การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 267 ลองเปิดดู
บทที่ 267 ลองเปิดดู
EnjoyBook
บทที่ 267 ลองเปิดดู
ถังซวงและจิ้นหลงเฟยพูดคุยกันอยู่นาน จนกระทั่งตกผลึกเป็นแผนการ “อย่างนั้นไม่รบกวนแล้วนะคะ ฉันขอตัวกลับก่อน”
“ท่านผู้นำครับ อยู่ทานมื้อเย็นด้วยกันเถอะครับ”
เวลานี้จิ้นหลงเฟยยิ่งเชื่อมั่นในตัวของถังซวง และเขาก็ไม่เคยเชื่อมั่นอะไรขนาดนี้มาก่อน ตอนนี้เขารู้แล้วว่าถังซวงฉลาดและมีความสามารถ แผนส่วนใหญ่ก็เกิดจากถังซวงทั้งหมด อีกทั้งความคิดของเธอยังดูแปลกใหม่และมีความเป็นไปได้สูง
เมื่อถังซวงได้ยินคำชวนของจิ้นหลงเฟย เธอส่ายศีรษะพร้อมพูดว่า “ไม่เป็นไรค่ะ น้องสาวของฉันรออยู่ที่พัก ฉันจะกลับไปกินข้าวกับเธอ”
เมื่อได้ยินทั้งถังซวงพูดอย่างนั้น คนอื่น ๆ ก็แยกย้ายกันไป
ถังซวงกลับมาถึงที่พักก็เห็นถังเซวี่ยยังคงวาดรูปอยู่ “เสี่ยวเซวี่ย ไม่ใช่ว่าเธอวาดรูปมาตั้งแต่เช้าหรอกหรือ? พักผ่อนได้แล้ว เดี๋ยวเราจะออกไปหาอะไรกินกัน”
ได้ยินอย่างนั้น ถังเซวี่ยเงยหน้าขึ้นมองถังซวงแล้วพูดว่า “พี่คะ รออีกเดี๋ยวค่ะ ใกล้จะเสร็จแล้ว”
ถังซวงเดินไปดูและเห็นว่าถังเซวี่ยใกล้วาดเสร็จแล้วจริง ๆ เธอจึงรออย่างเงียบ ๆ
พอถังเซวี่ยวาดรูปเสร็จ เด็กสาวยืนขึ้นพร้อมกับพูดว่า “พี่คะ เราไปกินข้าวกันเถอะค่ะ”
“เสี่ยวเซวี่ย เธอวาดรูปเก่งขึ้นมากเลยนะ”
แม้ถังซวงจะไม่เข้าใจเรื่องการออกแบบด้านสถาปัตยกรรม แต่เธอก็มีความรู้อยู่บ้าง และเธอเห็นว่าการออกแบบของถังเซวี่ยที่ไม่ค่อยจะดูดีนักในคราวแรก ตอนนี้เริ่มจะฉายแววเด่นชัดในตัวตนของตัวเองออกมาแล้ว
หากแต่ถังเซวี่ยส่ายศีรษะพร้อมตอบกลับว่า “ฉันต้องศึกษาเพิ่มอีกมาก ถึงฉันจะวาดโครงสร้างคร่าว ๆ ได้ แต่รายละเอียดบางอย่างก็ยังต้องเรียนรู้”
ถังซวงยิ้ม “เธอเพิ่งเริ่มศึกษาเอง ในอนาคตเธอจะเก่งขึ้นแน่”
“ค่ะ ฉันจะตั้งใจฝึกให้ถึงที่สุดเลย”
คราวแรกถังเซวี่ยแค่คิดว่ามันคงจะดีหากสามารถออกแบบบ้านหรืออาคารเองได้ ทว่าเวลานี้เธอกลับชื่นชอบมันไปเสียแล้ว เธอคิดว่ามันคงจะดีมากถ้าเธอสามารถสร้างบ้านตามจินตนาการของตนเองได้
เมื่อเห็นประกายในแววตาของถังเซวี่ย ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ในอนาคตถ้ามีโอกาส เราไปดูสถานที่ก่อสร้างก็ได้นะ เผื่อเธอจะได้เข้าใจหลักการสร้างบ้านมากขึ้น”
“ค่ะ ถ้ามีโอกาสฉันจะไปแน่”
ทั้งสองพูดคุยกันขณะเดินออกจากที่พัก และไปรับประทานอาหารที่ร้านของรัฐ ทว่าพวกเธอมาช้าเกินไปจนอาหารเหลือไม่มากนัก ทั้งสองเลยกินได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
จากนั้นทั้งสองพูดคุยกันจนกลับถึงที่พัก
“เสี่ยวเซวี่ย อีกสองวันเราจะกลับบ้านกันนะ ฉันจะไปบอกพี่โม่พรุ่งนี้ เธอจะไปด้วยกันไหม?”
