การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 270 ไปส่ง
บทที่ 270 ไปส่ง
EnjoyBook
บทที่ 270 ไปส่ง
จิ้นหลงเฟยที่เห็นว่าลูกสาวของตนพูดคุยกับถังซวงและถังเซวี่ยอย่างมีความสุข จึงพูดขึ้นว่า “หว่านเอ๋อร์ อย่างนั้นลูกอยู่คุยกับท่านผู้นำโถงก่อนนะ เดี๋ยวพ่อจะออกไปก่อน แล้วจะมารับทีหลัง”
“ค่ะพ่อ”
ถังเซวี่ยชอบจิ้นหว่านเอ๋อร์มาก เพราะอีกฝ่ายทั้งสดใสและร่าเริง หลังจากเห็นว่าอีกฝ่ายต้องการอยู่ต่อ เธอจึงพาหว่านเอ๋อร์เข้าไปด้านใน “หว่านเอ๋อร์ เข้าไปข้างในกันเถอะ”
“ค่ะ พี่สาวถังเซวี่ย”
จิ้นหว่านเอ๋อร์เดินตามไปอย่างว่าง่าย
เมื่อเห็นเด็กสาวทั้งสองพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ถังซวงก็พลอยมีความสุขไปด้วย
ทั้งสามมาถึงห้องพัก ถังเซวี่ยหยิบอาหารและเค้กออกมา “หว่านเอ๋อร์ ลองชิมขนมนี้ดูสิ มันอร่อยมากเลยนะ”
เมื่อเห็นถังเซวี่ยนำบางอย่างกลับมา ถังซวงจึงเอ่ยถามออกไปว่า “เธอออกไปกินข้าวกับเฟิงเยี่ยหานมาหรือ?”
ถังเซวี่ยพยักหน้าตอบรับ “ใช่ค่ะ ฉันบังเอิญเจอเขาตอนที่กำลังจะออกไปหาอะไรกิน เราเลยไปด้วยกันค่ะ”
เมื่อเห็นท่าทีของถังเซวี่ยยังปกติดี ถังซวงจึงรู้สึกว่าน้องสาวไม่ได้ถูกบังคับอะไร และเธอไม่คิดจะพูดถึงเฟิงเยี่ยหานต่อ เพราะอย่างไรทั้งคู่ก็กำลังจะออกจากเมืองไห่เฉิงในไม่ช้า
“เอาเถอะ งั้นเราลองชิมกันดีกว่า”
ถังซวงและจิ้นหว่านเอ๋อร์ลองชิมพร้อมกัน ทว่าประหลาดใจทันทีเมื่อได้ลิ้มลอง
“เสี่ยวเซวี่ย ขนมนี้อร่อยจัง”
จิ้นหว่านเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเห็นด้วยเช่นกัน “ใช่ค่ะ อร่อยมากเลย ไม่รู้เลยว่ามีขนมอร่อยอย่างนี้อยู่ในเมืองไห่เฉิงด้วย”
เสี่ยวเซวี่ยมีความสุขมากที่ทั้งสองบอกว่าอร่อย
“ฉันรู้ว่าทั้งสองคนต้องชอบแน่ ๆ กินเยอะ ๆ เลยนะ ส่วนอาหารพวกนี้ก็อร่อยมากเหมือนกัน”
ถังซวงและจิ้นหว่านเอ๋อร์กินเยอะมาก เพราะอาหารพวกนี้อร่อยจริง ๆ จนหว่านเอ๋อร์ขอที่อยู่ของร้าน ถังเซวี่ยจึงบอกกล่าวไปอย่างคร่าว ๆ
“ตกลง ถ้ามีโอกาสฉันจะไปเยี่ยมนะ”
จิ้นหว่านเอ๋อร์เป็นคนร่าเริง เธอจึงกระตือรือร้นที่จะพูดคุยกับถังซวงและถังเสวี่ยตลอดช่วงบ่าย และเมื่อจิ้นหลงเฟยมารับ เธอยังรู้สึกว่าเรื่องราวที่จะพูดคุยยังไม่หมด
“พอแล้วหว่านเอ๋อร์ อย่ารบกวนท่านผู้นำโถงนักเลย”
จิ้นหว่านเอ๋อร์รู้ดีว่าวันนี้เธออยู่ที่นี่นานแล้ว แต่เธอชอบถังซวงและถังเซวี่ยมาก จึงอดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่สาวถังซวง แล้วถ้าพี่กลับไปแล้ว ฉันจะติดต่อพี่ได้ไหมคะ?”
