การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 251 พบเจอ
บทที่ 251 พบเจอ
บทที่ 251 พบเจอ
เมื่อได้ยินเสียง คุณนายจิงหันศีรษะไปมองและพบว่านั่นคือเฉินเยว่จือน้องสาวของเธอ และสื่อจวินอี๋พี่สะใภ้ของเธอด้วย
เมื่อเห็นทั้งสอง คุณนายจิงขมวดคิ้วเล็กน้อยก่อนจะถามว่า “เยว่จือ ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ?”
เมื่อเฉินเยว่จือได้ยินอย่างนั้นเธอยกยิ้มแล้วตอบว่า “พี่คะ ฉันได้ยินว่าอาเจ้อกลับมาแล้ว ฉันก็เลยมาเยี่ยมน่ะค่ะ”
“เสียดายที่เธอมาไม่ทัน อาเจ้อออกไปทำธุระข้างนอกเมื่อครู่นี้เอง”
เมื่อเฉินเยว่จือได้ยินอย่างนั้น เธอยังไม่ขยับแต่เดินไปหาคุณนายจิงแล้วถามอย่างห่วงใยว่า “พี่คะ ฉันได้ยินว่าอาเจ้อพาสาวจากชนบทกลับมาด้วย เป็นความจริงหรือคะ? อาเจ้อหล่อเหลาซะขนาดนั้นแต่กลับคว้าเอาหญิงจากชนบทเนี่ยนะ”
เมื่อเห็นใบหน้าสอดรู้สอดเห็นของเฉินเยว่จือแล้ว ใบหน้าของคุณนายจิงพลันมืดมนในทันที “ตราบใดที่อาเจ้อชอบเธอคนนั้น ไม่ว่าคู่ของเขาจะเป็นแบบไหน เราก็จะสนับสนุนเขาแน่ อีกอย่างคนรักของเขาก็ยอดเยี่ยม แม้จะเกิดในชนบท แต่เฮ่อหลานก็เป็นคนดีมาก”
เฉินเยว่จืออายุน้อยกว่าเธอยี่สิบปี และเป็นที่รักใคร่ของพ่อแม่เสมอมา จึงมีนิสัยเสียตั้งแต่ยังเด็ก แม้ครอบครัวจะคัดค้าน แต่เธอก็ยังดื้อรั้นที่จะแต่งงานกับนักประวัติศาสตร์ที่มีชื่อเสียง คุณนายจิงเลยไม่ค่อยพอใจในตัวน้องสาวคนนี้นัก แต่อีกฝ่ายกลับชอบบุกมาหาเธอที่บ้านเป็นประจำ
เมื่อเฉินเยว่จือได้ยินคำพูดของคุณนายจิง เธออดไม่ได้ที่จะเม้มปากแล้วพูดว่า “ต่อให้ดีเลิศอย่างไรก็เป็นเพียงหญิงบ้านนอก”
สื่อจวินอี๋ที่ยืนอยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะเบะปากเล็กน้อย เธอคิดว่าคุณนายจิงโง่เขลา เพราะด้วยอิทธิพลของตระกูลจิง อีกทั้งความหล่อเหลาและเก่งกาจของจิงเจ้อหรง คนเหล่านี้จะยอมรับลูกสะใภ้จากชนบทได้อย่างไร นอกจากนี้เธอยังได้ยินว่าหญิงชนบทคนนั้นมีลูกติดถึงสองคนด้วย
เมื่อได้ยินอย่างนั้น สื่อจวินอี๋ก็ต้องการพูดบางอย่าง
“ใช่ค่ะ มีผู้หญิงมากมายในเมืองหลวงที่เต็มใจจะแต่งงานกับจิงเจ้อหรง ทำไมเขาถึงไปคว้าเอาแม่ม่ายลูกติดจากชนบทแบบนั้น”
ด้วยความอาวุโสของสื่อจวินอี๋นั้นค่อนข้างมาก เธออยู่ในรุ่นเดียวกันกับเฉินเยว่จือ ทว่าหากไตร่ตรองดูให้ดีแล้วจะทราบว่าเธอและคุณนายจิงอยู่ในรุ่นเดียวกัน จิงเจ้อหรงจึงเด็กที่สุดในวงสนทนานี้
หากไม่ใช่เพราะช่องว่างระหว่างวัยของสื่อจวินอี๋ เธอรู้สึกว่าตนเองเหมาะสมกับจิงเจ้อหรงมากกว่าเสียอีก
หลังได้ยินถ้อยคำของเฉินเยว่จือและสื่อจวินอี๋แล้ว ใบหน้าของคุณนายจิงยิ่งบิดเบี้ยว
“พวกเธอไม่เคยพบเฮ่อหลาน แล้วรู้ได้ยังไงว่าหล่อนนิสัยไม่ดี เอาเถอะ วันนี้บ้านของเราต้องเตรียมต้อนรับเฮ่อหลานและลูก ๆ ของหล่อนกันอยู่ พวกเธอกลับไปก่อนเถอะ”
หลังได้ยินเช่นนั้น เฉินเยว่จือพลันรู้สึกไม่พอใจทันที
“พี่คะ พี่พูดอย่างนี้ได้ยังไงหมายความว่าพวกเราเป็นคนนอกหรือ? แล้วทำไมถึงไล่พวกเราอย่างนี้ล่ะคะ? มันไม่เกี่ยวหรอกว่าสิ่งที่ฉันพูดจะถูกหรือผิด แต่ผู้หญิงที่ชื่อเฮ่อหลานนั่นเป็นแค่สาวบ้านนอก และหล่อนก็แก่มากแล้วด้วย อีกทั้งยังมีภาระติดมาด้วยตั้งสองคน อย่างนั้นคนแบบนี้น่ะหรือที่พี่ยินยอมให้อาเจ้อพาเข้าบ้าน? พี่สมควรจะคัดค้านอย่างหนักมากกว่า!”
