การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 271 ออกข่าว
บทที่ 271 ออกข่าว
บทที่ 271 ออกข่าว
เมืองไห่เฉิงไม่ได้อยู่ห่างจากเมืองเวิงชานในมณฑลเจียงมากนัก เพราะอย่างนั้นทั้งสองพี่น้องจึงมาถึงในช่วงบ่ายของวัน
ด้านนอกสถานีรถไฟ จิงเจ้อหรงยืนรออยู่ที่นั่น เมื่อเห็นว่าทั้งสองสาวกลับมาแล้ว เขารีบก้าวไปด้านหน้าด้วยรอยยิ้ม
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย คืนนี้พักในเมืองก่อนค่อยเดินทางกลับพรุ่งนี้เช้าละกัน ทุกอย่างเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว อาหารเย็นก็เรียบร้อยแล้วเช่นกัน”
เมื่อเห็นจิงเจ้อหรงเข้ามาใกล้ ถังซวงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ลุงจิงคะ ลุงคงยุ่งมาก ไม่จำเป็นต้องมารับพวกเราก็ได้นะคะ ฉันกับเสี่ยวเซวี่ยกลับกันเองก็ได้”
“จะไม่มารับได้ยังไงล่ะ พ่อที่ไหนจะไม่มารับลูกสาวกลับบ้านกัน”
เวลานี้จิงเจ้อหรงถือว่าถังซวงและถังเซวี่ยเป็นลูกสาวของเขาโดยสมบูรณ์แล้ว และความจริงที่ว่าเขาอายุไม่มากแต่ถ้าเขาแต่งงานในช่วงวัยรุ่น ลูก ๆ ของเขาก็คงอายุประมาณเท่านี้
เมื่อถังเซวี่ยได้ยินคำพูดของจิงเจ้อหรง แววตาของเธอเป็นประกาย ก่อนจะก้าวไปด้านหน้าอย่างลืมตัว
เธอพลางคว้าแขนของเขาเอาไว้พร้อมพูดขึ้นว่า “ลุงจิง งั้นรีบไปกันเถอะค่ะ อาหารบนรถไฟไม่อร่อยเลย”
จิงเจ้อหรงรู้ว่าถังเซวี่ยยอมรับตนแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาใกล้ชิดกันมากขนาดนี้ จนเขาถึงกับรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็รู้สึกว่าถังเซวี่ยเป็นลูกสาวที่บอบบางและน่าถนุถนอมจริง ๆ การได้ใกล้ชิดแบบนี้ทำให้เขามีความสุขมาก
“อืม งั้นเรากลับบ้านกันเถอะ”
ส่วนถังซวงไม่ได้พูดอะไร เพราะเธอรู้ดีว่าเสี่ยวเซวี่ยโหยหาความรักจากพ่อมากแค่ไหน อีกทั้งการได้พบเจอกับถังเจี้ยนกั๋วที่เมืองไห่เฉิงคงยิ่งทำให้เสี่ยวเซวี่ยสับสนไม่น้อย เธออาจจะต้องการความมั่นใจ การเอาใจใส่และความรักจากครอบครัวมากที่สุด
เหรินอวี่รอในรถอยู่นาน เมื่อเห็นจิงเจ้อหรง ถังซวง และถังเซวี่ยเดินมา เขาก็ลงจากรถพร้อมกับเปิดประตูให้
เมื่อทั้งหมดมาถึงบ้าน พวกเขาเห็นว่าเฮ่อหลานยืนรออยู่หน้าประตูแล้ว
แต่เมื่อจิงเจ้อหรงที่เห็นเฮ่อหลานอยู่ที่นี่ เขาเผยสีหน้าประหลาดใจ “อาหลาน คุณบอกว่าช่วงนี้ยุ่งจนไม่น่าจะมีเวลามาที่นี่ไม่ใช่หรือครับ? ทำไมถึงมาได้ล่ะ”
“ก็ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยกลับมาทั้งที ฉันอยากมารับลูก ๆ น่ะ เลยรีบจัดการเรื่องที่ยุ่ง ๆ ให้เสร็จเร็วก่อนกำหนด”
จิงเจ้อหรงที่ไม่เจอเฮ่อหลานเสียนาน เมื่อเห็นอีกฝ่ายยืนอยู่ตรงหน้า เขายิ้มออกมาอย่างยินดี และเดินเข้าไปหาเฮ่อหลาน
