การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 260 คุ้มค่า
บทที่ 260 คุ้มค่า
EnjoyBook
บทที่ 260 คุ้มค่า
เมื่อเห็นใบหน้าประหลาดใจของถังเซวี่ย ถังซวงก็หันมองตามทันที
ชายคนหนึ่งที่สวมชุดกาวน์สีดำ ร่างสูงโปร่งทั้งยังหล่อเหลา ท่าทางของเขาสงบนิ่งและสง่างาม ไม่ว่าชายคนนั้นจะเดินผ่านไปทางไหน บริกรทุกคนในร้านต่างพากันก้มศีรษะให้อย่างเคารพ
ไม่นานนัก ชายคนนั้นเดินเข้ามายืนข้างโต๊ะของสองพี่น้อง เขามองถังเซวี่ยแล้วพูดว่า “ไม่ได้เจอกันซะนานเลยนะครับคุณถังเซวี่ย”
“ค่ะ ไม่ได้เจอกันตั้งนาน”
ถังเซวี่ยรู้สึกประหลาดใจมากเมื่อเห็นคนคนนี้ จึงเอ่ยถามไปว่า “ทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ?”
เฟิงเยี่ยหานมองแววตาสดใสตรงหน้าพร้อมพูดออกไปโดยไม่รู้ตัว “อาการบาดเจ็บของฉันหายดีแล้ว ขอบคุณมากสำหรับยา”
“ยินดีค่ะ วันนั้นฉันก็บังเอิญเจอคุณเหมือนกัน”
ถังซวงขมวดคิ้วพลางมองเฟิงเยี่ยหาน ก่อนจะยืนขึ้นอย่างช้า ๆ เพื่อขวางกั้นสายตาของอีกฝ่าย
“เสี่ยวเซวี่ย นี่ใคร?”
เมื่อได้ยินเสียงนั้นแล้ว เฟิงเยี่ยหานเงยหน้าขึ้นมองถังซวง เขาไม่ค่อยตกใจกับสายตาของอีกฝ่ายนัก เห็นชัดว่าอีกฝ่ายคือสาวงาม ทว่าความลุ่มลึกของแววตาเปรียบได้กับบ่อน้ำ มันลึกจนว่างเปล่า มีเพียงความเฉยเมยและเย็นชา ซึ่งแววตาเช่นนี้ไม่เหมือนกับหญิงสาวทั่วไป
ถังเซวี่ยไม่ได้เห็นถึงความแตกต่างอะไรเลย เธอยกยิ้มแล้วกล่าวแนะนำถังซวงว่า “พี่คะ นี่คือสหายเฟิงเยี่ยหานค่ะ ตอนที่เราไปเมืองก่างเฉิง ฉันช่วยชีวิตเขาไว้จำได้ไหม? เป็นเขานี่แหละค่ะ ตอนนั้นเขาบาดเจ็บสาหัส บาดแผลก็ดูแย่มากด้วย ฉันเลยใช้ยาที่พี่ให้ไว้แก่เขาหมดเลย แล้วไม่คาดคิดว่าจะได้มาพบกันที่นี่ในวันนี้น่ะค่ะ”
ตอนท้ายถังเซวี่ยแนะนำเฟิงเยี่ยหานด้วยรอยยิ้ม “สหายเฟิง นี่คือพี่สาวของฉันค่ะ”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว เฟิงเยี่ยหานพยักหน้าให้กับถังซวงแล้วพูดว่า “สวัสดีครับคุณถัง”
“เฟิงเยี่ยหาน?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้แล้ว ถังซวงเลิกคิ้วพร้อมกับมองอีกฝ่าย ถ้าเธอจำไม่ผิด นายน้อยตระกูลเฟิงในเมืองไห่เฉิงชื่อเฟิงเยี่ยหานหรือเปล่านะ? และ… ตอนนี้ถังเจี้ยนกั๋วไปเป็นคนสนิทของนายน้อยตระกูลเฟิงตรงหน้า?
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ถังซวงจึงนึกออก เธอยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “อ้อ เป็นนายน้อยเฟิงนี่เอง ฉันได้ยินชื่อเสียงของคุณมานานแล้วค่ะ”
เฟิงเยี่ยหานไม่คิดว่าถังซวงจะรู้จักตนด้วย จึงหันมองถังซวงอย่างพิจารณา
ส่วนถังเซวี่ยมองถังซวงด้วยความสงสัย ก่อนจะพูดว่า “พี่รู้จักสหายเฟิงด้วยหรือคะ?”
