การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 265 บอกฉัน
บทที่ 265 บอกฉัน
EnjoyBook
บทที่ 265 บอกฉัน
หลังถังซวงและคนอื่น ๆ วิ่งออกมา จิ้นหลงเฟยก็ขึ้นรถไปพร้อมกับผู้ใต้บังคับบัญชาอีกสองถึงสามคน
โชคดีที่รถของเฟ่ยไห่ชางและเปาลี่ผิงจอดอยู่ด้านนอกเช่นกัน ถังซวงจึงขึ้นรถไปกับพวกเขาแล้วไล่ตามรถของจิ้นหลงเฟย ออกไป
“จิ้นหลงเฟยนี่ยังไงกัน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้น เขาก็ควรบอกกล่าวกับเราบ้างสิ พาพวกเราสับสนเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแบบนี้เราก็ไม่รู้สิว่าจะทำยังไงต่อ”
เปาลี่ผิงพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของเฟ่ยไห่ชาง ก่อนจะตอบว่า “ใช่ ถ้าเรารู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น บางทีเราอาจจะช่วยเหลืออะไรได้ก็ได้”
“ยังไงก็รอดูกันก่อนเถอะค่ะ”
ถังซวงเข้าใจจิ้นหลงเฟย เพราะเวลาเกิดเรื่องร้ายแรงขึ้น เธอก็คงไม่มีแม้เวลาจะอธิบายใครเหมือนกัน และตอนนี้เธอเห็นว่าจิ้นหลงเฟยไม่ได้พาใครมาด้วยมากนัก จึงกังวลว่าคนจะไม่พอมากกว่า
รถแล่นไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว และหยุดลงที่ชานเมือง
“ที่นี่น่ะหรือ?”
หลังถังซวงและคนอื่น ๆ ลงจากรถ พวกเขาก็เห็นจิ้นหลงเฟยยืนอยู่ตรงหน้า และกำลังเผชิญหน้ากับใครบางคนอยู่
เฟ่ยไห่ชางเป็นคนแรกที่ก้าวเข้าไป “หลงเฟย เกิดอะไรขึ้น…” ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ เขาเห็นชายวัยกลางคนตรงหน้าประคองเด็กหญิงอายุสิบห้าถึงสิบหกปีเอาไว้ แน่นอนว่าเด็กสาวคนนี้คือลูกสาวของจิ้นหลงเฟย เธอคือจิ้นหว่านเอ๋อร์
เวลานี้ใบหน้าของเฟ่ยไห่ชางพลันเคร่งขรึม
ถังซวงและเปาลี่ผิงที่ติดตามมาติด ๆ ก็มองเห็นสถานการณ์ตรงหน้าชัดเจนเช่นกัน และยังเห็นคราบเลือดที่ลำคอของเด็กหญิงด้วย
ในตอนนี้จิ้นหลงเฟยสูญเสียความสุขุมที่มีก่อนหน้าหมดสิ้น เขาตะโกนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด “หยุด อย่าทำร้ายลูกสาวของฉัน บอกมาว่าพวกแกต้องการอะไร ฉันจะจัดการให้”
ชายวัยกลางคนเย้ยหยันเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เขายกยิ้มเย็นชาก่อนจะกล่าว “จิ้นหลงเฟย… แกเก่งนักไม่ใช่หรือ? ไม่กลัวอะไรไม่ใช่หรือ? แล้วทำไมตอนนี้ถึงขี้ขลาดซะได้… หึ แกเลิกภูมิใจที่สามารถชิงเขตแดนของฉันไปได้แล้วหรือไง?”
