การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 264 ละทิ้งศักดิ์ศรี
บทที่ 264 ละทิ้งศักดิ์ศรี
EnjoyBook
บทที่ 264 ละทิ้งศักดิ์ศรี
ถังเจี้ยนกั๋วทรมานแม่ม่ายหลิวสักพักใหญ่ จนในที่สุดก็หยุดมือ ถ้าเขาไม่กลัวว่าแม่ม่ายหลิวจะตายไปก่อนจนไม่มีใครให้ระบายอารมณ์ เขาคงฆ่าเธอไปนานแล้ว
“ฮึ่ม…วันนี้พอแค่นี้ พรุ่งนี้ฉันจะมาใหม่”
อีกด้านหนึ่ง ถังซวงและถังเซวี่ยที่ไม่รู้ถึงสถานการณ์ของถังเจี้ยนกั๋ว เวลานี้ผู้เป็นพี่สาวกำลังพูดคุยกับการเตรียมตัวในวันพรุ่งนี้กับน้องสาว
“เสี่ยวเซวี่ย พรุ่งนี้ฉันจะออกไปข้างนอก เธอควรรออยู่ที่นี่ แล้วฉันจะรีบกลับมา”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังเซวี่ยยิ้มแล้วตอบกลับว่า “พี่ไปทำงานเถอะค่ะไม่ต้องห่วง ส่วนฉันจะรออยู่ที่นี่ เพราะตอนนี้ฉันได้แรงบันดาลใจใหม่ ๆ อีกแล้ว ฉันต้องวาดภาพนั้นก่อน”
“ดีมาก”
ถังซวงยิ้มพลางลูบศีรษะของถังเซวี่ย
วันรุ่งขึ้น ถังซวงออกไปตั้งแต่เช้าตรู่ เธอตรงไปยังสถานที่นัดหมายของเปาลี่ผิง และเมื่อมาถึง เธอเห็นว่าเฟ่ยไห่ชางเองก็มาถึงแล้ว
“สวัสดีค่ะคุณเฟ่ย ไม่เจอกันตั้งนาน”
เมื่อเฟ่ยไห่ชางเห็นถังซวงเข้ามา ใบหน้าของเขาเผยความยินดี “ท่านผู้นำ ไม่เจอกันตั้งนานนะครับ ไม่คิดว่าจะได้พบคุณที่เมืองไห่เฉิงแบบนี้ ถ้ารู้ว่าคุณอยู่ที่นี่ละก็ ผมคงรีบมาให้เร็วกว่านี้”
เมื่อเปาลี่ผิงได้ยินเฟ่ยไห่ชางพูดกับถังซวงอย่างสนิทสนม ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมอง
ขณะเดียวกัน เขาสงสัยว่าถังซวงทำให้เฟ่ยไห่ชางยอมรับตัวตนของเธอได้อย่างไร เพราะยังไงเมืองก่างเฉิงและเมืองไห่เฉิงเป็นสองเมืองที่โถงยี่ชีมีอำนาจมาก และสิ่งที่ยากที่สุดคือการเข้าไปนั่งในหัวใจของผู้ดูแลทั้งสองเมืองนี้ ซึ่งเขาไม่คิดมาก่อนว่าเฟ่ยไห่ชางจะยอมรับถังซวงได้
ถังซวงได้ยินอย่างนั้นก็ยกยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันก็ไม่คิดว่าจะได้พบกับคุณเฟ่ยที่นี่ค่ะ ดูเหมือนว่าโชคชะตาจะพาพวกเรามาให้เจอกันนะคะ”
เมื่อเห็นทั้งสองพูดคุยกันแล้ว เปาลี่ผิงพูดขึ้นมาสองสามคำก่อนจะหันมองถังซวงแล้วพูดว่า “คุณถังครับ อีกสักครู่จิ้นหลงเฟยจะตามมา เขาเป็นคนดูแลเมืองไห่เฉิง”
ถังซวงพยักหน้ารับ
“ค่ะ บังเอิญจริง ๆ”
ตอนนี้เธอเริ่มจัดการกับบางสิ่งบางอย่างในโถงยี่ชีอย่างช้า ๆ และเธอรู้จักผู้ดูแลทั้งหมดแล้ว แต่ว่าเธอไม่เคยเห็นจิ้นหลงเฟยตัวจริงเลยว่าเขาเป็นคนอย่างไร
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุย จิ้นหลงเฟยก็มาถึงพร้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชาไม่มาก เขาเห็นถังซวงอย่างรวดเร็ว จึงรีบเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มฝืน ๆ เล็กน้อย
