การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 250 ไร้ประโยชน์
บทที่ 250 ไร้ประโยชน์
บทที่ 250 ไร้ประโยชน์
เมื่อได้ยินคำพูดของจิงเจ้อหรง เฮ่อหลานพยักหน้าแล้วพูดว่า “อย่างนั้นเราไปกันเถอะค่ะ”
หลังทั้งหมดขึ้นรถแล้ว เฮ่อหลานก็หันไปพูดกับจิงเจ้อหรงว่า “อาเจ้อ ถ้าถึงเมืองหลวงแล้วพวกเราจะไปพักที่บ้านย่านกู่โหลวนะคะ จากนั้นค่อยไปเยี่ยมบ้านคุณในวันพรุ่งนี้ค่ะ”
เฮ่อหลานเคยบอกเรื่องนี้กับเขาแล้ว จิงเจ้อหรงจึงพยักหน้ารับแล้วพูดว่า “ครับ งั้นผมจะไปส่งคุณที่นั่น ทว่านี่ก็ค่ำแล้วพวกเรายังไม่ได้ทานมื้อเย็นกันเลย เดี๋ยวพอเก็บข้าวของเสร็จผมจะพาไปกินข้าวแถว ๆ กู่โหลว”
“ค่ะ”
คนขับรถมุ่งหน้าไปยังกู่โหลว และเมื่อมาถึง ถังซวงก็นำทางพวกเขาเข้าบ้าน
ซึ่งถังซวงได้มอบหมายให้หลินหมิงซู่ตกแต่งบ้านให้ แม้แต่เธอเองก็ยังไม่เห็นว่าหน้าตาบ้านใหม่ของตนจะเป็นอย่างไร เมื่อเธอเปิดประตูและกดสวิตซ์ไฟ ด้านในก็สว่างขึ้น บ้านพลันอบอุ่น บรรยากาศท่ามกลางแสงวอร์มไลท์ทำให้สามารถมองเห็นทุกอย่างได้ชัดเจน
รูปดอกกุหลาบที่เบ่งบานตามผนังงดงามมาก พื้นถูกปูด้วยแผ่นหินสีเงินขนาดใหญ่ ทำให้ลานทั้งหมดสะอาดและเป็นระเบียบ
นอกจากนี้ยังมีชุดโต๊ะและเก้าอี้หินที่มุมสนาม ซึ่งเรียบง่ายและเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนมาก
“สวนนี้สวยมากเลยค่ะ”
ถังเซวี่ยมองลานด้านหน้าด้วยความประทับใจ ก่อนจะเอ่ยปากชมอย่างอดไม่ได้
เฮ่อหลานพยักหน้าเห็นด้วย “ใช่ สวยมากจริง ๆ จ้ะ”
“แม่คะ เอาของไปเก็บกันเถอะค่ะ”
“จ้ะ”
เฮ่อหลานตอบกลับด้วยรอยยิ้มก่อนจะหันมองจิงเจ้อหรง “อาเจ้อ เดี๋ยวฉันถือเองค่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมถือไปส่ง”
จิงเจ้อหรงถือกระเป๋าเดินทางของเฮ่อหลาน รีบติดตามถังซวงเข้าไปด้านใน
เมื่อเห็นว่าจิงเจ้อหรงไม่ยอมให้ตนถือของและพุ่งเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว เฮ่อหลานเลยอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะพลางลอบยิ้ม
แม้ถังซวงต้องการจะเดินชมบ้าน แต่นี่ก็มืดมากแล้ว และทั้งหมดต้องออกไปทานมื้อเย็น เธอจึงทำได้แค่วางข้าวของเอาไว้แล้วออกไปด้านนอก
จิงเจ้อหรงที่คุ้นเคยกับเมืองหลวงเป็นอย่างดี เขาพาสามแม่ลูกไปที่ร้านอาหารที่ใกล้ที่สุด หลังพาทุกคนไปทานมื้อเย็นแล้ว จึงพาพวกเธอกลับมาส่งที่บ้าน
“อาหลาน พรุ่งนี้ผมจะมารับคุณแต่เช้านะครับ คืนนี้คุณพักผ่อนเถอะ”
เฮ่อหลานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ คุณก็กลับไปพักผ่อนได้แล้ว”
