การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 273 เหตุผล
บทที่ 273 เหตุผล
บทที่ 273 เหตุผล
เมื่อถังซวงได้ยินคำพูดของถังเซวี่ยแล้ว เธอเอ่ยถามออกไปอย่างอดไม่ได้ว่า “แล้วทำไมคนพวกนั้นถึงไม่ได้มาโรงเรียนล่ะ?”
“อาจารย์บอกว่าเป็นเพราะปัญหาในครอบครัวค่ะ ครอบครัวในชนบทส่วนใหญ่ไม่สนับสนุนให้ผู้หญิงเรียนหนังสือ แต่ว่านะ มีเด็กคนหนึ่งมีผลการเรียนที่ดีมาก แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ได้เรียนต่อ ก่อนหน้านี้เธอดีกับฉันมากด้วยค่ะ”
เมื่อเห็นใบหน้าหดหู่ของถังเซวี่ยแล้ว ถังซวงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามอีกว่า “เธออยากให้เด็กคนนั้นกลับมาเรียนหรือ?”
“ค่ะ ฉันอยากให้พวกเขากลับมาเรียน โดยเฉพาะจี้อิง คะแนนของเธอดีมาก แต่ครอบครัวของเธอลำบาก ฉันได้ยินว่าแม่ของเธอมีลูกห้าคน เป็นลูกชายคนสุดท้องหนึ่งคน แล้วจี้อิงเป็นลูกสาวคนสุดท้าย ผู้หญิงทั้งสี่คนในครอบครัวลำบากมาก เพราะน้องชายสำคัญมากที่สุดในบ้าน”
ทว่าถังซวงไม่แปลกใจกับเรื่องนี้นัก
สิ่งที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของจี้อิงถือป็นเรื่องปกติมากในชนบท พวกเขายอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะมีลูกชาย และพวกเขายอมคลอดลูกหลายครั้งเพื่อจะให้กำเนิดลูกชาย แต่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่เธอเคยได้ยินคือบางครอบครัวให้กำเนิดบุตรสาวกว่าสิบคน และเหตุผลที่จะทำให้พวกเขาหยุดคลอดลูกก็คือเมื่อไร้ลมหายใจเท่านั้น
เมื่อเห็นถังเซวี่ยเศร้า ถังซวงจึงพูดออกไปว่า “ถ้าอยากให้พวกเขากลับมาเรียน เธอก็ลองไปถามพวกเขาดูว่าอยากเรียนต่อไหม ถ้าพวกเขาอยาก แต่มีปัญหาเรื่องเงิน เธอก็ให้พวกเขายืมเงินได้ แต่จำไว้ว่าต้องให้ยืมเท่านั้น ห้ามให้เปล่า ๆ โดยเด็ดขาด”
ข้าวหนึ่งถุงทำให้คนซาบซึ้ง ข้าวหนึ่งกระสอบทำให้คนเคียดแค้น*[1] เมื่อให้ความช่วยเหลือเล็กน้อยกับคนที่กำลังลำบาก เขาจะซาบซึ้ง แต่หากช่วยเขามากเกินไปจนเขาพึ่งพาคุณ เมื่อคุณหยุดให้ความช่วยเหลือ เขาจะโกรธเกลียด
เมื่อถังเซวี่ยได้ยินคำพูดของถังซวง เธอยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “จริงด้วย ฉันไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย เอาเถอะ พรุ่งนี้เป็นวันหยุด ฉันจะไปถามพวกเขาดูค่ะ”
เมื่อเห็นว่าถังเซวี่ยกลับมายิ้มแย้มอีกครั้งแล้ว ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ในเมื่อเธอเป็นห่วงพวกเขามาก อย่างนั้นฉันจะไปด้วย”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันไปเองได้ เด็กพวกนั้นมาจากหมู่บ้านใกล้ ๆ พวกเราสนิทกันมากค่ะ”
“แน่ใจนะ?”
ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างรีบร้อนก่อนจะพูดว่า “พี่ไม่ต้องไปด้วยหรอก ฉันไปคนเดียวได้” เธอรู้ดีว่าพี่สาวของตนยุ่งมาก อีกฝ่ายเอาแต่อยู่ในห้องปรุงยาทั้งวัน และยังต้องค้นคว้ายาตัวใหม่ด้วย เธอจึงไม่คิดรบกวนพี่ของตนด้วยเรื่องเหล่านี้
“งั้นพรุ่งนี้ก็รีบไปแล้วรีบกลับนะ”
ช่วงนี้ถังซวงยุ่งมาก หลังจากมอบใบสั่งยาให้กับเจียงหงเหลียงไปสองชนิด เธอก็คิดจะค้นคว้ายาใหม่ ๆ ต่อ แต่ถึงอย่างนั้นด้วยเพราะเธอเป็นพี่และยังมีความกังวลเล็กน้อย หญิงสาวจึงพูดขึ้นว่า “ไม่ดีกว่า ฉันจะไปด้วย”
ถังเซวี่ยรีบโบกมืออย่างรวดเร็ว “พี่คะ ไม่เป็นไรจริง ๆ ฉันจะกินยาป้องกันตัวที่พี่เคยให้ไว้ ไม่ต้องกลัวนะคะ ก็ยาพวกนั้นใช้ได้ผลกับคนจำนวนมากไม่ใช่หรือ?”
“อย่างนั้นก็ได้ ระวังตัวด้วยนะ”
วันรุ่งขึ้น ถังเซวี่ยออกจากบ้านตั้งแต่เช้า เธอตรงไปยังหมู่บ้านที่ใกล้ที่สุดสองหมู่บ้าน น่าเสียดายที่แม้ว่าเธอจะสามารถให้ยืมเงินได้ แต่ทั้งสองก็ไม่ต้องการจะเรียนต่อ
“ถังเซวี่ย ฉันรู้ว่าเธอมีเจตนาที่ดี แต่คะแนนของฉันไม่ได้ดีนัก มันไม่มีประโยชน์ที่จะเรียนต่อ ถึงฉันจะเรียนจบมัธยมต้นได้ แต่มันก็ไม่มีประโยชน์หรอก พวกเราเป็นแค่ชาวไร่ชาวนา ไม่สามารถเข้าไปทำงานในโรงงานได้ สุดท้ายก็ต้องกลับมาทำนาอยู่ดี… หยุดเรียนเสียตั้งแต่ตอนนี้ ยังสามารถทำให้ครอบครัวประหยัดเงินได้”
ถังเซวี่ยเคยไม่มีโอกาสที่จะได้เล่าเรียนมาก่อน แต่ตอนนี้เธอมาที่นี่เพื่อให้โอกาสอีกฝ่าย แต่พวกเขากลับไม่คิดจะคว้ามันเอาไว้ “แต่ว่า…”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ถังเซวี่ยจะทันได้พูดต่อ หญิงสาวตรงหน้าก็พูดขึ้นว่า “พอแล้วละสหายถัง ฉันจะไม่กลับไปเรียนต่อเด็ดขาด ยังไงก็ไม่มีประโยชน์ อีกอย่างพวกฉันคงไม่มีสิทธิ์จะสอบเข้าเรียนแล้ว เด็กชนบทอย่างพวกฉันเรียนไปก็เปล่าประโยชน์”
“จะไร้ประโยชน์ได้ยังไง? เราศึกษาเล่าเรียนมาตั้งมากมาย อีกทั้งความรู้ทั้งหมดก็อยู่ในหัวของเราเอง ไม่ต้อง…” หญิงสาวขัดจังหวะถังเซวี่ยอีกครั้งพร้อมปฏิเสธอย่างหนักแน่น ทว่าก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในบ้านพร้อมปิดประตูลงกลอน
เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว ถังเซวี่ยทำได้เพียงส่ายศีรษะแล้วเดินออกมา
เช่นเดียวกับเด็กหญิงอีกคนหนึ่ง แม้เธอจะไม่อยากไปโรงเรียน แต่เธอกลับถามถังเซวี่ยว่าจะให้เธอยืมเงินได้เท่าไหร่ “สหายถัง ฉันขอยืมเงินเธอได้ไหม? ที่บ้านของเราลำบากมากน่ะ แล้วฉันจะทยอยจ่ายคืนในอีกสองสามปีข้างหน้า”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ความตั้งใจของถังเซวี่ยพลันหายไปทันที เธอเหลือบมองหญิงสาวตรงหน้าและมองเห็นแผนการในใจของหล่อนทั้งหมด เธอจึงหันหลังและเดินออกมาทันที
“นี่… ถังเซวี่ย ฉันยังพูดไม่จบเลย”
ทว่าถังเซวี่ยไม่คิดหยุดฝีเท้า เธอเดินออกมาอย่างรวดเร็ว แม้เธอจะไม่ฉลาดเทียบเท่ากับพี่สาวหรือพี่ชายโม่ แต่เธอก็มองอีกฝ่ายออก
หลังจากมาหาหญิงสาวคนที่สามและสี่ พวกหล่อนก็ไม่ต้องการจะเรียนต่อเช่นกัน สุดท้ายถังเซวี่ยมาพบจี้อิง ทว่าเด็กสาวเลิกที่จะคาดหวัง และรู้สึกว่าอีกฝ่ายคงจะตอบกลับมาเหมือนกับคนอื่น ๆ
แต่หลังจากจี้อิงได้ยินคำพูดของถังซวง แววตาที่เคยหดหู่พลันสดใสขึ้นมา เธอมองถังเซวี่ยแล้วเอ่ยถามว่า “เธอจะให้ฉันยืมเงินจริง ๆ หรือ? ฉันจะได้เรียนต่อจริงหรือ?”