“คุณถังซวงใช่ไหมครับ ยินดีที่ได้พบกันครับ” จากนั้นยื่นมือออกไป
ถังซวงกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มเช่นกัน “สวัสดีค่ะคุณจิ้น ฉันอยากพบคุณมานานแล้ว” หลังจากนั้นเธอยื่นมือออกไปจับมือจิ้นหลงเฟย
ทว่าถังซวงรู้สึกได้ว่าจิ้นหลงเฟยจงใจบีบมือเธอด้วยพละกำลังมหาศาล ราวกับว่าเขากำลังจะบดขยี้มือของเธอให้แหลกละเอียด
หากแต่หญิงสาวยังคงใจเย็น ก่อนจะเพิ่มแรงบีบพร้อมกับรอยยิ้มหวาน
จิ้นหลงเฟยคนนี้ค่อนข้างน่าสนใจไม่น้อย เขาต้องการกดดันเธอตั้งแต่ครั้งแรก แต่ก็ต้องลองดูว่าเขาจะทำได้หรือไม่
สีหน้าสงบนิ่งของจิ้นหลงเฟยพลันหายวับไปทันที เขามองถังซวงด้วยสีหน้าประหลาดใจ ใบหน้าของเขาเริ่มซีดและเหงื่อเย็นเม็ดโตไหลออกมาทางหน้าผาก
คนที่ทำให้เขาเป็นอย่างนี้คือหญิงสาวร่างบางที่กำลังยิ้มหวานตรงหน้า หากเขาไม่ได้เห็นด้วยตัวเอง จิ้นหลงเฟยคงไม่เชื่อว่าหญิงสาวคนนี้จะทำให้เขาต้องเจ็บตัวและเสียหน้าอย่างนี้
เฟ่ยไห่ชางมองฉากตรงหน้าอย่างสนใจ และรู้สึกสมน้ำหน้าจิ้นหลงเฟยอย่างช่วยไม่ได้ คิดจะทำให้ท่านผู้นำอับอาย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นเขาที่ได้รับความอับอายแทน
แม้เปาลี่ผิงจะไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของถังซวง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของจิ้นหลงเฟยในเวลานี้ ชายหนุ่มจึงทราบว่าถังซวงชนะแล้ว
จากนั้นจิ้นหลงเฟยกลับมามีสติอีกครั้งก่อนจะรีบพูดกับถังซวงว่า “คุณถังครับ เชิญนั่งเถอะครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังซวงปล่อยมือด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินไปด้านหน้าของจิ้นหลงเฟยแล้วนั่งลง
จิ้นหลงเฟยที่คิดข่มขู่หญิงสาวถึงกับต้องเอามือไพล่หลัง ในบรรดาผู้ดูแลเมืองทั้งหมด ทักษะของเขาจัดว่าเก่งที่สุด เขาจึงคิดต่อต้านถังซวงตั้งแต่ต้น
หญิงสาวผู้บอบบางอย่างนี้จะขึ้นเป็นผู้นำโถงยี่ชีได้อย่างไร เธออาจจะกรีดร้องเมื่อเห็นเลือดก็ได้ ดังนั้นเมื่อรู้ว่าคราวนี้ถังซวงอยู่ในเมืองไห่เฉิงเช่นกัน เขาคิดจะสั่งสอนบทเรียนให้กับหญิงสาวผู้นี้ แต่ไม่คาดคิดว่าจะกลายเป็นตนเองที่ถูกสั่งสอนเสียเอง
เฟ่ยไห่ชางชำเลืองมองจิ้นหลงเฟยด้วยรอยยิ้มบิดเบี้ยว “หลงเฟย นายคิดว่าผู้นำโถงยี่ชีคนใหม่ของเราเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณถังเหมาะสมมาก”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น จิ้นหลงเฟยรีบพูดออกไปด้วยรอยยิ้ม
เฟ่ยไห่ชางอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองจิ้นหลงเฟยด้วยสีหน้าขบขัน ทว่าก็ไม่พูดอะไรต่อ
ไม่นาน จิ้นหลงเฟยพูดขึ้นว่า
“คุณถังครับ คราวนี้เปาลี่ผิงกับเฟ่ยไห่ชางวางแผนจะสร้างทางด่วนระหว่างเมืองหลวงกับเมืองก่างเฉิง คุณคิดว่าเป็นยังไงบ้าง?”