“อาหลาน คุณเหนื่อยมากไหม เอาเถอะ เดี๋ยวผมให้คนไปทำซุปไก่มาให้นะ คุณกับลูก ๆ จะได้ทานพร้อมกัน”
ทว่าเฮ่อหลานกลับรีบโบกมือพร้อมตอบกลับว่า “ไม่เป็นไรค่ะ กินเท่าที่มีอยู่นี่แหละ ไม่ต้องลำบากหรอก”
“มันไม่ลำบากเลย ตราบใดที่คุณได้กิน ผมก็มีความสุข”
ขณะมองแผ่นหลังของจิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานที่กำลังเดินอยู่ด้านหน้า ถังเซวี่ยก็หัวเราะคิกคักแล้วหันไปหาถังซวง “พี่คะ ตอนนี้ฉันมีความสุขมากจริง ๆ ดูแม่สิ ฉันไม่เคยเห็นแม่ยิ้มอย่างนี้มาก่อนเลย ลุงจิงน่ารักมาก เขาได้ใจแม่ของเราไปหมดแล้ว”
หลังได้พบเฮ่อหลาน จิงเจ้อหรงก็มีแต่เธอในสายตาเพียงคนเดียวเท่านั้น
เมื่อถังซวงได้ยินอย่างนั้น เธอยกยิ้มแล้วพูดว่า “ใช่ ลุงจิงเป็นคนดีมาก เขากับแม่เราเหมาะสมกันจริง ๆ นั่นแหละ เอาเถอะ เสี่ยวเซวี่ยเราก็เข้าไปด้านในดีกว่า”
เพราะการมาเยือนของเฮ่อหลาน บรรยากาศในบ้านจึงเต็มไปด้วยความอบอุ่น
หลังจากครอบครัวรับประทานมื้อเย็นแล้ว เฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงก็นั่งพูดคุยกันสัพเพเหระ เพราะทั้งสองไม่ได้เจอกันนานเลยมีเรื่องให้พูดคุยกันมากมาย
ถังซวงเองก็จะออกไปหาผู้เฒ่าฉีสักหน่อย หลังจากบอกกล่าวกับครอบครัวแล้ว เธอก็ออกจากบ้านทันที
เมื่อเห็นว่าถังซวงมาหา ผู้เฒ่าฉีรีบกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “สาวน้อยซวง มาได้ยังไงกัน? แล้วนี่มาหาฉันงั้นหรือ?”
“ค่ะผู้เฒ่าฉี ฉันมาตรวจชีพจรให้คุณ แล้วก็มีเรื่องราวของโถงยี่ชีจะพูดคุยด้วยค่ะ”
เมื่อเห็นว่าถังซวงกล่าวถึงโถงยี่ชีก่อน แววตาของผู้เฒ่าฉีเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะรีบตอบว่า “ได้สิ งั้นเรามาคุยกันเถอะ”
ถังซวงเริ่มตรวจชีพจรของผู้เฒ่าฉีก่อน จากนั้นพยักหน้าด้วยความพอใจก่อนจะพูดว่า “ดูเหมือนว่าผู้เฒ่าฉีจะกินยาตรงเวลานะคะ ร่างกายของคุณดีขึ้นมากค่ะ”
ผู้เฒ่าฉีเงยหน้าขึ้นด้วยความดีใจก่อนจะตอบว่า “แน่นอน ฉันเชื่อฟังเธออยู่แล้ว”
หลังได้ยินคำพูดของผู้เฒ่าฉีแล้ว ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา ก่อนจะเริ่มเล่าให้เขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้นในเมืองไห่เฉิงบ้าง
“เฟ่ยไห่ชางกับเปาลี่ผิงมีความคิดที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว และจิ้นหลงเฟยก็มีส่วนร่วมด้วยไม่น้อย หลังจากพวกเขาเตรียมการเสร็จ เราน่าจะสร้างการขนส่งสินค้าระหว่างเมืองสำเร็จ และในอนาคตมันจะต้องสะดวกมากแน่ค่ะ”
“อืม ดี ๆ”
ผู้เฒ่าฉีมองถังซวงด้วยความชื่นชม “สาวน้อยซวง ฉันรู้ว่าฉันสามารถเชื่อใจเธอได้ ฉันเลยวางใจที่จะส่งต่อโถงยี่ชีให้กับเธอ ถ้าเธอเข้ามาควบคุมโถงยี่ชีได้ทั้งหมด ชายชราผู้นี้ก็คงสบายใจได้จริง ๆ เสียที”
