่งงาน มีลูก และใช้ชีวิตอยู่ในครัวเท่านั้น
เมื่อเห็นเหมาเจียวเจียวร้องไห้ ถังซวงควักเงินสองร้อยหยวนออกมาจากกระเป๋าโดยไม่รอช้า
“เจียวเจียว มันไม่ง่ายเลยที่จะเข้าเรียนมัธยมปลาย เธอต้องตั้งใจเรียนให้มาก ส่วนค่าเรียนเท่านี้ก็เพียงพอสำหรับเวลาสามปี อย่ายอมแพ้นะ”
“ถังซวง… เธอ…”
เมื่อเห็นถังซวงหยิบเงินจำนวนมากออกมา เหมาเจียวเจียวถึงกับชะงัก
แม้เธอจะอยากได้ แต่มือไม้กลับโบกสะบัด “ถังซวง ฉันรับเงินนี้ไว้ไม่ได้หรอก เงินมากมายขนาดนี้ครอบครัวของเธอก็คงหามาไม่ได้ง่าย ๆ เธอควรเก็บมันไว้นะ”
ทว่าถังซวงกลับยัดเงินใส่มือของเหมาเจียวเจียวแล้วพูดว่า “เงินนี่ฉันให้ยืม เธอค่อยเอามาคืนฉันในอนาคตก็ได้ สำหรับฉัน เธอก็ไม่ต้องห่วง เพราะฉันสามารถจัดการกับค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายของตัวเองได้”
“เธอให้ฉันยืมหรือ?”
เมื่อได้ยินอย่านั้น ดวงตาหมองหม่นของเหมาเจียวเจียวพลันเปล่งประกายขึ้นมา “ถังซวง เธอให้ฉันยืมเงินจริง ๆ หรือ?”
“แน่นอน สิ่งที่เธอต้องทำตอนนี้คือเรียนให้จบ หลังเรียนจบ มีงานหาเงินได้ วันนั้นก็ค่อยเอาเงินมาคืนฉัน”
“ถังซวง… ขอบคุณ…”
เหมาเจียวเจียวเริ่มร้องไห้อีกครั้ง แต่คราวนี้เธอไม่ได้โศกเศร้าแต่เป็นเพราะตื้นตันใจ หญิงสาวรีบหยิบปากกาและกระดาษออกมาจากในกระเป๋าพร้อมเขียนสัญญาการยืมเงิน และคืนเงินให้ถังซวงหนึ่งร้อยหยวน
“ถังซวงแค่หนึ่งร้อยหยวนก็พอแล้ว ส่วนนี่คือสัญญาการยืมเงิน เธอเก็บไว้นะ”
“พอจริง ๆ หรือ?”
เหมาเจียวเจียวพยักหน้าอย่างหนักแน่นก่อนจะพูดว่า “พอแล้วละ ขอบคุณนะ ขอบคุณมากจริง ๆ ”
บางทีสำหรับถังซวงนี่อาจเป็นเพียงการกระทำที่ไม่ได้วิเศษวิโสอะไร ทว่าสำหรับเหมาเจียวเจียวแล้ว มันเปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอไปทั้งชีวิต