การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 248 บอกลา
บทที่ 248 บอกลา
บทที่ 248 บอกลา
เมื่อเห็นอีกฝ่ายขอบคุณ ถังซวงก็โบกมือพร้อมพูดว่า “เอาเถอะ คำขอบคุณที่ดีที่สุดคือการที่เธอจะตั้งใจเรียนอย่างหนักในอนาคตนะ มันเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้หญิงอย่างพวกเราจะหาความรู้ให้กับตัวเอง และทำงานที่อยากทำ ไม่ว่ายังไงอนาคตของเธอต้องดีขึ้นแน่”
“ตกลงถังซวง ฉันเข้าใจแล้ว ฉันจะตั้งใจเรียน”
พอเห็นใบหน้าที่มุ่งมั่นของเหมาเจียวเจียว ถังซวงยิ้มแล้วพูดว่า “อืม อย่างนั้นเธอรีบไปหาอาจารย์หูได้แล้ว จากวันนี้ไปพวกเราก็จะได้เป็นเพื่อนร่วมชั้นกันแล้วนะ”
“อืม…”
เหมาเจียวเจียวร่าเริงมาก เธอไม่คิดมาก่อนว่าตนเองจะได้เรียนหนังสือต่อ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เธอตื่นเต้นมากจนเก็บความดีใจไว้ไม่อยู่
หลังเห็นเหมาเจียวเจียววิ่งเข้าไปในโรงเรียนแล้ว ถังซวงก็ส่ายศีรษะอย่างยิ้ม ๆ
ขณะที่เธอกำลังจะกลับ โม่เจ๋อหยวนก็เข้ามาพร้อมกับเข็นจักรยานมาด้วย “พี่โม่ มาตั้งแต่เมื่อไหร่หรือคะ?” ถังซวงวิ่งไปด้านหน้าด้วยรอยยิ้ม
เมื่อเห็นหญิงสาวตัวเล็กยิ้มกว้างอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนถึงกับหลุดหัวเราะออกมา
“ฉันเพิ่งมาถึงน่ะ เมื่อครู่เห็นเธอกำลังคุยกับเพื่อนอยู่เลยไม่อยากรบกวน แล้วนี่คุยกันเสร็จแล้วหรือ?”
“เสร็จแล้วค่ะ กำลังจะกลับบ้านแล้ว”
“งั้นกลับด้วยกันนะ”
ถังซวงพยักหน้า
โม่เจ๋อหยวนตบเบาะหลังของจักรยานแล้วพูดต่อว่า “ขึ้นมาเร็วเข้า”
ถังซวงนั่งบนเบาะหลังของจักรยานอย่างคล่องแคล่ว “ไปกันค่ะพี่โม่”
“อืม”
โม่เจ๋อหยวนพาถังซวงไปที่หมู่บ้านเถาฮวา และพูดคุยเกี่ยวกับการสอบตลอดทาง
“พี่โม่ ฉันสอบได้ที่หนึ่งเชียวนะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว โม่เจ๋อหยวนยิ่งตื่นเต้นเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายสอบได้ที่หนึ่ง “ซวงเอ๋อร์ของฉันนี่เก่งจริง ๆ เธอเพิ่งจะเรียนได้ไม่นาน แต่กลับสอบได้ที่หนึ่ง ในอนาคตเธอจะต้องยอดเยี่ยมกว่านี้แน่”
พอได้ยินคำชมที่ตรงไปตรงมาของโม่เจ๋อหยวนแบบนี้ ถังซวงรู้สึกเขินอายเล็กน้อย “พี่โม่ ความจริงฉันก็ไม่ได้เก่งขนาดนั้นหรอกค่ะ พี่เก่งกว่าตั้งเยอะ แถมยังประดิษฐ์อะไรได้ตั้งได้หลายอย่าง”
ใช่ โม่เจ๋อหยวนเก่งมากไม่ต่างจากเธอเลย
สำหรับถังซวงแล้ว เธอมีข้อได้เปรียบเพราะเธอมีชีวิตมาแล้วหนึ่งครั้ง แต่โม่เจ๋อหยวนเกิดและเติบโตในยุคนี้ ทว่าด้วยวัยของเขากับการศึกษาและสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้มากมายขนาดนี้ นับว่าเขาฉลาดมากจริง ๆ
“ซวงเอ๋อร์ ที่ฉันศึกษาทุกอย่างได้ก็เพราะหนังสือที่เธอให้มาต่างหาก ต้องขอบคุณเธอนั่นแหละ”
“ทั้งหมดเป็นเพราะพี่เข้าใจมันต่างหากค่ะ”
เพราะถังซวงรู้สึกจริง ๆ ว่าโม่เจ๋อหยวนเก่งมาก เธอจึงกล่าวชมเชยเขาจากใจจริง ขณะทั้งสองกำลังพูดคุยกัน พวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านเถาฮวาอย่างรวดเร็ว
