การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 269 เป็นไปไม่ได้
บทที่ 269 เป็นไปไม่ได้
EnjoyBook
บทที่ 269 เป็นไปไม่ได้
เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงเยี่ยยง เฟิงเยี่ยหานก็ไม่คิดสนใจพร้อมกับยืนขึ้นแล้วมองเหยียดลงมา “ในเมื่อนายมากินข้าว ก็กลับไปที่นั่งของตัวเองซะ อย่ามารบกวนฉัน”
หลังได้ยินอย่างนั้น เฟิงเยี่ยยงแค่นยิ้ม “อ้อ เข้าใจแล้วครับพี่ชาย อย่างนั้นผมไม่รบกวนแล้วก็ได้”
ทว่าก่อนที่เขาจะจากไป เขาหันมองถังเซวี่ยอีกครั้ง แน่นอนว่าเขาไม่เคยพบหญิงสาวน่ารักเช่นนี้มาก่อน และเห็นได้ชัดว่าเฟิงเยี่ยหานดูแลผู้หญิงคนนี้แตกต่างจากคนอื่น ๆ เขาจึงค่อนข้างอยากรู้ว่าสาวน้อยตรงหน้าคือใคร
หลังเฟิงเยี่ยยงออกไป สีหน้าของเฟิงเยี่ยหานยังคงบึ้งตึงเล็กน้อย
ส่วนถังเซวี่ยมองเฟิงเยี่ยหานด้วยสายตาประหลาดใจ ก่อนจะเอ่ยถามว่า “ผู้ชายคนนั้นคือน้องชายของคุณหรือคะ? ดูพวกคุณไม่ค่อยสนิทกันเท่าไรนะคะ”
เฟิงเยี่ยหานไม่คิดปิดบัง เขาตอบตามตรง “ครับ พวกเราไม่ค่อยสนิทกันเท่าไร ต่อไปถ้าคุณถังเซวี่ยเจอเขา ต้องอยู่ให้ห่างจากเขาเอาไว้ เฟิงเยี่ยยงคนนี้ เขาไม่ใช่คนดี”
ถังเซวี่ยมองเฟิงเยี่ยหานด้วยความประหลาดใจก่อนจะพูดต่อว่า
“ค่ะ ความสัมพันธ์ระหว่างคุณทั้งสองคงอยู่ในขั้นเลวร้ายแน่ ๆ”
อย่างไรก็ตาม เธอก็รู้สึกไม่ค่อยพอใจกับสายตาที่เฟิงเยี่ยยงใช้มองตนเมื่อครู่เท่าไรนัก จึงพยักหน้ารับแล้วตอบว่า “ค่ะ ถ้าเจอเขาอีกในคราวหน้า ฉันจะอยู่ให้ห่างจากเขาแน่ แต่ยังไงฉันกับพี่สาวกำลังจะไปจากเมืองไห่เฉิงอยู่แล้ว คงไม่ได้พบกับเขาอีก”
เฟิงเยี่ยหานพยักหน้าเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะชวนถังเซวี่ยรับประทานอาหารต่อ
ถังเซวี่ยหิวมาก เธอกินไปค่อนข้างเยอะ และรู้สึกเสียดายที่ไม่สามารถกินของหวานเพิ่มเติมได้ “ฉันไม่คิดมาก่อนว่าที่นี่จะมีเค้กด้วย อาหารที่นี่อร่อยมากเลยค่ะ แต่ฉันกินต่อไม่ไหวแล้ว”
เมื่อเห็นสีหน้าเสียดายของถังเซวี่ย เฟิงเยี่ยหานก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ พลางพูดขึ้นว่า “ความจริง คุณถังเซวี่ยห่อขนมพวกนี้กลับไปด้วยก็ได้นะครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น แววตาของถังเซวี่ยพลันเป็นประกายทันที
“ดีเลยค่ะ งั้นฉันจะสั่งเพิ่มแล้วเอากลับไปให้พี่สาวลองชิมด้วย”
ก่อนถังเซวี่ยจะสั่งพนักงาน เฟิงเยี่ยหานก็สั่งให้คนของเขาจัดการเรื่องนี้แล้ว “งั้นรอสักพักแล้วกันนะครับ”
“ค่ะ”
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ชายวัยกลางคนก็นำถุงมาส่งพร้อมมอบให้ด้วยรอยยิ้ม “คุณชายเฟิงครับ เค้กเนยสดและอาหารอีกสองอย่างอยู่ในถุงเรียบร้อยแล้วครับ”
“นี่ครับของคุณถังเซวี่ย งั้นเราไปกันเถอะ”
เฟิงเยี่ยหานพูดพร้อมกับยื่นถุงให้ถังเซวี่ย
ส่วนถังเซวี่ยมองเฟิงเยี่ยหานแล้วพูดว่า “เรายังไม่ได้จ่ายค่าอาหารเลยนะคะ วันนี้ให้ฉันเลี้ยงเถอะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจ่ายแล้ว”
เฟิงเยี่ยหานยกยิ้มก่อนจะมองถังเซวี่ยแล้วพูดว่า “กลับกันเถอะครับ คุณถังเซวี่ยไม่อยากเอาขนมกลับไปให้พี่สาวลองชิมหรือ?”