“ไฉ่ฉีเยว่ ถ้าแกยอมปล่อยลูกสาวของฉัน ฉันยอมทำทุกอย่าง”
ถังซวงไม่รู้จักชายวัยกลางคนตรงหน้า เปาลี่ผิงจึงอธิบายแผ่วเบาจากด้านข้าง “ไฉ่ฉีเยว่คนนี้ไม่ใช่คนดีครับ เขาเคยมีอิทธิพลมากมายในเมืองไห่เฉิง แต่วิธีการที่เขาใช้ควบคุมคนสกปรกมาก อีกทั้งยังทำร้ายผู้คนไปมากมายด้วย พี่จิ้นเลยไม่ค่อยพอใจเขาเท่าไหร่
แต่พอไฉ่ฉีเยว่เริ่มกำแหงมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาบุกเข้ามาขัดขวางการส่งสินค้าของพี่จิ้น และทำให้พี่น้องหลายคนในโถงยี่ชีบาดเจ็บ ตอนนั้นพี่จิ้นเลยหาทางจัดการยึดอำนาจของไฉ่ฉีเยว่ ทว่าเขาหนีไปได้… แต่ไม่มีใครคิดว่าเขาจะกลับมาพร้อมกับการจับกุมลูกสาวเพียงคนเดียวของพี่จิ้นแบบนี้”
ท้ายที่สุด สีหน้าของเปาลี่ผิงไม่ค่อยดีนัก เพราะเขารู้ว่าคนอย่างไฉ่ฉีเยว่ไม่มีทางเจรจาได้
เมื่อถังซวงได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด เธอขมวดคิ้วก่อนจะหันมองไฉ่ฉีเยว่และจิ้นหว่านเอ๋อร์ จากนั้นค่อย ๆ มองสถานการณ์โดยรอบ หากเรื่องนี้ไม่ได้ถูกจัดการให้ดี มันจะกลายเป็นวันที่เลวร้ายของจิ้นหลงเฟย ถ้าหากเป็นอย่างนั้นเธอไม่สามารถปล่อยให้มีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับจิ้นหว่านเอ๋อร์ได้แน่
เมื่อวิเคราะห์แล้ว ถังซวงเดินไปด้านหน้าด้วยใบหน้าเรียบเฉย และเห็นทุกการเคลื่อนไหวระหว่างไฉ่ฉีเยว่กับจิ้นหว่านเอ๋อร์ชัดเจน
ส่วนจิ้นหลงเฟยไม่มีอารมณ์จะสนใจสิ่งอื่นรอบข้าง เขามองไฉ่ฉีเยว่ด้วยสายตาโกรธเกรี้ยวก่อนจะพูดอีกครั้ง “ไฉ่ฉีเยว่ ฉันจะให้แกทุกอย่าง ปล่อยลูกสาวฉันซะ”
ไฉ่ฉีเยว่ไม่เคลื่อนไหวใด ๆ เขามองจิ้นหลงเฟยนิ่งก่อนจะพูดว่า “อ่า… แกคิดว่าฉันโง่หรือไง? ใครจะไปรู้ว่าถ้าปล่อยลูกสาวแกไปแล้ว แกจะทำตามสัญญาจริง ๆ”
“แล้วจะเอายังไง?”
จิ้นหลงเฟยกังวลมาก เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าตนเองจะเป็นคนทำให้ลูกสาวต้องเผชิญหน้ากับอันตรายเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม ก่อนไฉ่ฉีเยว่จะพูด จิ้นหว่านเอ๋อร์ที่เงียบมาตลอดพูดกับจิ้นหลงเฟยว่า “พ่อคะ ปล่อยฉันไว้ที่นี่เถอะค่ะ ถึงพ่อจะยอม แต่เขาจะไม่ปล่อยฉันไปแน่”
ความจริงแล้ว หลังจากที่เธอโดนไฉ่ฉีเยว่โปะยาสลบ เธอก็เพิ่งจะสร่างจากยาเมื่อเร็ว ๆ นี้ จึงรู้แผนการของไฉ่ฉีเยว่ว่าผู้ชายคนนี้ไม่คิดจะปล่อยเธอไปแน่
“หุบปาก!”
ไฉ่ฉีเยว่ไม่คิดว่าจิ้นหว่านเอ๋อร์จะพูดมันออกมา เขาตบเธอสองทีก่อนตะหวาดรุนแรง “แกไม่มีสิทธิ์พูดอะไรทั้งนั้น!”