“อ่า ไม่รู้สิ แต่คิดว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้างน่ะ”
ถังซวงยกยิ้มก่อนจะพูดว่า “นายน้อยเฟิงมาที่นี่เพื่อทานอาหารใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นฉันกับเสี่ยวเซวี่ยจะไม่รบกวนแล้วค่ะ”
คำพูดนี้คือการไล่อีกฝ่ายชัดเจน
นานแล้วที่เฟิงเยี่ยหานไม่ได้ยินใครพูดกับเขาอย่างนี้ เขาเหลือบมองใบหน้าสดใส และแววตากลมโตของถังเซวี่ยที่นั่งอยู่ข้าง ๆ อีกครั้ง ทว่าเฟิงเยี่ยหานยังไม่พูดอะไรมากนัก เขาเพียงพยักหน้าแล้วพูดว่า “อย่างนั้น ขอให้คุณถังทั้งสองทานอาหารอย่างมีความสุขนะครับ ผมขอตัวก่อน”
“ค่ะ”
ถังเซวี่ยโบกมือให้เฟิงเยี่ยหาน และเมื่อเห็นเขาจากไปแล้ว เธอรีบดึงถังซวงเข้ามาใกล้แล้วถามด้วยความสงสัย “พี่คะ เฟิงเยี่ยหานมีชื่อเสียงขนาดนั้นเลยหรือ? แล้วนี่พี่เคยได้ยินชื่อของเขาจากที่ไหน?”
“เฟิงเยี่ยหานมีอิทธิพลในเมืองไห่เฉิง แต่ฉันไม่รู้แน่ชัดหรอกว่าสถานการณ์มันเป็นยังไง แค่เคยได้ยินชื่อของเขาก็เท่านั้น”
ถังซวงไม่ได้บอกอะไรถังเซวี่ยมากนัก เพราะยังไงตระกูลเฟิงก็ไม่ใช่คนธรรมดา อีกทั้งพวกเขายังเกี่ยวข้องกับธุรกิจดำมืดมากมาย ยิ่งไปกว่านั้นถังเจี้ยนกั๋วยังมีแนวโน้มที่จะเป็นคนสนิทของเฟิงเยี่ยหาน ถ้าเธอพูดเรื่องนี้ไปจะกลายเป็นทำลายความรู้สึกของถังเซวี่ยทันที
เมื่อเห็นว่าพี่สาวไม่พูดต่อ ถังเซวี่ยจึงไม่ได้ถามอะไรอีก
ภายในภัตราคารตะวันตก สองพี่น้องสั่งอาหารมาหลายอย่าง หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “อร่อยจังเลย”
“อืม รสชาติดีจริง ๆ สมแล้วที่เป็นภัตราคารเก่าแก่”
ถังซวงยังอดไม่ได้ที่จะชมเชย และเมื่อเธอกำลังจะจ่ายเงิน เธอจึงตระหนักได้ว่ามีใครบางคนจ่ายค่าอาหารของพวกเธอไปแล้ว
เมื่อได้ยินสิ่งที่บริกรบอก ถังซวงพลันขมวดคิ้วทันที
“เราไม่ต้องการรับของจากใครเปล่า ๆ พวกคุณรับเงินนี่ไป และคืนค่าอาหารให้กับคนที่จ่ายไปซะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว บริกรเผยสีหน้าลำบากใจทันที “คุณไม่ต้องจ่ายครับ คุณชายเฟิงจ่ายให้แล้ว ถ้าคืนเงินนี่ไป เขาคงไม่ยินดีแน่ และอีกอย่างเขาก็ออกไปแล้วด้วยครับ”
หลังได้ยินอย่างนั้น ถังซวงรู้ทันทีว่าเป็นเฟิงเยี่ยหานที่จ่ายเงินให้ และเมื่อเห็นท่าทีลำบากใจของบริกร ถังซวงจึงไม่คิดสร้างความวุ่นวายอีกจึงตอบไปว่า “เอาเถอะ งั้นพวกเราขอตัวก่อน”
“ครับ ยินดีครับ โอกาสหน้าแวะมาใหม่นะครับ”
เมื่อเห็นถังซวงหยุดรั้น บริกรเองก็ยกยิ้มอย่างยินดี
หลังถังซวงและถังเซวี่ยกลับออกมา ทั้งสองตรงไปยังห้องพักทันที
“เสี่ยวเซวี่ย พรุ่งนี้ฉันจะไปหาพี่โม่ เธอจะไปด้วยกันไหม”
“ค่ะ ฉันไปด้วย”
ถังเซวี่ยตอบรับทันทีเมื่อได้ยิน
วันถัดมา ถังซวงพาถังเซวี่ยไปที่โรงงานโทรทัศน์ของเมืองไห่เฉิงที่โม่เจ๋อหยวนอยู่ และด้วยโม่เจ๋อหยวนมีสถานะพิเศษที่นี่ อีกฝ่ายจึงไม่สามารถบอกกล่าวได้โดยตรงแต่กลับถามว่า “สาวน้อย ทำไมถึงมาหาช่างเทคนิคโม่ล่ะ?”
