การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 263 เรื่องเก่า
บทที่ 263 เรื่องเก่า
EnjoyBook
บทที่ 263 เรื่องเก่า
เมื่อเห็นถังเซวี่ยจากไปอย่างไร้เยื่อใย ถังเจี้ยนกั๋วลอบกำหมัดแน่น ทว่าตอนนี้เขาได้รับบทเรียนมากมาย จึงสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ ใบหน้าและอารมณ์จึงกลับคืนสู่ปกติอย่างรวดเร็ว
หากแต่เฟิงเยี่ยหานอดไม่ได้ที่จะหันมองถังเจี้ยนกั๋วด้วยใบหน้าครุ่นคิด “ถังเจี้ยนกั๋ว… ถังเซวี่ย… อ้อ สกุลของนายกับเธอคือถังนี่นา แปลกดีที่ทั้งสองคนคือผู้ช่วยชีวิตฉันไว้ ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นพรหมลิขิตจริง ๆ สินะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังเจี้ยนกั๋วรีบก้มศีรษะลง
“นายน้อยครับ อย่าเรียกผมว่าผู้ช่วยชีวิตเลยครับ ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ผมควรกระทำอยู่แล้ว”
หลังจากถังเจี้ยนกั๋วออกจากหมู่บ้านหลู่ฮวา เขามุ่งหน้าสู่เมืองไห่เฉิงเพื่อหาเลี้ยงชีพ อย่างไรก็ตามทุกตำแหน่งงานล้วนแต่ต้องการคนมีการศึกษา ทว่าเขาไม่มี แล้วยังไม่มีทักษะใด ๆ อีกด้วย ไม่มีทั้งเพื่อนหรือใครที่จะช่วยเหลือเขาได้ เขาจึงมาที่ท่าเรือเพื่อขอทำงาน
ทว่าถังเจี้ยนกั๋วไม่คาดคิดมาก่อนว่าท่าเรือนั้นเป็นท่าเรือของตระกูลเฟิง ในระหว่างการขนย้ายสิ่งของ ที่นี่ได้ถูกศัตรูบุกโจมตีอย่างกะทันหัน และเฟิงเยี่ยหานซึ่งกำลังส่งมอบสินค้าที่ท่าเรือก็ตกอยู่ท่ามกลางการต่อสู้ ถังเจี้ยนกั๋วเห็นอย่างนั้นก็ใช้ร่างปิดกั้นใบมีดที่ฟันมาที่เฟิงเยี่ยหานโดยไม่ตั้งใจ ถังเจี้ยนกั๋วเลยได้รับใช้เฟิงเยี่ยหาน แล้วค่อย ๆ พัฒนามาเป็นคนสนิทเช่นปัจจุบัน
เฟิงเยี่ยหานยกยิ้มเมื่อเห็นว่าถังเจี้ยนกั๋วก้มศีรษะลง เขาพึงพอใจกับท่าทางถ่อมตัวนั้น
“ไม่ว่านายจะพูดยังไง สุดท้ายนายก็ช่วยชีวิตฉันไว้ เจี้ยนกั๋วไม่จำเป็นต้องสุภาพนักหรอก แต่บอกมาได้ไหมว่านายกับคุณถังเซวี่ยรู้จักกันได้ยังไง?”