หลังจิงเจ้อหรงออกไปแล้ว เฮ่อหลานและลูกสาวเปิดประตูเพื่อเข้าบ้าน
“พี่คะ เราไปดูรอบ ๆ บ้านกันเถอะ”
ถังเซวี่ยพูดออกมาด้วยความตื่นเต้น เพราะเธออยากเดินชมรอบ ๆ บ้านมาก ไม่ใช่แค่ต้องการเห็นสถานที่ทั้งหมดเท่านั้น แต่เธอต้องการเห็นการออกแบบและโครงสร้างทั้งหมดของที่นี่ด้วย
เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของถังเซวี่ยแล้ว ถังซวงยกยิ้มก่อนจะตอบกลับว่า “ได้ ไปดูกัน” ขณะพูดอย่างนั้นเธอก็เดินนำหน้าไป
“ตอนฉันได้บ้านหลังนี้มา มันค่อนข้างทรุดโทรม ทว่าลุงหลินช่วยตกแต่งให้ใหม่ เลยดูดีขึ้นมากเลยทีเดียว”
“อ้อ ที่มันสวยอย่างนี้เพราะฝีมือของลุงหลินนี่เอง”
เมื่อพูดถึงหลินหมิงซู่ เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “อีกสองสามวันแม่จะลองติดต่อลุงของพวกลูก แล้วถามเขาว่าเป็นยังไงบ้าง”
ถังซวงพยักหน้ารับ “ค่ะ แม่ลองถามดูนะว่าลุงหลินสบายดีไหม อยู่ที่ก่างเฉิงเป็นยังไงบ้าง”
ทั้งสามแม่ลูกเดินพูดคุยกันไป หลังเดินไปทั่วบ้าน พวกเธอก็รู้สึกพึงพอใจมาก
“หมิงซู่เก่งจริง ๆ บ้านหลังนี้สวยจนหาที่ติไม่ได้เลย สวนทั้งภายในและภายนอก อีกทั้งภูมิทัศน์รอบ ๆ ก็ยังสวยอีก”
เฮ่อหลานไม่คาดคิดมาก่อนว่าลานบ้านของลูกสาวคนโตจะใหญ่และงดงามถึงเพียงนี้ และเมื่อทั้งสามยืนอยู่ในบ้าน มันกลับดูกว้างจนรู้สึกเหงาเล็กน้อย “ซวงเอ๋อร์แล้วคืนนี้เราจะนอนกันที่ไหนดีจ๊ะ?”
“แม่คะ บ้านหลังนี้มีผ้าห่มและทุกอย่างครบแล้ว เราเข้านอนได้เลยค่ะ”
“จ้ะ งั้นคืนนี้พวกเรานอนด้วยกันไหม?”
หลังถังซวงพาเฮ่อหลานและถังเซวี่ยไปที่ห้อง เธอก็จะไปที่ห้องครัว “แม่คะ เสี่ยวเซวี่ย เดี๋ยวทำความสะอาดไปก่อนนะ หนูจะไปดูในครัวสักหน่อย”
“จ้ะ”
เมื่อถังซวงเข้ามาในห้องครัว เธอหันมองรอบ ๆ และไม่พบใคร ดังนั้นเธอจึงนำสิ่งของต่าง ๆ ออกมาจากพื้นที่มิติ ทั้งข้าว เครื่องปรุงรส ชาม และตะเกียบใหม่ โชคดีที่พวกเขาไม่ได้มาดูห้องครัวก่อนหน้านี้ ไม่อย่างนั้นเธอคงอธิบายไม่ถูกแน่ว่าของทั้งหมดนี้มาได้อย่างไร
หลังเสร็จเรียบร้อยแล้ว ถังซวงเดินกลับมาหาทั้งสอง
“แม่คะ เสี่ยวเซวี่ย เมื่อครู่หนูไปดูห้องครัวมาแล้ว มีของหลายอย่างเลยค่ะ พรุ่งนี้เราสามารถทำอาหารเช้าที่นี่ได้เลย”
เฮ่อหลานยกยิ้มด้วยความดีใจ
“ดีจริง ๆ แม่กินอาหารบนรถไฟตั้งสองสามมื้อ คิดว่ามันไม่อร่อยเท่ารสมือของตัวเองเลย”
สุดท้ายเธอก็สงสัยเล็กน้อยจึงเอ่ยปากถาม “แล้วทำไมในห้องครัวถึงมีวัตถุดิบได้ล่ะ?”