“เฉินเยว่จือ มันไม่ใช่ธุระอะไรของเธอที่จะมาจุ้นจ้านเรื่องครอบครัวของฉัน”
คุณนายจิงไม่สามารถอดกลั้นได้อีกต่อไป เธอกล่าวออกไปตามตรง
เฉินเยว่จือไม่คาดคิดว่าคุณนายจิงจะกล้าพูดเช่นนี้ เธอตกตะลึงกับคำสบถนั้นอยู่นาน เมื่อรู้สึกตัว ความโกรธเกรี้ยวพลันก่อตัวขึ้น นับตั้งแต่ยังเด็ก พ่อแม่ล้วนแต่เอาอกเอาใจเธอเสมอมา แม้แต่พี่สาวตรงหน้านี้ก็ยังต้องยอมเธอทุกอย่าง ทว่าเวลานี้หล่อนกลับกล้าตะคอกใส่เธออย่างงั้นหรือ?
“นี่… นี่พี่…”
ก่อนที่เฉินเยว่จือจะทันได้พูด คุณชายจิงก็เดินเข้ามา
“เตรียมตัวถึงไหนแล้วล่ะ? อาเจ้อกำลังขับรถไปรับพวกเธอ อีกไม่ช้าก็คงมาถึงแล้วละ”
เมื่อเห็นคุณชายจิง เฉินเยว่จือถึงกับสั่นสะท้าน เธอไม่เคยหวาดกลัวพี่สาวของตน ทว่าเธอกลับเกรงใจพี่เขยคนนี้มาก ส่วนสื่อจวินอี๋ก็เงียบปากสนิทไม่พูดอะไรต่อ
เมื่อคุณชายจิงเหลือบไปเห็นเฉินเยว่จือและสื่อจวินอี๋ ใบหน้าของเขาพลันเย็นชา
วันนี้เป็นวันที่ลูกชายคนเล็กจะพาคนรักมาที่บ้าน เขาไม่คิดว่าน้องภรรยาคนนี้จะมาเยี่ยมถึงประตูบ้าน แต่สุดท้ายแล้วพวกเขาล้วนแต่เป็นญาติกันในฐานะพี่เขย น้องภรรยา เวลานี้เขาถึงกับพูดอะไรไม่ออก
หลังได้ยินถ้อยคำของคุณชายจิงแล้ว คุณนายจิงตอบกลับว่า “อ่า…”
“ยังไม่เรียบร้อยเลยค่ะ”
ในตอนท้าย เธออดไม่ได้ที่จะหันมองเฉินเยว่จือ หากอีกฝ่ายไม่เข้ามาขัดจังหวะ ทุกอย่างน่าจะเสร็จสิ้นนานแล้ว “อย่างนั้นฉันขอตัวเข้าครัวก่อนนะคะ”
เฉินเยว่จือยกยิ้มเขินอายเมื่อได้พบกับคุณชายจิง แต่เธอก็ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะอยู่ที่นี่ต่อ
วันนี้เธอมาเพื่อรับชมคนรักของจิงเจ้อหรงว่าจะเป็นอย่างไร คนแบบไหนที่สามารถทำให้จิงเจ้อหรงหลงรักจนพาเข้าบ้านได้ ก่อนหน้านั้นเธอแนะนำผู้หญิงมากมายให้กับจิงเจ้อหรง ทุกคนล้วนคู่ควรกับเขา แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครเข้าตาหลานคนนี้สักคน ทว่าเขากลับเลือกเอาสาวบ้านนอกมาไว้ข้างกายเนี่ยนะ
อีกด้าน จิงเจ้อหรงไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้าน เมื่อเขามาถึง เขารีบพาเฮ่อหลานและลูกสาวของเธอขึ้นรถทันที
“อาหลาน พี่ชายใหญ่กับครอบครัวของพี่ชายรองก็มาด้วยนะ วันนี้พวกเขาตั้งตารอที่จะได้พบคุณมาก คุณไม่ต้องกังวลนะครับ”