“แน่นอนสิ”
เมื่อเห็นถังซวงยินดี จินหว่านเอ๋อร์ก็มีความสุขมาก
จิ้นหลงเฟยยังเชิญถังซวงและถังเซวี่ยไปทานอาหารเย็นด้วยกันในวันพรุ่งนี้อีก “ท่านผู้นำครับ ยังไงเฟ่ยไห่ชางก็กำลังจะกลับเมืองก่างเฉิงแล้ว พรุ่งนี้ตอนเย็น เราไปกินมื้อเย็นด้วยกันนะครับ”
“ตกลง”
หลังจากชวนถังซวงเข้าร่วมมื้อเย็นในวันพรุ่งนี้แล้ว จิ้นหลงเฟยก็พาลูกสาวของเขากลับไปทันที
วันต่อมา จิ้นหลงเฟยมารับถังซวงและถังเซวี่ยเป็นการส่วนตัว
เมื่อมาถึงร้านอาหารที่ได้จองห้องส่วนตัวเอาไว้ เฟ่ยไห่ชางและเปาลี่ผิงก็ได้รออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว “ท่านผู้นำมาแล้วหรือครับ เชิญด้านในครับ”
เฟ่ยไห่ชางและเปาลี่ผิงทักทายอย่างสุภาพ ขณะที่ถังเซวี่ยยืนมองจากด้านข้างด้วยความตกตะลึง ทว่าแววตาของเธอยิ่งชื่นชมพี่สาวอย่างมาก
หลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ถังซวงยื่นถุงใบหนึ่งให้กับเฟ่ยไห่ชางแล้วพูดว่า “หัวหน้าเฟ่ยคะ ช่วยเอาถุงนี้มอบให้ลุงของฉันเมื่อคุณกลับถึงเมืองก่างเฉิงด้วยนะคะ เพราะตอนนี้ฉันคงไม่สะดวกเอาของนี้ไปให้เขาด้วยตัวเอง”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว เฟ่ยไห่ชางยกยิ้มก่อนจะตอบว่า “ได้ครับ ไม่มีปัญหา”
จากนั้นถังซวงหยิบขวดแก้วเล็กสองขวดออกมา พลางพูดว่า “นี่คือยาบำรุงสุขภาพสำหรับคุณเฟ่ยนะคะ ทานหนึ่งเม็ดก่อนนอน มันจะดีต่อสุขภาพของคุณ”
หลังได้ยินอย่างนั้น เฟ่ยไห่ชางรีบรับมันไว้อย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณครับท่านผู้นำ”
เขารู้ถึงทักษะการแพทย์ที่ยอดเยี่ยมของถังซวงเป็นอย่างดี และยาบำรุงสุขภาพที่เธอมอบให้ต้องไม่ใช่ของไร้ราคาแน่
พอถังซวงมอบมันให้เฟ่ยไห่ชางแล้ว เธอจึงหยิบขวดยามอบให้กับจิ้นหลงเฟยและเปาลี่ผิงด้วยคนละหนึ่งขวด
หลังถังซวงกลับออกไป จิ้นหลงเฟยถามด้วยความสงสัย “นี่ท่านผู้นำโถงของเรากลายเป็นคนขายยาไปแล้วหรือ? เธอแตกต่างจากคนอื่น ๆ จริง ๆ”
เปาลี่ผิงพยักหน้าเห็นด้วย
เฟ่ยไห่ชางมองพวกเขาสองคนอย่างดูถูก “พวกคุณประเมินความสามารถของท่านผู้นำต่ำเกินไปหรือเปล่า? ถ้าไม่ต้องการ ก็แค่เอามาให้ฉัน”
เมื่อได้ยินอย่างนั้นแล้ว จิ้นหลงเฟยและเปาลี่ผิงกระชับขวดแก้วไว้ในมือแน่น
เฟ่ยไห่ชางที่อยากได้ยาพวกนั้นเอ่ยพูดขึ้นอีกครั้ง “ฉันจะเตือนสิ่งที่ท่านผู้นำมอบให้ล้วนแต่เป็นของดี ควรเก็บมันไว้ให้ดี เอาเถอะ ฉันจะไม่พูดเรื่องนี้ซ้ำอีกแล้ว พรุ่งนี้ฉันจะออกจากเมืองไห่เฉิงช่วงบ่าย ขอตัวกลับไปเก็บของก่อน”
…
ตอนบ่าย เฟ่ยไห่ชางออกจากเมืองไห่เฉิง
ส่วนถังซวงและถังเซวี่ยก็เก็บข้าวของด้วยเช่นกัน เพราะพรุ่งนี้เช้าพวกเธอจะเดินทางกลับบ้าน
ทว่าโม่เจ๋อหยวนมาถึงก่อนที่ถังซวงและถังเซวี่ยจะกลับไปเสียอีก “ซวงเอ๋อร์ เก็บของกันเสร็จแล้วหรือ?”