“ค่ะผู้เฒ่าฉี ฉันจะค่อย ๆ จัดการทุกอย่าง”
ถังซวงรับปากอย่างมั่นใจ เพราะเธอยอมรับตำแหน่งในโถงยี่ชีแล้ว เธอจึงต้องรับผิดชอบทุกอย่างที่เกี่ยวข้องให้ดี
เมื่อได้ยินถังซวงพูดอย่างนั้น ผู้เฒ่าฉีก็หัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
“ก็ได้ ฉันจะรอจนกว่าจะถึงวันที่ฉันจะได้วางมือนะ”
ถังซวงพูดคุยกับผู้เฒ่าฉีสักพัก จากนั้นจึงถามหาเฉินกวงหยาง “ช่วงนี้พี่เฉินยุ่งหรือคะ? ฉันไม่เจอเขาเลย”
เมื่อพูดถึงเฉินกวงหยาง ผู้เฒ่าฉียกยิ้มก่อนจะตอบว่า “ตอนนี้เขากำลังยุ่งมากจริง ๆ นั่นแหละ ฉันมอบหมายให้เขาทำบางอย่าง ต่อไปในอนาคตเธอก็สามารถฝากงานไว้กับเขาได้”
ถังซวงพยักหน้ารับ หลังจากพูดคุยกันอีกสักพัก เธอก็ขอตัวกลับ
วันถัดมา เฮ่อหลานไม่ยอมให้จิงเจ้อหรงตามอีกต่อไป เพราะเธอรู้ดีว่าเขาก็ยุ่งมากเช่นกัน ดังนั้นเธอเลยกลับไปที่หมู่บ้านเถาฮวาพร้อมกับลูกสาวสองคน
เมื่อกลับไปถึง หลี่จงอี้ก็มีความสุขมากที่เห็นว่าสองพี่น้องกลับมาแล้ว
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ฉันคิดถึงพวกเธอมากเลยละ”
“คุณปู่คะ หลังจากนี้เราจะได้อยู่ด้วยกันอีกนานเลยค่ะ”
ถังซวงและถังเซวี่ยก็ดีใจที่ได้เห็นหลี่จงอี้ด้วยเช่นกัน อย่างไรแล้วการอยู่บ้านย่อมดีกว่าการออกไปข้างนอกเป็นไหน ๆ
“เอาเถอะ ก่อนโรงเรียนจะเปิด พวกเธอควรจะอยู่ที่บ้านสิถึงจะถูก” หลี่จงอี้ยกยิ้ม ก่อนจะเอ่ยถามถึงโม่เจ๋อหยวน “แล้วเสี่ยวโม่ยังสบายดีไหม?”
“ พี่โม่สบายดีค่ะ คุณปู่ไม่ต้องห่วง”
“อืม อย่างนั้นก็ดีแล้วแหละ”
ส่วนซูเหนียนอวิ๋นและเก่อชิงเหมยที่อยู่ด้านข้างก็คิดถึงทั้งสองสาวไม่ต่างกัน เมื่อเห็นว่าทั้งสองกลับมาแล้ว เธอจึงดึงสองพี่น้องมาใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ไปเที่ยวเมืองไห่เฉิงมาสนุกไหม?”
“สนุกมากค่ะ ฉันกับพี่สาวไปหาพี่โม่ แล้วเราได้ไปกินอาหารเย็นที่ภัตราคารตะวันตกด้วย แล้วก็ยังมีร้านอาหารที่มีอาหารกับของว่างอร่อย ๆ เยอะแยะเลยค่ะ” ถังเซวี่ยเล่าเรื่องราวในเมืองไห่เฉิงอย่างมีความสุข แต่เรื่องที่ได้ไปเจอถังเจี้ยนกั๋วกลับถูกละเว้น
หลังถังซวงและถังเซวี่ยกลับมา พวกเธอก็ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขในหมู่บ้านเถาฮวา
หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน โม่เจ๋อหยวนก็ยังไม่กลับมา ทว่าก็มีข่าวของเขาปรากฏในหนังสือพิมพ์
‘หลังจากที่อัจฉริยะด้านเทคโนโลยี โม่เจ๋อหยวน ได้ค้นคว้าอย่างหนัก ในที่สุดเขาก็สามารถพัฒนาส่วนประกอบสำคัญ ที่ทำให้พวกเราสามารถผลิตโทรทัศน์จอสีได้แล้ว’
ข่าวใหญ่ของโทรทัศน์จอสีคราวนี้ ทำให้ชื่อของโม่เจ๋อหยวนโด่งดังขึ้นมาอีกครั้ง