เมื่อเฮ่อหลานเห็นถังซวงกลับมาแล้ว เธอรีบเอ่ยถาม “ซวงเอ๋อร์ ผลการสอบออกหรือยังจ๊ะ?” แม้เธอจะรู้ว่าลูกสาวของตนเก่งกาจแค่ไหน แต่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะถาม
ถังเซวี่ยยืนอยู่ด้านข้าง ถามขึ้นด้วยความกังวลเช่นเดียวกัน “พี่คะ ผลสอบเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อเห็นแม่และน้องสาวเป็นกังวล ถังซวงยิ้มแล้วตอบว่า “ผลสอบออกแล้วค่ะ หนูสอบได้ที่หนึ่งด้วย เมื่อถึงวันเปิดเทอมหนูจะกลายเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลายแล้ว”
“จริงหรือ? ได้ที่หนึ่งเลยหรือ?”
เฮ่อหลานแทบไม่อยากจะเชื่อหูของตัวเอง เธอรู้อยู่แล้วว่าลูกสาวของเธอมีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยม ทว่าเธอก็ไม่เคยคิดหวังว่าจะได้อันดับหนึ่ง เพราะยังไงการที่ลูกสาวของเธอสอบข้ามระดับจากชั้นมัธยมหนึ่งมาชั้นมัธยมสามได้ก็เก่งมากแล้ว ทั้งเวลาเรียนของเธอยังน้อยกว่าคนอื่น ๆ อีก แต่ถึงอย่างนั้นคราวนี้ลูกสาวของเธอก็ยังสามารถคว้าอันดับหนึ่งได้อีกครั้ง
เฮ่อหลานตกตะลึงอยู่นานกว่าจะฟื้นคืนสติกลับมา เธออุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ “โอ้… ซวงเอ๋อร์ ลูกเก่งมากเลยจ๊ะ”
“ใช่ ๆ พี่เก่งที่สุดเลย”
ถังเซวี่ยรีบพูดขึ้นอย่างรวดเร็ว เธอรู้ดีอยู่แล้วว่าพี่สาวของตนยอดเยี่ยมมากแค่ไหน
หลังเห็นแม่และน้องสาวมีความสุขมาก ถังซวงก็มีความสุขไปด้วย
เวลานี้โม่เจ๋อหยวนเห็นสามแม่ลูกมีความสุข เขาก็พลอยยินดีไปด้วย ทว่าเขารู้สึกเศร้าเล็กน้อยเมื่อคิดว่าตนต้องออกจากหมู่บ้านเถาฮวาในวันพรุ่งนี้ และคงถึงเวลาที่เขาจะต้องบอกลาถังซวงและคนอื่น ๆ แล้ว
“ป้าหลานครับ พรุ่งนี้ผมต้องออกจากหมู่บ้านเถาฮวาแล้ว และอีกหนึ่งเดือนถึงจะได้กลับมา”
เฮ่อหลานเคยได้ยินก่อนหน้าแล้วว่าโม่เจ๋อหยวนต้องออกจากหมู่บ้าน แม้จะรู้สึกเศร้าแต่ก็ไม่ประหลาดใจนัก เธอหันมองโม่เจ๋อหยวนพร้อมตำหนิเล็กน้อยว่า “เจ๋อหยวน ทำไมถึงมาบอกตอนนี้? เอาเถอะ ฉันจะรีบไปทำอาหาร คืนนี้เรามากินอาหารอร่อย ๆ กันเถอะจ้ะ”
“ป้าหลานครับ ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมกินอะไรก็ได้”
“จะมากินอะไรก็ได้ได้ยังไงละ นอกจากเลี้ยงส่งเธอแล้ว เรายังต้องฉลองให้กับซวงเอ๋อร์ที่สอบได้ที่หนึ่งด้วยนะ”
โม่เจ๋อหยวนไม่พูดอะไรต่อ
ถังซวงยืนขึ้นพร้อมพูดว่า “แม่คะ เดี๋ยวหนูช่วยทำอาหารค่ะ”
ถังเซวี่ยคว้าถังซวงเอาไว้พร้อมพูดว่า “พี่คะ วันนี้เราจะฉลองที่พี่สอบได้ที่หนึ่ง พี่อยู่เฉย ๆ ไปเถอะ เดี๋ยวฉันไปช่วยแม่เอง”
หลังพูดจบ เธอผลักถังซวงให้นั่งลงบนเก้าอี้ และวิ่งปรี่เข้าไปช่วยงานในครัวอย่างอารมณ์ดี
เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว ถังซวงอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะด้วยรอยยิ้ม
แต่เมื่อนึกได้ว่าโม่เจ๋อหยวนจะจากไปวันพรุ่งนี้ เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่โม่รีบไปจัง ทำไมฉันถึงไม่เห็นรู้เลยว่าพี่ต้องไปในวันพรุ่งนี้แล้ว?”
