การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 266 เต็มใจ
บทที่ 266 เต็มใจ
EnjoyBook
บทที่ 266 เต็มใจ
ขณะที่ไฉ่ฉีเยว่ดูถูกจิ้นหลงเฟยต่าง ๆ นานา ถังซวงก็วางแผนจะช่วยตัวประกันก่อน
เวลานี้จิ้นหลงเฟยกำลังกังวลมาก เพราะลูกสาวตกอยู่ในมือของฝ่ายตรงข้าม แต่สำหรับถังซวงแล้ว สภาพจิตใจของเธอนั้นนับว่าดีกว่าจิ้นหลงเฟย อีกทั้งเธอยังคล่องแคล่วยิ่งกว่า โอกาสในการช่วยตัวประกันก็ย่อมมากกว่า เธอจึงคิดหลอกล่อฝ่ายตรงข้ามพร้อมกับวางแผนที่จะบุกเข้าไปเมื่อมีโอกาส
แต่ไม่คาดคิดว่าโอกาสจะมาถึงเร็วขนาดนี้
ไฉ่ฉีเยว่คิดจริง ๆ ว่าเขาไม่ต้องเกรงกลัวอะไรหากมีตัวประกันอยู่ในมือ ถังซวงจึงเบี่ยงเบนความสนใจของเขาขณะพูดคุย เวลานี้เองทำให้ถังซวงรู้สึกได้ว่าคนตรงหน้าไม่ใช่มืออาชีพ หรือให้พูดก็คือเขาหยิ่งผยองเกินไป
“อ่า ทำยังไงดีล่ะตอนนี้ไม่มีตัวประกันอยู่ในมือแล้วสิ”
หลังจากใช้ประโยชน์จากความประมาทของไฉ่ฉีเยว่ปล่อยเข็มทองคำออกไป ทำให้เขาผลักจิ้นหว่านเอ๋อร์ไปหาจิ้นหลงเฟยโดยตรง
ส่วนถังซวงก็เดินมาหยุดยืนใกล้กับไฉ่ฉีเยว่ ถึงไฉ่ฉีเยว่จะไม่ได้ถูกยิงด้วยเข็มทองคำ แต่เขาก็ยังไม่สามารถหลบเลี่ยงเธอได้
“ดูเหมือนคุณจะชอบจับคนอื่นสินะ แต่น่าเสียดายที่ช้าเกินไป”
ถังซวงคว้าแขนของไฉ่ฉีเยว่พร้อมทุ่มเขาลงกับพื้นอย่างแรง
“อั่ก…”
ไฉ่ฉีเยว่กรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด และรู้สึกว่ามือของเขาไร้ความรู้สึกไปแล้ว “ปล่อย… ปล่อยฉัน”
แน่นอนว่าถังซวงไม่คิดเคลื่อนไหว เธอออกแรงดึงเบา ๆ ก่อนที่เสียง ‘กริ้ก’ จะดังขึ้น ถูกต้อง มือขวาของไฉ่ฉีเยว่หักแล้ว
“อ๊าก… อ๊าก…”
เมื่อทำอย่างนั้นเสียงกรีดร้องของไฉ่ฉีเยว่ยิ่งน่าสมเพช
ทั้งสองพ่อลูกต่างตกตะลึง เปาลี่ผิงด้วยเช่นกัน ทุกคนในที่นี้ล้วนไม่คิดมาก่อนว่าสถานการณ์จะพลิกผันในเสี้ยววินาที
ทว่ามีเพียงเฟ่ยไห่ชางเท่านั้นที่ยังคงเรียบเฉย เพราะเขารู้ดีอยู่แล้วว่าถังซวงเก่งกาจขนาดไหนในตอนที่เจอกันที่ก่างเฉิง เขาเลยค่อนข้างเข้าใจในความสามารถของเธอ
“ท่านผู้นำครับ เพราะไฉ่ฉีเยว่กล้าจะลักพาตัวพี่น้องในโถงยี่ชีของเรา อย่างนั้นเราไม่ควรปล่อยเขาไปนะครับ พาตัวเขากลับไปเถอะ”
ถังซวงพยักหน้าเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะตอบกลับว่า “ใช่ เราจะไม่ปล่อยเขาไป พาตัวเขากลับไปด้วย”
ในตอนท้าย ถังซวงหันมองจิ้นหลงเฟยก่อนจะถามว่า “สหายจิ้นยังไม่ได้เรียกใครมาช่วยอีกหรือ?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว จิ้นหลงเฟยฟื้นคืนสติกลับมา เขารีบหันไปหาผู้ใต้บังคับบัญชาแล้วพูดว่า “พวกแกมัวงงอะไร รีบไปมัดไฉ่ฉีเยว่ไว้เร็วเข้า”
“ครับ”
“ไม่… ปล่อยฉัน… ปล่อยฉัน…”