พอได้ยินแล้ว ถังซวงเหลือบมองจิ้นหลงเฟยทันที ก่อนจะบอกกล่าวความคิดของตนออกไป เธอรู้ว่าจิ้นหลงเฟยคิดจะทดสอบเธอ แต่สุดท้ายแล้วทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับเหตุและผลทั้งสิ้น
ในตอนแรกนั้นจิ้นหลงเฟยประมาทเกินไป แต่หลังจากได้ยินคำพูดของถังซวง เขายิ่งประหลาดใจในตัวเธอมากขึ้น และยังพบว่าถังซวงมีความเข้าใจเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันอย่างลึกซึ้ง และสิ่งที่เธอพูดออกมาทั้งหมดล้วนแต่เป็นประโยชน์
หญิงสาวพูดต่อว่า “ความจริงแล้วความคิดของสหายเปาและคุณเฟ่ยยอดเยี่ยมมาก ฉันคิดว่าโถงยี่ชีสามารถเปิดเส้นทางขนส่งของตัวเองได้ แน่นอนว่าอุตสาหกรรมการขนส่งจะเจริญรุ่งเรืองในอนาคตแน่”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวงแล้ว แม้แต่เฟ่ยไห่ชางยังนึกบางอย่างขึ้นได้ “ท่านผู้นำครับ ช่วยบอกรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องการขนส่งหน่อยได้ไหม?”
“ค่ะ”
ถังซวงรู้ดีว่าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอุตสาหกรรมการขนส่งจะเริ่มพัฒนาไปอย่างช้า ๆ และต่อเนื่อง
ส่วนผู้ที่ริเริ่มทำการขนส่งจะสามารถกวาดเงินได้เป็นกอบเป็นกำ หากโถงยี่ชีต้องการทำธุรกิจที่ขาวสะอาด ธุรกิจนี้ก็เหมาะสม อย่างมาก
ท้ายที่สุดแล้วมันแทบจะไม่มีเทคนิคลับอะไรเลย และไม่จำเป็นต้องใช้การศึกษาระดับสูงด้วย ตราบใดที่สามารถขับรถได้ ก็สามารถทำงานเหล่านี้ได้แล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวงเกี่ยวกับการขนส่ง แม้แต่จิ้นหลงเฟยยังติดอยู่ในความคิดอย่างยาวนาน และเวลานี้เขาตระหนักได้แล้วว่าสาวน้อยตรงหน้าไม่ธรรมดา
ขณะที่กำลังพูดคุย จู่ ๆ มีคนหนึ่งวิ่งตรงเข้ามาด้วยความร้อนรน
เมื่อเห็นว่ามีคนมา จิ้นหลงเฟยขมวดคิ้วพร้อมถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
ชายคนนั้นวิ่งเข้ามาพร้อมกระซิบข้างใบหูของจิ้นหลงเฟย เพียงพูดสองสามคำเท่านั้น แต่ใบหน้าของจิ้นหลงเฟยซีดเผือดทันที เขาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วไม่แม้แต่จะมีเวลาบอกกล่าวคนอื่น ๆ
เมื่อเห็นจิ้นหลงเฟยมีท่าทีเช่นนี้ ถังซวงและคนอื่น ๆ จึงสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น
แม้บางครั้งเฟ่ยไห่ชางจะไม่เข้าใจท่าทีของจิ้นหลงเฟย ทว่าอีกฝ่ายก็คือพี่ชายที่เขารู้จักมานาน ดังนั้นเขาจึงวิ่งตามไปด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
แน่นอนว่าถังซวงก็วิ่งตามไปเช่นกัน