ความจริงแล้ว เขาเป็นคนที่ค่อนข้างลึกลับ
ไม่ว่าจะในเมืองก่างเฉิงหรือเมืองไห่เฉิง ถังเซวี่ยที่เขาพบคือผู้หญิงจากตระกูลใหญ่ แล้วสาวน้อยคนนี้มาเกี่ยวข้องกับถังเจี้ยนกั๋วได้อย่างไร
ถังเจี้ยนกั๋วคนนี้เป็นเพียงชาวนาที่มาจากชนชั้นล่าง ตำแหน่งที่ได้รับในวันนี้ล้วนแต่เกิดจากความบ้าระห่ำของเขาเองทั้งนั้น เพราะเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเหลือตนจากคมมีด ถึงได้รับตำแหน่งคนขับรถส่วนตัวของนายน้อยเฟิง
เมื่อถังเจี้ยนกั๋วได้ยินคำพูดของเฟิงเยี่ยหาน ก็ไม่ลังเลที่จะตอบ ออกไปตามตรง “ผมเป็นพ่อผู้ให้กำเนิดถังเซวี่ยครับ”
“อะไรนะ…”
เฟิงเยี่ยหานประหลาดใจจริง ๆ เขามองถังเจี้ยนกั๋วตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ก่อนจะพูดว่า “หน้าตาของนายไม่เหมือนกับถังเซวี่ยเลยสักนิด”
“ลูกสาวสองคนนั้นหน้าเหมือนแม่ทั้งคู่ครับ”
ท้ายที่สุด ถังเจี้ยนกั๋วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเฮ่อหลานกับลูกสาวทั้งสองคนของเขา
สามคนนั้นเป็นคนที่เขาเกลียดชังมากในอดีต แต่ในตอนนี้มันเป็นสิ่งที่เขาไม่อาจควบคุมได้อีก
จากท่าทีของถังเซวี่ยในตอนนี้ เธอไม่ไยดีเขาอีกต่อไป และเธอไม่เหมือนหญิงสาวจากชนบทอีกแล้ว เมื่อเดินอยู่ในเมืองไห่เฉิง เด็กสาวเปรียบได้กับคุณหนูจากตระกูลใหญ่ ทั้งสวยและสง่างาม ไม่มีอะไรที่เขาเทียบได้เลย
หลังได้ยินถังเจี้ยนกั๋วพูดแล้ว เฟิงเยี่ยหานอดไม่ได้ที่จะพูดกับตัวเอง “นี่เป็นครั้งแรกที่นายพูดถึงครอบครัว”
ถังเจี้ยนกั๋วลอบยิ้มขมขื่น “ทั้งสามแม่ลูกนั่นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับผมแล้ว พวกเขาไม่ได้ติดต่อมานานแล้วครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เฟิงเยี่ยหานอดไม่ได้ที่จะถามต่อ เขายืนตัวตรงก่อนจะพูดว่า “เอาเถอะ ไปทางใต้ของเมืองกันเถอะ”
อีกด้าน หลังจากถังเซวี่ยวิ่งออกมาจากร้านกาแฟ เธอก็กลัวว่าถังซวงจะหาเธอไม่พบ ดังนั้นเธอจึงเดินกลับมายังร้านกาแฟ แล้ววิ่งไปหาถังซวงที่ยืนรออยู่ด้วยความดีใจ “พี่คะ”
เมื่อเห็นถังเซวี่ยวิ่งมา ถังซวงยิ้มแล้วรีบพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย ช้า ๆ หน่อย”
ทว่าเธอถามด้วยความสงสัย “ฉันบอกให้รอที่ร้านกาแฟนี่ แล้วออกมาด้านนอกทำไม?”
“พี่คะ ฉันเพิ่งออกมาเองค่ะ”
หลังได้ยินอย่างนั้น ถังซวงโอบถังเซวี่ยแล้วพูดว่า “ป่ะ เรากลับที่พักกันเถอะ”
ถังเซวี่ยเดินตามถังซวงช้า ๆ หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอพูดขึ้นว่า “พี่คะ เมื่อครู่ฉันเจอถังเจี้ยนกั๋ว”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงหันมองถังเซวี่ยอย่างประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้เธอรู้สึกว่าถังเซวี่ยมีบางอย่างจะพูด แต่อีกฝ่ายก็เงียบ และเธอก็ไม่คิดจะคาดคั้น แต่ไม่คิดว่าถังเซวี่ยจะได้พบกับถังเจี้ยนกั๋ว “เจอกันที่ร้านกาแฟก่อนหน้านี้หรือ?”
ถังเซวี่ยพยักหน้าแล้วพูดว่า “ค่ะ ฉันเจอเขาที่นั่น ตอนแรกฉันเจอสหายเฟิงก่อน หลังจากนั้นถังเจี้ยนกั๋วก็เข้ามา ดูเหมือนว่าถังเจี้ยนกั๋วจะทำงานให้กับสหายเฟิงค่ะ”
“เสี่ยวเซวี่ย ก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้บอกเธอว่าถังเจี้ยนกั๋วเป็นลูกน้องของเฟิงเยี่ยหาน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังเซวี่ยมองถังซวงด้วยความประหลาดใจ
“พี่รู้มาตั้งแต่แรกแล้วหรือคะ?”