เมื่อถังเซวี่ยได้ยินอย่างนั้น ก็ไม่พูดอะไรต่อ เพราะเธอคิดว่าจะกลับที่พักก่อนเพื่อดูว่าพี่สาวของตนกลับมาแล้วหรือยัง
เฟิงเยี่ยหานส่งถังเซวี่ยกลับมาถึงที่พัก ก็เป็นเวลาเดียวกับที่ถังซวงกลับมาพอดี
ถังซวงขมวดคิ้วเมื่อเห็นถังเซวี่ยและเฟิงเยี่ยหานเดินมาด้วยกัน
เด็กสาวไม่ทันสังเกตสีหน้าของพี่ตนเอง เธอมีความสุขมากเมื่อเห็นถังซวงกลับมา “พี่คะ กลับมาแล้วหรือ ฉันเอาขนมกับอาหารมาฝากด้วยนะคะ พี่ทานข้าวมาหรือยัง?”
“อืม ฉันกินข้าวมาแล้วละ”
ถังซวงมองถังเซวี่ยด้วยแววตาอ่อนโยน ก่อนจะกล่าวตอบ จากนั้นเธอก็ดึงถังเซวี่ยมาที่ด้านข้างตัวเองแล้วหันมองเฟิงเยี่ยหาน
“ขอบคุณสหายเฟิงที่มาส่งน้องสาวของฉันค่ะ”
“ยินดีครับ ก่อนหน้านี้ผมยังไม่ได้ตอบแทนคุณถังเซวี่ยที่เคยช่วยชีวิตผมเอาไว้ แต่ยังไงก็มาที่เมืองไห่เฉิงแล้ว ผมก็ควรจะแสดงความเป็นเจ้าบ้านที่ดี”
ถังซวงยกยิ้มจาง ๆ “อย่างนั้นเราสองคนไม่รบกวนสหายเฟิงแล้วค่ะ ภายในเมืองไห่เฉิงนี้ยังมีสหายของเราอีกมากมายคอยต้อนรับอยู่”
เฟิงเยี่ยหานยิ้มเมื่อได้ยินอย่างนั้น และไม่ได้พูดอะไรต่อ เขารู้สึกได้ว่าพี่สาวของถังเซวี่ยไม่ชอบเขาเอาเสียเลย และไม่ต้องการให้เขาอยู่ใกล้กับถังเซวี่ย ทำให้มันค่อนข้างท้าทายเขาไม่น้อย พวกเธอไม่รู้เลยหรือว่ามีผู้หญิงกี่คนในเมืองไห่เฉิงที่ต้องการเขามากแค่ไหน…
แต่ก็เอาเถอะ เพราะนี่คือพี่สาวของถังเซวี่ย เขาจึงไม่ได้พูดอะไรมากนัก และขณะที่เขากำลังจะกล่าวคำลา ก็มีรถคันหนึ่งมาหยุดจอดด้านข้างเขา
จิ้นหว่านเอ๋อร์ลงจากรถ แววตาของเธอพลันเปล่งประกายเมื่อเห็นถังซวง
“พี่สาวถังซวง”
จิ้นหลงเฟยลงมาจากรถเช่นกัน และเมื่อเห็นลูกสาวรีบวิ่งไปหาถังซวง จึงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้ม
จากนั้นเขามองถังซวงแล้วพูดว่า “ท่านผู้นำ…” ขณะนั้นเองเขาสังเกตเห็นเฟิงเยี่ยหาน แววตาจึงเผยความประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อว่า “คุณชายเฟิงมาทำอะไรที่นี่หรือครับ?”