“วันนี้ฉันไปหาผู้จัดการหูมา เลยรู้ว่าพรุ่งนี้ต้องไปแล้ว”
“อย่างนั้นคืนนี้เราจะเลี้ยงส่งพี่ หลังจากที่พี่ไปถึงเมืองไห่เฉิงแล้ว ฉันจะไปเยี่ยมถ้ามีเวลาว่างนะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าทันที “อืม ฉันจะรอนะ”
ช่วงกลางคืน จิงเจ้อหรงมาที่บ้านด้วยเช่นกัน
เมื่อเฮ่อหลานเห็นจิงเจ้อหรงเข้ามา แววตาของเธอเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “อาเจ้อ มาได้ยังไงคะ?”
“ผมทำธุระเสร็จแล้ว เลยแวะมาที่นี่น่ะครับ”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ จิงเจ้อหรงจับมือเฮ่อหลานอย่างแผ่วเบาพร้อมกล่าวเอื้อนเอ่ย “อาหลาน ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ผมคิดถึงคุณมากนะครับ”
หลังได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานถึงกับใบหน้าร้อนวูบวาบ เธอมองจิงเจ้อหรงแล้วหันมองรอบ ๆ เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร จึงผ่อนคลายลง ก่อนจะถอนหายใจด้วยความโล่งอกและรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“คุณมาทันเวลาพอดีเลยค่ะ มื้อเย็นพร้อมแล้ว กำลังจะกินข้าวกันเลย”
จิงเจ้อหรงเห็นใบหน้าแดงก่ำของเฮ่อหลาน จึงไม่หยอกล้อเธออีก เขาพยักหน้ายิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “ครับ อย่างนั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะ ดูเหมือนว่าขาของผมจะมาถูกจังหวะมาก มาทันมื้อเย็นพอดิบพอดีเลย”
หลังจิงเจ้อหรงเข้ามาด้านใน เขาพบว่าหลี่จงอี้ ซูเหนียนอวิ๋น และเก่อชิงเหม่ยก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน
“พรุ่งนี้เจ๋อหยวนจะต้องไปแล้ว เราเลยจะเลี้ยงส่งเขาน่ะ อีกอย่างซวงเอ๋อร์ก็สอบได้อันดับหนึ่งในการสอบเข้าชั้นมัธยมปลายด้วย ถือว่าเป็นวันที่ดี เรามาฉลองกันดีกว่าค่ะ”
หลังได้ยินอย่างนั้น จิงเจ้อหรงหันมองถังซวงแล้วพูดว่า “ยินดีด้วยนะซวงเอ๋อร์ ฉันคิดไว้แล้วว่าเธอต้องทำได้แน่” หลังจากนั้นเขามองไปที่โม่เจ๋อหยวน และบอกให้ดูแลตนเองให้ดี
หลี่จงอี้เห็นว่าทุกคนพูดคุยกันเสร็จแล้ว จึงพูดขึ้นบ้าง “เอาเถอะ ทุกคนรีบนั่งลงเร็วเข้า อาหารจะเย็นหมดเสียก่อน”
“ใช่ ๆ กินข้าวกันเถอะ”
ซูเหนียนอวิ๋นพูดขึ้นบ้าง
หลังทุกคนทานมื้อเย็นกันเสร็จแล้ว จิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานก็พูดคุยกันเรื่องจะไปเมืองหลวง
“อาหลาน ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยก็ปิดเทอมฤดูร้อนแล้ว พรุ่งนี้หรือมะรืนนี้เราไปเมืองหลวงกันไหมครับ?”