การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 256 ไม่อยากจะเชื่อ
บทที่ 256 ไม่อยากจะเชื่อ
บทที่ 256 ไม่อยากจะเชื่อ
เจิ้งหงที่หลบอยู่ด้านหลังของหลินเหม่ยเจิน เมื่อเห็นสามแม่ลูกเข้ามาด้านใน ในคราวแรกเธอเห็นเพียงสาวงามสามคนเดินเข้ามา เธอเหลือบมองเฮ่อหลานที่เดินนำหน้ามาด้วยความประหลาดใจ พร้อมสงสัยว่านี่เป็นเพียงภาพหลอนหรือเปล่า
นี่พี่สะใภ้เรียกผู้หญิงคนนี้ว่าคุณเฮ่อ ถ้าอย่างนั้นก็คือแม่ของถังซวงที่เคยหย่าร้างจากชนบทมาก่อนคนนั้นหรือ?
นี่… นี่ไม่เหมือนกับผู้หญิงชนบทที่มีลูกสาวอายุขนาดถังซวงเลย คนชนบทเดี๋ยวนี้เขาดูแลตนเองได้ขนาดนี้เชียวหรือ?
เมื่อเห็นเจิ้งหงที่ยืนอยู่ด้านข้าง หลินเหม่ยเจินอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองพร้อมพูดว่า “อาหง นี่แม่ของซวงเอ๋อร์ เฮ่อหลาน” จากนั้นเธอแนะนำเฮ่อหลาน “คุณเฮ่อคะ นั่นคือน้องสะใภ้ของฉันค่ะ เจิ้งหง”
พอได้ยินคำของหลินเหม่ยเจินแล้ว เจิ้งหงพลันเรียกสติกลับมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะทักทายด้วยรอยยิ้ม “สวัสดีค่ะคุณเฮ่อ ฉันเจิ้งหงค่ะ”
“สวัสดีค่ะ ฉันเฮ่อหลาน”
หลังเฮ่อหลานและเจิ้งหงทักทายกันเสร็จแล้ว หลินเหม่ยเจินก็แนะนำถังเซวี่ย
เมื่อเห็นถังเซวี่ยที่ดูน่ารักสดใสตรงหน้า เจิ้งหงยกยิ้มแล้วกล่าวทักทายทันที
“สวัสดีค่ะคุณป้าเจิ้ง”
ถังเซวี่ยทักทายด้วยรอยยิ้มพร้อมกับเดินเข้าหาหลินเหม่ยเจิน
ส่วนผู้เฒ่าโม่ที่นั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น เห็นทั้งสามเดินเข้ามาก็ยกยิ้มกว้าง
เมื่อเห็นภาพตรงหน้าอย่างนั้น เฮ่อหลานรีบรุดเข้าไปอย่างอ่อนน้อมแล้วพูดว่า “คุณปู่ของเจ๋อหยวนใช่ไหมคะ สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเฮ่อหลาน ยินดีที่ได้พบกันนะคะ”
“สวัสดี ๆ เชิญนั่งลงก่อน”
ผู้เฒ่าโม่ทักทายทั้งแม่และลูกสาวอย่างอบอุ่น พร้อมขอบคุณที่พวกเธอดูแลโม่เจ๋อหยวนเป็นอย่างดีเสมอมา
ทว่าเฮ่อหลานรีบโบกมือเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ความจริงฉันไม่ได้ดูแลอะไรมากมายเลยค่ะ เจ๋อหยวนเป็นคนมีเหตุผลแล้วก็เก่งมากด้วย เขาสามารถดูแลตัวเองได้ค่ะ”
“เฮ่อหลาน ฉันได้ยินจากเจ๋อหยวนว่าตอนที่เขาอาศัยอยู่ในมณฑลเจียง เขากินข้าวที่บ้านของคุณเสมอ ดังนั้นฉันเลยต้องขอรบกวนให้คุณช่วยดูแลเขาต่อไปด้วยนะ”
เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะพูดตอบว่า “พวกเรารับกินอาหารที่บ้านกันอยู่แล้วค่ะ แค่มีตะเกียบเพิ่มมาหนึ่งคู่เท่านั้นไม่เป็นปัญหาอะไรเลย อีกอย่างเจ๋อหยวนก็คอยช่วยเหลือพวกเราเสมอค่ะ”
หลินเหม่ยเจินอดไม่ได้ที่จะถามต่อ “เจ๋อหยวนช่วยอะไรบ้างหรือคะ? ปกติเขาทำอะไรบ้าง?” เพราะเธอไม่รู้เลยว่าตอนที่ลูกชายของเธอไปอยู่ที่มณฑลเจียงมักจะทำอะไรบ้าง จึงเอ่ยปากถาม