ไฉ่ฉีเยว่ถูกถังซวงจัดการจนไม่สามารถลุกขึ้นไหว และเมื่อแขนหักไปแล้ว เขาก็ยิ่งหมดสภาพมากกว่าเดิม
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครสนใจอาการบาดเจ็บของเขาเลย ผู้ใต้บังคับบัญชาทั้งหมดของจิ้นหลงเฟยโยนเขาขึ้นรถราวกับกระสอบข้าว
หากแต่ตอนนี้จิ้นหว่านเอ๋อร์ยังคงหวาดกลัว ทว่าเมื่อเห็นการกระทำที่รวดเร็วและเด็ดขาดของถังซวง เด็กสาวก็รู้สึกว่ามันน่าประทับใจมาก
อีกอย่างเธอคนนี้ดูอายุจะไล่เลี่ยกับตนด้วย แต่กลับเก่งขนาดนี้เธอแข็งแกร่งทั้งทักษะและจิตใจ ซึ่งสำหรับเด็กสาวแล้วตัวเธอกลับไม่มีความกล้าแม้แต่น้อย จนกระทั่งตอนนี้ความหวาดกลัวนั้นก็ยังไม่จางหายไปด้วยซ้ำ
เมื่อนึกคิดอย่างนั้นแล้ว จิ้นหว่านเอ๋อร์พยายามปรับอารมณ์ให้กลับมาคงที่ ก่อนจะเดินไปหาถังซวงแล้วกล่าวขอบคุณด้วยใบหน้าจริงใจ “ขอบคุณที่ช่วยชีวิตฉันไว้นะคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของจิ้นหว่านเอ๋อร์ ถังซวงส่ายศีรษะพลางยิ้มอ่อนโยน “ไม่เป็นไร ต่อให้เป็นคนอื่น เราก็ต้องเข้าช่วยเหลืออยู่แล้ว นับประสาอะไรกับคนกันเองอย่างเธอ”
“ถึงอย่างนั้นก็ขอบคุณนะคะ”
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของสาวน้อยตรงหน้า ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ค่ะ ฉันจะรับคำขอบคุณไว้”
เมื่อเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่าย จิ้นหว่านเอ๋อร์หัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
ส่วนจิ้นหลงเฟยที่กลัวว่าลูกสาวของตนจะเป็นอะไรไป เพราะเพิ่งจะเคยเจอกับเรื่องแบบนี้เป็นครั้งแรก แต่เขาไม่คิดว่าหลังจากได้พูดคุยกับถังซวงไม่กี่คำ ลูกสาวของเขาจะกลับมายิ้มได้อีกครั้ง ภาพนี้ทำให้สีหน้าของเขายิ่งผ่อนคลายลงมาก
“เอาเถอะ งั้นเรากลับกันเถอะ”
เมื่อเห็นว่าเรื่องราวทุกอย่างจบลงแล้ว ถังซวงก็ต้องการจะกลับไปจัดการเรื่องนี้ต่อ
“อืม กลับกันเถอะ”
พอได้ยินคำพูดของถังซวงแล้ว จิ้นหลงเฟยรีบพยักหน้าก่อนจะหันมองเธอแล้วพูดว่า “ท่านผู้นำ กลับกันเถอะครับ”
ถังซวงหยุดชะงักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เพียงตอบรับว่า “อืม ไปกัน”
ถังซวงไม่สนใจถ้อยคำที่จิ้นหลงเฟยเรียกตน แต่เฟ่ยไห่ชางและเปาลี่ผิงกลับหันมองจิ้นหลงเฟยอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เปาลี่ผิงจะถอนหายใจ ดูเหมือนว่าจิ้นหลงเฟยจะยอมรับถังซวงแล้วสินะ ถ้าเป็นแบบนี้ ในอนาคตถังซวงจะต้องได้รับการยอมรับจากคนอื่น ๆ ในโถงยี่ชีแน่
เดิมทีถังซวงวางแผนจะนั่งรถไปกับเฟ่ยไห่ชางและเปาลี่ผิงเหมือนตอนมา แต่ไม่คิดว่าจิ้นหว่านเอ๋อร์กลับชื่นชอบเธอซะจนอยากจะนั่งกับเธอด้วย
ถังซวงพยักหน้าอย่างสบาย ๆ ก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นไร”