“เราเป็นเพื่อนของเขาค่ะ แล้วเรามาเที่ยวเมืองไห่เฉิงพอดี เลยแวะมาหาเขาสักหน่อย”
เดิมทีลุงคนนี้ต้องการจะถามถังซวงต่ออีกสักหน่อย แต่ก่อนจะพูด โม่เจ๋อหยวนวิ่งมาอย่างรีบร้อน “ซวงเอ๋อร์…” เมื่อโม่เจ๋อหยวนวิ่งเข้ามาใกล้ถังซวง เขาเห็นว่าถังเซวี่ยเองก็อยู่ที่นี่ด้วย “เสี่ยวเซวี่ย เธอก็มาด้วยหรือ?”
ถังเซวี่ยรู้สึกดีใจมากที่ได้พบกับโม่เจ๋อหยวนอีกครั้งหลังจากไม่ได้เจอกันนาน เด็กสาวยิ้มพร้อมก้าวไปด้านหน้าแล้วพูดว่า “ค่ะ ฉันกับพี่มาเที่ยว แล้วก็แวะมาหาพี่โม่ด้วย”
“ขอบคุณที่มาเยี่ยมนะ”
ขณะโม่เจ๋อหยวนพูดอย่างนั้น เขาพาถังซวงและถังเซวี่ยเข้าไปด้านใน
“ที่นี่คือที่ทำงานของฉัน อ้อ มีโรงอาหารด้วยนะ แล้วก็มี…”
โม่เจ๋อหยวนพูดแนะนำสถานที่ขณะเดินนำชม ทว่าเขาไม่ได้พูดอะไรที่เป็นความลับของที่นี่ หลังจากกล่าวแนะนำเสร็จแล้ว เขาพาถังซวงและถังเซวี่ยไปที่โรงอาหาร “ที่นี่ไงโรงอาหาร อาหารก็พอใช้ได้เลยนะ ลองดูสิ”
หลังอาหารมาวางบนโต๊ะ ถังซวงและถังเซวี่ยลองชิมดูและพบว่ารสชาติของมันดีมาก
เมื่อเห็นถังซวงรับประทานอาหารได้ โม่เจ๋อหยวนเผยรอยยิ้มอบอุ่นบนใบหน้า “ซวงเอ๋อร์กินเยอะ ๆ นะ” ขณะพูดอย่างนั้น โม่เจ๋อหยวนใช้ตะเกียบคู่ใหม่คีบผักให้ถังซวง ทว่าเขาก็ไม่ลืมถังเซวี่ยด้วยเช่นกัน พวกเขาทั้งสามกินข้าวอย่างรวดเร็ว จนอาหารในจานหายวับไปในพริบตา
“ซวงเอ๋อร์ ลองไปดูห้องพักของฉันไหม?”
“ค่ะ”
เมื่อเห็นถังซวงตกลง โม่เจ๋อหยวนพาพี่น้องทั้งสองไปที่ห้องพักชั่วคราวของเขา “ปกติแล้วฉันก็อยู่ที่นี่แหละ แต่เพิ่งย้ายมาที่นี่ได้ไม่นานเท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้ฉันยุ่งอยู่กับงานในเมืองจินน่ะ”
“พี่โม่ พี่คงทำงานหนักมากแน่เลย”
เพียงรับฟังจากการบอกเล่าของโม่เจ๋อหยวน ไม่ว่าใครก็จินตนาการถึงความลำบากได้
ทว่าโม่เจ๋อหยวนกลับโบกมือพร้อมพูดว่า “ไม่ ๆ ไม่ลำบากเลย”
ตราบใดที่ความพยายามของเขาได้รับผลตอบแทน ไม่ว่ามันจะยากลำบากแค่ไหน มันก็ย่อมคุ้มค่า