เมื่อเฮ่อหลานได้ยินอย่างนั้น เธอหันไปคุยกับหลินเหม่ยเจินเกี่ยวกับเรื่องของโม่เจ๋อหยวน และทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
เมื่อโม่ถิงฮวาและโม่ถิงซวนกลับมา อาหารกลางวันก็พร้อมแล้ว ทุกคนแนะนำตัวกันอีกครั้งก่อนจะเดินตรงไปยังห้องอาหาร
“สหายเฮ่อหลาน วันนี้ฉันให้พ่อครัวที่บ้านปรุงอาหารของมณฑลเจียงเป็นพิเศษ ไม่รู้ว่ามันจะเหมือนกับที่คุณกินอยู่บ่อย ๆ หรือเปล่า ลองชิมดูก่อนนะ”
เฮ่อหลานเห็นแล้วว่ามีอาหารประจำของมณฑลเจียงมากมายบนโต๊ะอาหาร รอยยิ้มบนใบหน้าของเธอยิ่งกว้างขึ้น นี่ตระกูลโม่ให้ความสำคัญกับสามแม่ลูกมากขนาดนี้เชียว
ซึ่งมันทำให้เธอรู้สึกมีความสุขมาก อีกอย่างตระกูลโม่ก็เรียบง่าย จึงเข้ากันได้ง่ายอย่างนี้ “ขอบคุณค่ะคุณโม่ อย่างนั้นฉันไม่เกรงใจนะคะ”
ทั้งเจ้าภาพและแขกต่างเพลิดเพลินกับการกินอาหาร ทว่าบางครั้งก็มีคำถามจากเจิ้งหงคอยขัดให้เสียบรรยากาศ
เวลานี้เจิ้งหงยังคงพูดขึ้นอีกครั้ง “คุณเฮ่อมาเที่ยวในเมืองหลวงหรือคะ? แล้วพรุ่งนี้คุณจะออกไปเดินเล่นในเมืองไหม?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานปฏิเสธอย่างรวดเร็วและสุภาพ “ไม่ค่ะ วันพรุ่งนี้ฉันมีนัดแล้ว”
เจิ้งหงเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ เธอไม่คิดว่าเฮ่อหลานจะรู้จักคนในเมืองหลวงด้วย อีกทั้งยังมีนัดไปซื้อของกันบนถนนเนี่ยนะ “อ้อ คุณเฮ่อมีเพื่อนในเมืองหลวงด้วยหรือคะ”
“เขาเป็นคนรักน่ะค่ะ”
เฮ่อหลานไม่ได้ปิดบังอะไร เธอพูดออกไปตรง ๆ ว่าวันแต่งงานของเธอกับจิงเจ้อหรงถูกนัดหมายเรียบร้อยแล้ว และวันนี้เธอก็มาที่นี่พร้อมกับการ์ดเชิญ
“อ้อ…”
เจิ้งหงอดไม่ได้ที่จะอุทาน แต่เธอรู้ว่ามันไม่ใช่มารยาทที่ดี จึงรีบหยุดปาก
นี่เป็นครั้งแรกที่เฮ่อหลานมาที่บ้านตระกูลจิง และนอกจากคนใกล้ชิดแล้วไม่มีใครทราบเรื่องของเธอกับจิงเจ้อหรงเลย เจิ้งหงจึงไม่รู้เรื่องนี้และประหลาดใจมากที่ได้ทราบว่าเอ่อหลานมีคนรักแล้ว
เมื่อเห็นสถานการณ์ล่วงเลยมาจนถึงจุดนี้ เฮ่อหลานหยิบการ์ดออกจากในกระเป๋าแล้วมอบให้กับผู้เฒ่าโม่ “ผู้เฒ่าคะ นี่การ์ดเชิญงานแต่งงานของฉันกับจิงเจ้อหรง หวังว่าคุณจะมาร่วมดื่มให้กับการแต่งงานของเรานะคะ”
ผู้เฒ่าโม่รู้เรื่องของเฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ทว่าเขาก็ไม่แปลกใจนักก่อนจะตอบรับคำเชิญด้วยรอยยิ้ม “ตกลง พวกเราจะไปร่วมดื่มฉลองในวันแต่งงานของเธอแน่”
นอกจากผู้เฒ่าโม่และหลินเหม่ยเจิน ทุกคนในตระกูลโม่ต่างตกตะลึงพร้อมเพรียง
โดยเฉพาะเจิ้งหง เธอหันมองเฮ่อหลานด้วยความประหลาดใจพร้อมถามออกไปว่า “นั่น… นั่นใช่จิงเจ้อหรงที่พวกเรารู้จักหรือเปล่า? คุณชายสามของตระกูลจิงคนนั้น?”