เมื่อโม่เจ๋อหยวนเข้ามา ถังซวงยิ้มแล้วพูดว่า “ค่ะ เก็บเสร็จแล้ว”
“งั้นเดี๋ยวฉันไปส่งที่สถานี”
ถังเซวี่ยที่เห็นว่าโม่เจ๋อหยวนเดินตามพี่สาวของตนต้อย ๆ เด็กสาวก็คิดในใจว่าความรู้สึกก่อนหน้านี้ของเธอเป็นความจริง
เพราะโม่เจ๋อหยวนปฏิบัติกับเธอแตกต่างจากพี่สาวโดยสิ้นเชิง และเมื่อมองดูภาพชายหนุ่มกับหญิงสาวหน้าตาดีตรงหน้า เธอก็รู้สึกว่าบรรยากาศโดยรอบมันดูสดใสขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น ทั้งสองดูเข้ากันได้ดี และการยืนคู่กันอย่างนี้ไม่ต่างอะไรจากภาพวาดในนิยายรักพวกนั้นเลย
แต่ทันทีที่ทั้งสามเดินออกจากที่พัก พวกเขาก็ได้พบกับเฟิงเยี่ยหาน
ถังเซวี่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นเขาที่นี่
“สหายเฟิง มาทำอะไรที่นี่หรือคะ?”
“ผมมาส่งน่ะ” เฟิงเยี่ยหานพูดกับเด็กสาว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองโม่เจ๋อหยวนอย่างสงสัยในสถานะของชายตรงหน้า อีกฝ่ายดูโดดเด่นทั้งรูปร่าง หน้าตา และความสง่างาม เฟิงเยี่ยหานไม่รู้เลยว่าความสัมพันธ์ของเขากับถังเซวี่ยคืออะไร
ทว่าถังเซวี่ยประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงเยี่ยหาน
“สหายเฟิง ฉันไม่คิดว่าคุณจะมาส่งฉันด้วย ขอบคุณมากนะคะ”
เฟิงเยี่ยหานโบกมือพร้อมพูดว่า “เรื่องนี้เทียบไม่ได้กับที่คุณถังเซวี่ยช่วยผมหรอก กำลังจะไปสถานีรถไฟใช่ไหม เดี๋ยวผมไปส่งเอง”
โม่เจ๋อหยวนขมวดคิ้วขณะมองเฟิงเยี่ยหานที่จู่ ๆ ก็มายืนอยู่ตรงหน้า และสงสัยว่าเสี่ยวเซวี่ยรู้จักคนคนนี้ได้อย่างไร
ทว่าถังซวงกล่าวแนะนำเขาจากด้านข้าง ก่อนจะหันมองเฟิงเยี่ยหานแล้วพูดว่า “สหายเฟิง เรามีคนไปส่งแล้ว ไม่ขอรบกวนคุณหรอกค่ะ”
เฟิงเยี่ยหานหันมองถังซวงและข้าวของของพวกเธอก่อนจะพูดว่า “มันคงไม่สะดวกมากที่คุณจะไปกันอย่างนี้ ให้ผมไปส่งดีกว่าครับ ไม่อย่างนั้นคงถือของจนมือเจ็บแน่ ๆ”
ถังซวงมองของหลายอย่างในมือของโม่เจ๋อหยวน ก่อนจะลังเลว่าควรเอามันขึ้นรถเฟิงเยี่ยหานดีไหม จิ้นหลงเฟยและคนอื่น ๆ ได้เตรียมสิ่งของพวกนี้เอาไว้ และเธอก็ไม่คิดเช่นกันว่ามันจะเยอะขนาดนี้
เวลานี้ถังเซวี่ยกลับพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “อ้อ อย่างนั้นฉันขอรบกวนคุณแล้วกันค่ะ”
หลังได้ยินน้องสาวตอบตกลง ถังซวงจึงพยักหน้ารับ
ทั้งหมดจึงเดินทางมาถึงสถานีรถไฟอย่างรวดเร็ว
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ถ้าถึงบ้านแล้วบอกฉันด้วยนะ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะพี่โม่ ถ้าถึงบ้านแล้วฉันจะโทรหานะ”
หลังจากนั้นเฟิงเยี่ยหานก็บอกลาถังเซวี่ยเช่นกัน “คุณถังเซวี่ย หวังว่าเราจะได้พบกันอีกนะครับ”
แต่ถังเซวี่ยกลับรู้สึกว่าเธอจะไม่ได้พบกับเขาอีก จึงโบกมือแล้วพูดว่า “ลาก่อนค่ะ”
หลังส่งพี่น้องทั้งสองขึ้นรถไฟ จนกระทั่งรถไฟเคลื่อนตัวออกจากชานชาลา ไม่นานโม่เจ๋อหยวนและเฟิงเยี่ยหานก็หันหลังกลับ สายตาของทั้งสองสบกันอย่างไม่ได้ตั้งใจ
เวลานี้พวกเขาผละตัวออกห่างจากกันอย่างรวดเร็ว ความอบอุ่นที่เคยมีเมื่ออยู่ต่อหน้าถังซวงและถังเซวี่ยพลันเลือนหายไปหมดสิ้น ทั้งคู่เผยความเย็นชาสุดขั้วของตนเองออกมาก่อนจะแยกย้ายกันไปอย่างรวดเร็ว