จิ้นหลงเฟยอยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ท่านผู้นำครับ หว่านเอ๋อร์อาจจะอยากอยู่กับคุณต่อเพราะยังหวาดกลัวอยู่…”
“อืม ไม่เป็นไร งั้นไปกันเถอะค่ะ”
“ครับ”
หลังทั้งหมดขึ้นรถแล้ว พวกเขาก็ตรงไปยังสถานที่พูดคุยก่อนหน้า
เมื่อมาถึง จิ้นหลงเฟยปลอบโยนลูกสาวอีกครั้ง “หว่านเอ๋อร์ ตอนนี้ลูกอยู่คนเดียวได้ไหม? พอดีพ่อมีเรื่องต้องคุยกับท่านผู้นำโถงยี่ชีสักหน่อย”
หลังได้ยินอย่างนั้น จิ้นหว่านเอ๋อร์พยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “ค่ะ หนูอยู่ได้ อย่างนั้นหนูกลับก่อนนะคะ”
ทว่าถังซวงเรียกจิ้นหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร พวกเราคุยกันจะเสร็จแล้ว ตอนนี้สหายจิ้นควรกลับไปกับหว่านเอ๋อร์ก่อนเถอะ”
ก่อนที่จิ้นหลงเฟยจะพูดอะไร จิ้นหว่านเอ๋อร์พูดขึ้นก่อนว่า “พี่สาวถังซวง ฉันไม่กลัวแล้วค่ะ แล้วฉันจะเก่งเหมือนคุณให้ได้เลย จะล้มคนในหมัดเดียวด้วย!”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นถังซวงหัวเราะแล้วพูดว่า “อืม ถ้าอย่างนั้นเธอก็ต้องฝึกฝนให้มากนะ”
“ค่ะ ฉันจะพยายาม”
ในตอนท้าย จิ้นหว่านเอ๋อร์โบกมือลาพวกเขาทั้งหมด ก่อนจะจากไป
ซึ่งจิ้นหลงเฟยเองก็รู้สึกสบายใจเมื่อเห็นลูกสาวเป็นเช่นนี้ แต่เขายังไม่สบายใจนักจึงสั่งให้ลูกน้องติดตามเธอไปด้วย โชคดีที่ที่พักของจิ้นหว่านเอ๋อร์อยู่ใกล้ ๆ เขาจึงไม่ได้กังวลใจมาก
หลังจิ้นหว่านเอ๋อร์กลับออกไปแล้ว จิ้นหลงเฟยกล่าวขอบคุณถังซวงอีกครั้ง “ท่านผู้นำ ขอบคุณที่ช่วยหว่านเอ๋อร์นะครับ”
ความจริงแล้วพวกเขาไม่รู้ว่าถังซวงทำได้ยังไง แต่นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถังซวงถึงอยู่เหนือกว่าพวกเขาทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าถังซวงคนนี้แข็งแกร่งมากกว่าที่พวกเขาคิดเอาไว้เสียอีก
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังของจิ้นหลงเฟยแล้ว ถังซวงโบกมือก่อนจะพูดว่า “สหายจิ้น ไม่ต้องสุภาพหรอกค่ะ ในเมื่อเธอปลอดภัยแล้ว คุณก็อย่าปล่อยให้เด็กดีอย่างหว่านเอ๋อร์ต้องอยู่คนเดียวอีกนะคะ”
“ยังไงซะผมก็อยากจะขอบคุณ ก่อนหน้านี้ผมมีตาหามีแววไม่ และไม่รู้ว่าผู้นำโถงยี่ชีของเราจะเก่งกาจขนาดนี้ ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วครับ”
เวลานี้จิ้นหลงเฟยยอมรับถังซวงอย่างเต็มหัวใจ เพราะเขามีหว่านเอ๋อร์เป็นลูกสาวเพียงคนเดียว เขานึกไม่ออกจริง ๆ ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรหากไม่มีหว่านเอ๋อร์อยู่ด้วย
พอเห็นจิ้นหลงเฟยอย่างนี้แล้ว ถังซวงยิ้มและไม่ได้พูดอะไรอีก ตอนนี้เธอคือผู้นำโถงยี่ชี และเธอย่อมมีความสุขเมื่อได้รับการยอมรับจากผู้ดูแลของเมืองต่าง ๆ
“เอาเถอะ เรามาคุยเรื่องที่ค้างไว้กันต่อเถอะ”