เฮ่อหลานรู้สึกประหม่าจริง ๆ เวลานี้เธอหันมองของขวัญที่ตระเตรียมเอาไว้ ก่อนจะสูดลมหายใจลึก “ค่ะ ฉันจะพยายามไม่กังวล”
เมื่อถังซวงเห็นแม่มีท่าทีกังวล เธออดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แม่คะ ครอบครัวของลุงจิงใจดีมากค่ะ แม่ไม่ต้องกังวล ต่อให้มีใครจับผิด หนูจะปกป้องแม่เองค่ะ แม่สบายใจได้เลย”
“ซวงเอ๋อร์…”
เฮ่อหลานหันมองถังซวงด้วยความขบขัน ความกังวลใจทั้งหมดพลันหายไปทันที “นี่เราไปในฐานะแขกนะจ้ะ อย่าทำให้คนอื่นเดือดร้อน มันไม่มีอะไรหรอกจ้ะ”
“ค่ะ”
เมื่อเห็นว่าแม่เลิกกังวลแล้ว ถังซวงยิ้มพร้อมพยักหน้า
ส่วนถังเซวี่ยพูดขึ้นว่า “แม่คะ วันนี้คุณแม่สวยมากเลยค่ะ พี่สาวกับหนูก็น่ารักมาก พวกเขาจะไม่ชอบเราได้ยังไง อย่าคิดมากเลยนะคะ”
“จ้ะ ๆ”
เฮ่อหลานที่เคยกังวลพลันลืมความกังวลหมดสิ้น เพราะลูกสาวของเธอน่ารักเสียจนทำให้เธอยิ้มไม่หุบ
หลังพวกเขามาถึงบ้านตระกูลจิง จิงเจ้อหรงพาเฮ่อหลานและคนอื่น ๆ เข้ามาด้านใน
“พ่อครับ แม่ครับ ผมกลับมาแล้ว”
เมื่อได้ยินเสียงของจิงเจ้อหรง คุณนายจิงรีบลุกขึ้นทันที
แม้แต่คุณชายจิงก็ยังอดไม่ได้ที่จะมองออกไปนอกประตู
ส่วนเฉินเยว่จือและสื่อจวินอี๋ผู้ที่นั่งรอคอยอย่างเบื่อหน่ายก็กำลังมองไปที่ประตูด้วยเช่นกัน พวกเขาต้องการเห็นว่าเฮ่อหลานมีใบหน้าเป็นอย่างไร เพราะอะไรถึงได้ทำให้จิงเจ้อหรงตกหลุมรัก
หลังจิงเจ้อหรงเดินเข้ามา เขาเห็นเฉินเยว่จือและสื่อจวินอี๋ คิ้วของเขาพลันขมวดเล็กน้อย แต่กลับไม่คิดทักทาย และเดินไปหาคุณชายจิงและคุณนายจิงแทน “พ่อครับ แม่ครับ นี่เฮ่อหลานคนรักของผมครับ แล้วนี่ถังซวง ทุกคนคงเคยพบกันแล้ว ส่วนคนนี้คือถังเซวี่ยครับ”
ขณะพูด จิงเจ้อหรงหลีกทางเล็กน้อย เผยให้เห็นเฮ่อหลานที่เดินติดตามมา
เฮ่อหลานรีบกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะคุณลุง คุณป้า ฉันเฮ่อหลานค่ะ”
“เธอ… เธอคือเฮ่อหลานงั้นหรือ?”
คุณชายจิงและคุณนายจิงมองเฮ่อหลานที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ผู้หญิงคนนี้แตกต่างจากที่พวกเขาจินตนาการไว้โดยสิ้นเชิง อีกทั้งเธอยังดูเด็กมากด้วย
ทว่าเฉินเยว่จือที่อยู่ด้านข้างยังอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “เป็นไปไม่ได้…”