ถังเซวี่ยส่ายศีรษะทันทีพร้อมตอบกลับว่า “ฉันคงไม่ได้ไป พี่ไปหาพี่โม่เถอะค่ะ” ในตอนแรกเธอไม่ได้รู้สึกอะไรนัก แต่ครั้งก่อนผู้จัดการหูคะยั้นคะยอจะพาเธอออกไปเก็บผลไม้ให้ได้ เพื่อปล่อยให้พี่สาวกับโม่เจ๋อหยวนอยู่กันสองต่อสอง เธอถึงได้เข้าใจอะไรบางอย่าง คราวนี้เธอเลยไม่คิดที่จะไปเป็นก้างขวางคอ
เมื่อเห็นถังเซวี่ยไม่อยากไปด้วย ถังซวงขมวดคิ้วงุนงงก่อนจะถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย ไม่อยากไปด้วยกันหรือ? แล้วนี่เธอจะอยู่ในห้องอย่างเดียวเลยหรือไง?”
ถังเซวี่ยพยักหน้าตอบรับ “ค่ะ ฉันจะอยู่ในห้องและกินมื้อเที่ยงง่าย ๆ พี่ไปเถอะ ฉันดูแลตัวเองได้”
“ไม่ไปจริง ๆ หรือ?”
ถังเซวี่ยตอบกลับอย่างหนักแน่น “ค่ะ พรุ่งนี้ฉันจะวาดภาพต่อ”
“อืม ก็ได้จ้ะ”
วันถัดมา ถังซวงไปหาโม่เจ๋อหยวน
เมื่อโม่เจ๋อหยวนเห็นว่าถังซวงมาหาตน เขาก็อดกั้นรอยยิ้มบนใบหน้าไม่ได้ “ซวงเอ๋อร์ เธอมาหาฉันหรือ ฉันว่าจะออกไปหาเธอพอดี ดูเหมือนเราจะใจตรงกันนะ”
เมื่อเห็นใบหน้ามีความสุขของโม่เจ๋อหยวน ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “อืม ดูเหมือนเราจะใจตรงกันนะคะ แต่ที่ฉันมาที่นี่เพื่อจะบอกพี่ว่าฉันกับเสี่ยวเซวี่ยจะกลับบ้านในอีกสองวันน่ะค่ะ”
แม้เขาจะรู้ว่าถังซวงต้องกลับ แต่โม่เจ๋อหยวนก็อดไม่ได้ที่จะผิดหวัง “เร็วเกินไปหรือเปล่า?”
“ค่ะ แต่เราอยู่ที่นี่หลายวันแล้ว ต้องกลับแล้วค่ะ”
“อืม ถ้าเสร็จธุระทางนี้แล้ว ฉันจะรีบกลับไปหานะ”
เมื่อเห็นโม่เจ๋อหยวนผอมลงมาก ถังซวงก็กังวลไม่น้อย “พี่ต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะคะ กินข้าวเยอะ ๆ ถึงแม้ว่าจะยุ่งแค่ไหน ฉันคิดว่าพี่ผอมเกินไปแล้ว”
“ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก เลยกินข้าวไม่เป็นเวลาเท่าไร ไม่ต้องห่วงหรอกซวงเอ๋อร์ ฉันจะดูแลตัวเองให้ดี”
แม้ถังซวงจะไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่นัก เพราะถ้าโม่เจ๋อหยวนทำได้จริง ๆ เขาจะไม่ผอมขนาดนี้ เมื่อคิดได้อย่างนั้นเธอหยิบขวดแก้วออกมาสองใบ “นี่คือยาบำรุง พี่ทานมันก่อนนอนทุกคืนนะ”
“ขอบคุณนะซวงเอ๋อร์”
โม่เจ๋อหยวนรับมันมา ก่อนจะส่งกล่องเล็ก ๆ ให้กับถังซวงเช่นกัน
“อะไรหรือคะ?”