“ฉันก็เพิ่งรู้เรื่องนี้เมื่อไม่นานนี้แหละ แต่มันเป็นแค่ข่าวลือ ฉันไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง ถ้าไม่อยากเจอกับถังเจี้ยนกั๋วอีก เธอก็ไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับเฟิงเยี่ยหานคนนั้น”
สุดท้ายแล้วเฟิงเยี่ยหานเป็นบุคคลที่คาดเดาได้ยาก เสี่ยวเซวี่ยไม่ควรจะไปยุ่งกับเขานัก
เมื่อได้ยินอย่างนั้นถังเซวี่ยรีบพูดว่า “ฉันไม่ได้ยุ่งกับเฟิงเยี่ยหานนะคะ แต่วันนี้เราแค่พบกันโดยบังเอิญ แล้วฉันก็ไม่คิดว่าจะได้พบกับถังเจี้ยนกั๋วด้วย” ถังเซวี่ยถอนหายใจยาวเหยีด
“ไม่ได้ติดต่อกันก็ดีแล้ว แต่ถ้าเจอเฟิงเยี่ยหานอีกในอนาคต เธอต้องรีบหลีกเลี่ยงให้ไกล”
“ค่ะ…”
ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
หลังจากถังเจี้ยนกั๋วไปส่งเฟิงเยี่ยหาน เขาก็กลับไปที่บ้านของตนตามลำพัง สถานที่ที่เขาอาศัยอยู่ในตอนนี้คือบ้านเก่า สภาพทรุดโทรม เขาถีบประตูเก่า ๆ เพื่อให้มันเปิดออก
ตุ้บ…
ถังเจี้ยนกั๋วเปิดไฟเพดานพร้อมกับมองร่างที่ขดอยู่ตรงมุมห้องด้วยสีหน้าเย็นชา
ร่างนั้นดูสกปรก หากมองผ่าน ๆ จะไม่รู้เลยว่านั่นคือผู้หญิง และแน่นอนว่าผู้หญิงคนนี้คือแม่ม่ายหลิว
“ถังเจี้ยนกั๋ว ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันสำนึกผิดแล้ว ฉันสำนึกผิดแล้วจริง ๆ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังเจี้ยนกั๋วเผยสีหน้าหงุดหงิด “ปล่อย? ฝันไปเถอะ ฉันไม่มีวันปล่อยแกไปแน่ เพราะแกทำให้ฉันกับเมียต้องแยกจากกัน ตอนนี้ฉันอยู่ในจุดตกต่ำจนกระทั่งลูกสาวยังไม่มองหน้าด้วยซ้ำ และฉันก็ไม่สามารถมีลูกได้อีกนอกจากถังซวงและถังเซวี่ย”
ในตอนท้ายท่าทีของถังเจี้ยนกั๋วยิ่งโหดร้ายมากขึ้น เขาคว้าไม้พร้อมกับทุบร่างของแม่ม่ายหลิว “เป็นเพราะแก นังสารเลว เพราะแกทำให้ชีวิตของฉันพัง”
นับตั้งแต่ที่รู้ว่าแม่ม่ายหลิวสวมเขาให้ตน ถังเจี้ยนกั๋วก็คิดจะฆ่าเธอให้ได้
แต่เพราะเธอหนีไปก่อน แน่นอนว่าเขาออกตามหาเพื่อชำระแค้น และในที่สุดเขาก็ได้พบว่าแม่ม่ายหลิวอยู่ในเมืองไห่เฉิง แต่หญิงแพศยาคนนี้ยังกล้าที่จะต่อต้าน ทั้งยังทำร้ายเขาจนกลายเป็นหมันไม่สามารถมีลูกได้อีก
“นังชั่ว ฉันจะทำให้แกเหมือนตายทั้งเป็น”
เมื่อเห็นท่าทางบ้าคลั่งของถังเจี้ยนกั๋ว แม่ม่ายหลิวพยายามปกป้องตนเองถึงที่สุด
ถังเจี้ยนกั๋วเฆี่ยนตีหล่อนอยู่นาน เมื่อเห็นว่าแม่ม่ายหลิวสลบไปแล้ว ใบหน้าของเขาเริ่มผ่อนคลายลง ทว่าไม่ช้าเขาก็นึกถึงแววตาเย็นชาของถังเซวี่ย อารมณ์ของเขากลับมาพลุ่งพล่านอีกครั้ง
ผู้หญิงสองคนที่เขาเกลียดกลายเป็นทายาทสองคนสุดท้ายที่เหลือในชีวิต น่าขันทั้งที่เขาต้องการลูกชายมาก แต่พระเจ้ากลับตัดอนาคตของเขาไปเสียแล้ว