เฟิงเยี่ยหานสังเกตเห็นจิ้นหลงเฟยที่เพิ่งลงจากรถ เขาจึงได้ยินชัดเจนว่าอีกฝ่ายเรียกถังซวงว่าอย่างไร
สวรรค์…
เป็นไปได้ยังไง…
แต่ไม่ว่าเขาจะตื่นตระหนกเพียงใด สีหน้าก็ยังคงเรียบเฉย ชายหนุ่มก้าวไปด้านหน้าเพื่อทักทายอย่างสุภาพ “คุณจิ้น สวัสดีครับ ผมมาส่งคุณถังเซวี่ยกลับที่พักน่ะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น จิ้นหลงเฟยมองเฟิงเยี่ยหานและถังเซวี่ย อย่างสงสัย แต่เขารู้ดีว่าถังเซวี่ยเป็นน้องสาวของท่านผู้นำโถงยี่ชี และเขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะรู้จักเฟิงเยี่ยหานด้วย
ถังซวงพยักหน้าให้จิ้นหลงเฟยก่อนจะพูดว่า “สหายเฟิง ฉันมีแขก คงไม่สามารถต้อนรับคุณได้ ขอโทษด้วยนะคะ”
เฟิงเยี่ยหานเข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายทันที หล่อนกำลังขับไล่เขาอย่างสุภาพสินะ ชายหนุ่มทำได้เพียงพยักหน้า “ครับ อย่างนั้นผมขอตัวก่อน” เขาโบกมือให้ถังเซวี่ยแล้วกลับออกไป
เมื่อมองเฟิงเยี่ยหานที่เดินจากไปแล้ว จิ้นหลงเฟยอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านผู้นำ น้องสาวของคุณรู้จักกับคุณชายเฟิงได้ยังไง?”
ถังซวงไม่ได้ตอบละเอียดนัก เพียงอธิบายอย่างกระชับว่า
“เสี่ยวเซวี่ยเคยช่วยชีวิตเฟิงเยี่ยหาน พวกเขาเลยรู้จักกัน”
จิ้นหลงเฟยไม่ได้ถามอะไรอีก และเขาพูดถึงเหตุผลที่มาเยี่ยมในเวลานี้
“ท่านผู้นำครับ หว่านเอ๋อร์อยากจะตอบแทนที่คุณช่วยเธอเอาไว้วันนั้น ผมเลยพาเธอมาที่นี่เพื่อกล่าวขอบคุณเป็นการส่วนตัว”
พอกล่าวจบ จิ้นหว่านเอ๋อร์โค้งคำนับ “พี่สาวถังซวง ขอบคุณมากนะคะที่ช่วยฉันไว้ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ ฉันไม่รู้เลยว่าจะรอดพ้นจากน้ำมือของพวกนั้นได้ไหม”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงมองจิ้นหว่านเอ๋อร์แล้วยิ้มอ่อนโยน “เธอก็พูดเกินไป เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว ถือซะว่าเป็นโชคชะตาพาเรามาพบกัน”
เวลานี้ถังซวงกลายเป็นต้นแบบของจิ้นหว่านเอ๋อร์ไปแล้ว และเมื่อได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น เธอรีบพยักหน้ารับทันที
“ใช่ มันเป็นเพราะโชคชะตาพาให้เรามาพบกัน อย่างนั้นต่อจากนี้พี่ช่วยเป็นพี่สาวของฉันได้ไหมคะ?”
จิ้นหลงเฟยตะโกนทันทีเมื่อได้ยินอย่างนั้น “หว่านเอ๋อร์…”
เมื่อเห็นแววตาเปล่งประกายและสดใสของจิ้นหว่านเอ๋อร์ ถังซวงยิ้มกว้างก่อนจะตอบว่า “ได้แน่นอน”
“ดีจังเลยค่ะ ขอบคุณมาก ๆ นะคะ”
จิ้นหว่านเอ๋อร์เรียกขานถังซวงว่าพี่สาวอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นถังซวงไม่ว่าอะไร จิ้นหลงเฟยถอนหายใจด้วยความโล่งอก พลางยกยิ้มอย่างมีความสุข มันคงจะดีมากถ้าลูกสาวของเขาได้เป็นพี่น้องกับถังซวงจริง ๆ
ส่วนจิ้นหว่านเอ๋อร์ไม่ลืมถังเซวี่ยที่อยู่ด้านข้าง เธอเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัยก่อนจะถามว่า “พี่สาวถังซวง นี่คือน้องสาวของคุณใช่ไหมคะ?”
ถังเซวี่ยแก่กว่าจิ้นหว่านเอ๋อร์สองปี เวลานี้จิ้นหว่านเอ๋อร์จึงเรียกอีกฝ่ายว่า ‘พี่สาวเซวี่ย’ ด้วยรอยยิ้ม