“อย่า…”
จิ้นหลงเฟยเลี้ยงดูลูกสาวมาอย่างดี เธอไม่เคยโดนตีแม้แต่ครั้งเดียว ทว่าเวลานี้เด็กคนนั้นกลับถูกไฉ่ฉีเยว่ตบถึงสองครั้ง
เมื่อเห็นใบหน้าเจ็บปวดของจิ้นหลงเฟย ไฉ่ฉีเยว่ระเบิดเสียงหัวเราะลั่น
“ฮ่า ๆ… จิ้นหลงเฟย เพราะฉันรู้ว่าลูกสาวคนนี้คือจุดอ่อนของแกไงละ ไม่ว่าแกจะปกป้องเธอดีแค่ไหน ฉันก็หาโอกาสจับตัวเธอได้อยู่ดี วันนี้ทุกอย่างที่แกติดค้างฉันไว้ ต้องจ่ายคืนมาให้หมด แล้วไม่ใช่แค่นั้น พื้นที่ที่อยู่ในอำนาจโถงยี่ชีทั้งหมดของเมืองไห่เฉิงก็ต้องเป็นของฉันด้วย”
“เดี๋ยว…”
ถังซวงพูดขึ้นมาก่อนที่จิ้นหลงเฟยจะเปิดปากด้วยซ้ำ เธอเดินเข้าไปหาไฉ่ฉีเยว่พร้อมกับมองหน้าเขาด้วยแววตาเย็นชา
ทันใดนั้น ดวงตาของไฉ่ฉีเยว่เป็นประกายเมื่อเห็นถังซวง ผู้หญิงคนนี้สวยมาก เขาเคยทำธุรกิจสีดำมาก่อนและได้สัมผัสกับสาวงามมามากมาย แต่ไม่เคยมีใครเทียบกับหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาได้เลย
ทว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องเหล่านั้น ไฉ่ฉีเยว่ปรับสีหน้าก่อนจะถามถังซวงว่า “เธอเป็นใคร?”
“อ่า ฉันต้องแนะนำตัวเองสินะ ฉันชื่อถังซวงเป็นผู้นำโถงยี่ชีคนใหม่ ดังนั้นสหายจิ้นลงเฟยคงไม่สามารถตัดสินใจสิ่งที่คุณขอได้ ถ้าต้องการอะไร พูดกับฉันโดยตรงจะดีกว่า”
จิ้นหลงเฟยไม่คิดว่าถังซวงจะก้าวเข้ามายุ่งเรื่องนี้ และเขากำลังกังวลว่าจะช่วยลูกสาวของตนเองได้ไหม ถ้าหากถังซวงที่เป็นผู้นำโถงยี่ชีคนใหม่ไม่ยินดีช่วยเหลือชีวิตของว่านเอ๋อร์เขาจะทำอย่างไร?
ขณะที่จิ้นหลงเฟยกำลังคิดไตร่ตรองเรื่องนี้ น้ำเสียงเย็นชาของถังซวงก็ดังขึ้น
“คุณบอกว่าต้องการที่จะเป็นผู้ครอบครองพื้นที่ทั้งหมดของโถงยี่ชี ก็นับว่าทะเยอทะยานไม่น้อยแล้ว”
ไฉ่ฉีเยว่ที่ประหลาดใจในคราวแรก หัวเราะออกมาอย่างเย้ยหยัน
“ฮ่า ๆ ๆ… ข่าวลือก่อนหน้านี้เป็นเรื่องจริงสินะ ว่าโถงยี่ชีมีผู้นำหญิงคนใหม่ ตาเฒ่าฉีคิดอะไรอยู่ถึงยกโถงยี่ชีให้กับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ แบบเธอ ฮ่า ๆ ๆ… อย่างนี้ยกให้ฉันจะไม่ดีกว่าหรือ?”
เมื่อไฉ่ฉีเยว่หัวเราะเยาะถังซวง เสียงหัวเราะของเขาก็ต้องหยุดลงอย่างกะทันหัน พร้อมทั้งปากเปิดกว้าง ใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำราวกับถูกบีบรัดลำคอ “อ้ะ… อึก…”
เวลานี้ไฉ่ฉีเยว่ตอบสนองอย่างรวดเร็ว และตระหนักได้ทันทีว่าตนกำลังถูกวางแผนจับกุม เวลานี้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้นกับตัวเอง
“คุณคงอยากจะจับเธอไว้ แต่… ฉันจะไม่ยอมให้คุณแตะต้องเธอเด็ดขาด”