ถังซวงอธิบายอย่างเรียบง่าย “หนูขอให้ลุงหลินช่วยซื้อหม้อ กระทะ อุปกรณ์ต่าง ๆ ให้น่ะค่ะ แต่ไม่คิดว่าเขาจะซื้อมันมาเยอะขนาดนี้ มีทั้งข้าว ของใช้เยอะแยะไปหมด บางทีเขาอาจจะคิดว่าพวกเราจะมาอยู่ที่นี่ ก็เลยซื้อไว้ขนาดนี้”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะชื่นชมหลินหมิงซู่อีกครั้ง
“หลังหมิงซู่กลับจากก่างเฉิงแล้ว คงต้องขอบคุณเขาเสียหน่อย”
ถังซวงรีบเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับพูดว่า “แม่คะ กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้านะ”
“จ้า ๆ พวกเรารีบไปพักผ่อนกันเถอะ”
อีกด้าน หลังจิงเจ้อหรงกลับมาถึงบ้าน เขาพบว่าพ่อ แม่ พี่ชาย และพี่ชายรองอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา เขาจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “แม่ครับ พ่อครับ พี่ใหญ่ พี่รอง ทำไมทุกคนถึงยังไม่นอนกันอีกล่ะ? นี่มันดึกแล้วนะครับ”
เมื่อเห็นจิงเจ้อหรงเดินเข้ามาคนเดียว คุณนายจิงรีบถามทันทีว่า “ซวงเอ๋อร์กับคนอื่น ๆ ล่ะ? ก่อนหน้านี้ลูกบอกเองไม่ใช่หรือว่าจะกลับมาพร้อมกับพวกเธอ? แล้วทำไมถึงมาคนเดียว?”
“แม่ครับ อาหลานกับซวงเอ๋อร์ก็ไปพักอยู่ที่บ้านของพวกเขาสิครับ เดี๋ยวทั้งสามก็จะมาที่นี่ในวันพรุ่งนี้น่ะ”
“อะไรนะ…”
ใบหน้าของคุณนายจิงฉายแววผิดหวัง ขณะเดียวกันเธอก็รู้สึกไม่พอใจลูกคนนี้
“ทำไมฉันถึงมีลูกไร้ประโยชน์อย่างนี้นะ แม่นึกว่าลูกจะพาพวกเธอมาพักผ่อนที่บ้านของเราซะอีก”
“ซวงเอ๋อร์ก็มีบ้านอยู่ที่เมืองหลวงนะครับ พวกเธอคงไม่มาพักที่บ้านของพวกเราอยู่แล้ว”
เมื่อรู้ว่าถังซวงและคนอื่น ๆ ไม่ได้มาด้วย คุณนายจิงโบกมืออย่างไม่พอใจก่อนจะพูดว่า “เอาเถอะ รีบไปพักผ่อนเร็วเข้า แล้วพรุ่งนี้รีบไปรับซวงเอ๋อร์กับคนอื่น ๆ แต่เช้า”
เมื่อเห็นแม่ของตนเป็นเช่นนี้แล้ว จิงเจ้อหรงอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะอย่างขบขัน ทว่าหลังจากกล่าวทักทายคุณชายจิงและคนอื่น ๆ เสร็จ เขาก็กลับไปที่ห้องเพื่อพักผ่อน
วันรุ่งขึ้น จิงเจ้อหรงตื่นแต่เช้าแต่งตัวจนกลายเป็นหนุ่มหล่อเหลาและอ่อนโยน ขณะที่กำลังจะออกจากบ้าน เขาบอกกล่าวคนในบ้านว่า “พ่อครับ แม่ครับ ผมไปรับอาหลานกับลูก ๆ ของเธอก่อนนะครับ”
“ไป ๆ รีบไปเร็วเข้า”
คุณนายจิงพูดพร้อมกับโบกมือเร่งรีบ “เร็ว ๆ เข้าล่ะ”
หลังจิงเจ้อหรงออกไป คุณนายจิงก็กำลังจะปิดประตูเพื่อเตรียมตัว ทว่ามีหญิงวัยกลางคนและหญิงสาวคนหนึ่งเดินเข้ามาที่หน้าประตู
“พี่สาว ฉันมาพบคุณค่ะ”