เมื่อเห็นความกระตือรือร้นของจี้อิง ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็วแล้วพูดต่อว่า “ใช่ ฉันให้ยืมได้ แล้วค่อยคืนฉันทีหลัง”
“ถ้าฉันมีเงิน ฉันจะได้เรียนหนังสือ และผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ แล้วฉันจะเก็บเงินเอาไปคืนให้เธอแน่”
เมื่อได้ยินคำพูดของจี้อิง ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะมองเธอแล้วถามว่า “เธอหมายถึงอะไร เธอคิดจะกลับไปเรียนไหม?”
“แน่นอน ฉันจะกลับไปเรียน ถ้าฉันเรียนหนังสือยังไงก็ต้องมีอนาคตที่ดี แต่ที่ฉันต้องออกมาก็เพราะน้องชาย ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชะตากรรมของผู้หญิงถึงต้องจบลงที่การแต่งงาน และมีลูกเสมอ ฉันว่าฉันเก่งกว่าเด็กผู้ชายหลาย ๆ คนซะอีก แต่ทำไมฉันกลับต้องทิ้งโอกาสในการเรียนด้วย” ตอนสุดท้ายของประโยค แววตาของจี้อิงเผยความแน่วแน่ออกมา
เมื่อถังเซวี่ยได้ยินคำพูดของจี้อิงแล้ว เธอพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่ ผู้หญิงอย่างพวกเราก็เก่งกาจได้ไม่แพ้กัน”
จี้อิงเป็นผู้หญิงคนสุดท้ายที่ถังเซวี่ยมาหา และเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ต้องการจะเรียนต่อ อารมณ์ที่เคยหดหู่ของเธอจึงเริ่มดีขึ้น “อืม พรุ่งนี้เช้าเราเจอกันที่โรงเรียนนะ แล้วฉันจะเอาเงินมาให้เธอ”
“ตกลง ขอบคุณเธอมากจริง ๆ นะ”
เวลานี้จี้อิงแทบจะอยากให้ถึงวันถัดไปเร็ว ๆ แต่เธอก็พยายามกดกลั้นความตื่นเต้นในตอนนี้ก่อนจะโบกมือลาถังเซวี่ย
ในที่สุดก็มีคนที่ต้องการจะเรียนต่อ นั่นทำให้ถังเซวี่ยอารมณ์ดีขึ้นในทันที เวลานี้เธอกลับมาบ้านและได้พบกับถังซวงที่เพิ่งเดินออกจากห้องปรุงยา “พี่คะ จี้อิงอยากเรียนต่อ ฉันเลยทำตามที่พี่บอกว่าจะให้เธอยืมเงิน พรุ่งนี้เราจะไปพบกันที่โรงเรียนตอนเช้า ฉันจะให้เงินกับเธอค่ะ”
เมื่อเห็นถังเซวี่ยมีความสุข ถังซวงก็ยิ้มพร้อมตอบกลับว่า “จ้ะ ดีแล้ว”
วันรุ่งขึ้น ถังเซวี่ยมาถึงหน้าประตูโรงเรียนก็เห็นจี้อิงยืนรอเธออยู่ที่ประตู “ถังเซวี่ย ทางนี้”