เฮ่อหลานพยักหน้ารับแล้วตอบว่า “ค่ะ น่าจะเป็นคนเดียวกับที่คุณรู้จัก”
หลินเหม่ยเจินพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เมื่อวานฉันไปเชิญคุณเฮ่อที่บ้านด้วยตัวเอง ฉันบังเอิญได้พบกับคุณจิงเหมือนกัน ทั้งสองเหมาะสมกันมากจริง ๆ ค่ะ”
ในที่สุดเจิ้งหงก็เชื่อว่าทั้งหมดคือเรื่องจริง ทว่าในใจยังลอบสงสัยไม่หยุด
คนอย่างเฮ่อหลานน่ะหรือจะสามารถมัดใจจิงเจ้อหรงได้ ทั้งสองแทบจะอยู่ต่างสังคมกันเลยเนี่ยนะ? แล้วนี่ครอบครัวของจิงเจ้อหรงยอมให้พวกเขาแต่งงานกัน…
เมื่อหันมองเฮ่อหลานอีกครั้ง เจิ้งหงก็ต้องยอมรับว่าเธอสวยและความสดใสในแววตาก็ชวนมอง ไม่แปลกที่จิงเจ้อหรงจะชอบ
เวลานี้เฮ่อหลานมอบการ์ดพร้อมของขวัญที่เตรียมมาให้
หลินเหม่ยเจินและเจิ้งหงชอบผ้าเช็ดหน้าปักสองด้านมาก ทั้งยังมีพัดที่เฮ่อหลานทำขึ้น ทุกคนถึงกับประหลาดใจมากเมื่อรู้ว่าเธอทำมันขึ้นมาเอง
“เฮ่อหลาน คุณเก่งมากเลยค่ะ”
หลินเหม่ยเจินอดไม่ได้ที่จะชื่นชม เธอรู้สึกว่าเฮ่อหลานเป็นคนดีมาก
หลังได้พูดคุยกันแล้ว ความสัมพันธ์ของทั้งสองนับว่าสนิทสนมประมานหนึ่ง เธอจึงเรียกชื่ออีกฝ่ายโดยตรง
แม้แต่เจิ้งหงยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวชม “ใช่ค่ะ มันสวยมาก”
เจิ้งหงมองเฮ่อหลานด้วยสีหน้าสับสน เธอรู้สึกว่าเวลานี้ความคิดของเธอที่มีต่อหญิงสาวจากชนบทคนนี้เปลี่ยนไปแล้ว และเฮ่อหลานยังดูสง่างามกว่าหญิงสาวในเมืองหลวงซะอีก
ส่วนถังซวงอดไม่ได้ที่จะยิ้มกว้างเมื่อเห็นทุกคนชื่นชมแม่ของตัวเอง
ถังเซวี่ยที่อยู่ด้านข้างก็มีความสุขมากด้วยเช่นกัน
เฮ่อหลานพูดคุยกับผู้เฒ่าโม่สักพัก จากนั้นก็พาถังซวงและถังเซวี่ยกลับ
เมื่อพวกเธอกลับมาถึงบ้าน จิงเจ้อหรงก็มาพอดี “อาหลาน ถ้าไม่สะดวกทำอาหารที่นี่ ไปทานข้าวที่บ้านผมก็ได้นะครับ”
เฮ่อหลานรีบโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ที่นี่มีทุกอย่างครบสะดวกอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องไปรบกวนที่บ้านของคุณหรอกค่ะ”
ด้วยวัตถุดิบมากมายในครัวที่ลูกสาวคนโตจัดเตรียมเอาไว้ ถึงทั้งสามจะต้องมาอยู่ที่เมืองหลวงครึ่งปี มันก็ไม่เป็นปัญหา
จิงเจ้อหรงได้ยินอย่างนั้นจึงไม่พูดอะไรต่อ
วันถัดมา ชายหนุ่มรีบมารับเฮ่อหลานที่บ้านตั้งแต่เช้าตรู่
ทว่าเจียงหงเหลียงก็มาหาถังซวงด้วยเช่นกัน
“สหายถังซวง สูตรยาที่เธอทำให้ฉันก่อนหน้านี้ได้ผลดีมาก วันนี้ฉันมาที่นี่ก็เพื่อมอบรางวัลชดเชยให้ มันเป็นสิ่งที่เธอควรจะได้รับน่ะ”