เมื่อเห็นกล่องไม้ตรงหน้า ถังซวงถามออกไปอย่างสงสัย
“ลองเปิดดูสิ”
โม่เจ๋อหยวนมองถังซวงด้วยแววตาเป็นประกาย และบอกให้เธอเปิดกล่อง
เมื่อถังซวงเปิดมันออก ก็เห็นนาฬิกาอยู่ด้านใน หญิงสาวรู้สึกสงสัยเล็กน้อยเพราะเธอเองก็มีนาฬิกาอยู่แล้ว “พี่โม่ ซื้อนาฬิกาทำไมหรือคะ?”
โม่เจ๋อหยวนลองให้ถังซวงสวมใส่ดู
“ซวงเอ๋อร์ นาฬิกาเรือนนี้สวยกว่าเรือนที่เธอใส่อยู่อีกนะ ลองสวมดูสิ”
ถังซวงก็รู้สึกเช่นกันว่านาฬิกาเรือนนี้สวยจริง ๆ มันกะทัดรัดและดูประณีตไม่แข็งกระด้างเหมือนนาฬิกาผู้หญิงในปัจจุบัน
หลังเธอหยิบขึ้นมา เธอพบว่ามีข้อความสลักอยู่บนสาย มันคือตัวอักษร TM สองตัว
เมื่อเห็นอักษรนี้ ถังซวงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้นแล้วถามว่า “พี่โม่ พี่สลักข้อความลงบนนี้หรือ?”
โม่เจ๋อหยวนพยักหน้าก่อนจะตอบว่า “อืม ฉันสลักมันด้วยตัวเอง มันเป็นชื่อย่อของเธอกับฉันน่ะ ลองดูสิ…” ขณะพูดอย่างนั้นเขาก็ยื่นข้อมือของตนเองให้อีกฝ่ายดู และถังซวงก็เห็นแล้วว่าโม่เจ๋อหยวนสวมนาฬิกาที่คล้ายคลึงกับที่ตัวเธอถืออยู่ แต่เรือนของเขาเรียบง่ายและมีขนาดใหญ่กว่า ทว่าหากคนอื่นมองมาคงรู้ว่านี่คือนาฬิกาคู่
“เหมือนกันเลย พี่โม่ไปซื้อมาจากไหน?”
โม่เจ๋อหยวนยิ้มแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้ซื้อ แต่ฉันออกแบบเองเลย เธอว่าสวยไหม?”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงประหลาดใจเล็กน้อย “พี่ทำมันเอง?”
“ใช่ ลองสวมดูสิ”
ถังซวงไม่ถามอะไรต่อ เธอสวมนาฬิกาอย่างว่าง่าย ข้อมือขาวเรียวนี้ขับให้นาฬิกาสีเงินยิ่งดูหรูหรามากขึ้น มันสวยจริง ๆ
“สวยจัง”
โม่เจ๋อหยวนมองนาฬิกาบนข้อมือของถังซวงและตัวเองด้วยแววตาเป็นประกาย
แต่ถังซวงกลับรู้สึกว่าโม่เจ๋อหยวนยังไม่ได้ตอบคำถามของเธอ เธอจึงถามอีกครั้งว่า “แล้วทำไมพี่โม่ถึงสลักชื่อย่อของพี่กับฉันบนนาฬิกานี้ล่ะ? แล้วนาฬิกาเรือนนั้นมีสลักเหมือนกันไหม?”