การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 279 เตรียมตัว
บทที่ 279 เตรียมตัว
บทที่ 279 เตรียมตัว
ซูเหนียนอวิ๋นเผยความประหลาดใจหลังจากเห็นรายการสินสอดจากคุณนายจิง
พวกเขาตระเตรียมสิ่งต่าง ๆ ไว้มากมาย ทั้งยังมีของมูลค่าสูง ดูเหมือนว่าตระกูลจิงจะให้ความสำคัญกับการแต่งงานในคราวนี้มาก
เห็นอย่างนั้นแล้วซูเหนียนอวิ๋นพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ คุณนายจิงกล่าวต่อว่า “อาจารย์ซูคะ เราจะส่งของเหล่านี้ให้ก่อนวันแต่งงานนะคะ”
“ค่ะ ให้เป็นไปตามธรรมเนียม”
เมื่อถึงวันแต่งงานของเฮ่อหลาน ผู้เฒ่าเฮ่อทั้งสองไม่สามารถมาได้ จึงให้ครอบครัวของเฮ่อจื่อกุยมาแทน เธอจึงต้องทำหน้าที่เข้ามาพูดคุยกับอาวุโสจากตระกูลจิงแทน
คุณนายจิงได้ยินอย่างนั้นแล้ว เธอรีบพูดอย่างมีความสุข “เอาล่ะ สะใภ้ของฉัน มีอะไรขาดไปบ้างหรือเปล่า? รีบบอกเรามาเถอะ พวกเราจะได้แก้ไขจ้ะ”
ซูเหนียนอวิ๋นส่งรายการสินสอดเหล่านั้นให้กับเฮ่อหลานต่อ
เมื่อเฮ่อหลานเห็นว่ารายการมีสิ่งใดบาง เธอรีบส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า “คุณป้าคะ นี้มันมากเกินไปด้วยไปด้วยซ้ำ ฉันไม่คิดว่ามีอะไรต้องเพิ่มเติมแล้วนะคะ”
ซูเหนียนอวิ๋นอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวแล้วยิ้มออกมาเมื่อเห็นท่าทีจริงใจของลูกศิษย์ตัวเอง
อย่างไรก็ตาม ตระกูลจิงได้มอบสิ่งของมากมายถึงขนาดนี้ เธอก็ไม่อยากพูดอะไรเช่นกัน แต่ยังกล่าวต่อสั้น ๆ ว่า “สินสอดพวกนี้เท่านี้ก็เพียงพอแล้วค่ะ แต่ในมณฑลเจียงยังมีประเพณีบางอย่างที่ต้องสืบทอด เมื่อคุณมาที่นี่อีกครั้งก่อนวันแต่งงาน โปรดเตรียมสิ่งเหล่านี้มาด้วยนะคะ” หลังกล่าวจบ เธอยื่นรายการที่เตรียมเอาไว้ให้
คุณนายจิงหยิบมาดูและเห็นว่ามีไก่ ข้าวเกรียบปากหม้อ อินทผาลัม ถั่วลิสง ลำไย และเม็ดบัว เธอรีบพยักหน้าตอบรับ “ค่ะ พวกเราจะเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้พร้อม”
หลี่จงอี้ได้ดูรายการสินสอดด้วยเช่นกัน เขาจึงพอใจกับท่าทีของตระกูลจิงที่มีต่อเฮ่อหลานมาก
หลังจากนั้นซูเหนียนอวิ๋นร่วมพูดคุยกับคุณนายจิง และหลี่จงอี้ก็พูดคุยกับคุณชายจิง ทั้งสองพูดคุยกันอย่างเป็นกันเองและสนุกสนาน
“โอ้ คุณคือหลี่จงอี้เพื่อนสนิทของโม่หยานซงนี่เอง ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมชื่อของคุณถึงคุ้นหูนัก เราเคยพบกันมาก่อนนี่เอง”
หลี่จงอี้ยิ้มแล้วพยักหน้าเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ครับ เราเคยเจอกันครั้งหนึ่ง แต่มันนานกว่า 30 ปีแล้ว ถ้าคุณไม่พูดผมก็คงลืมไปแล้วล่ะครับ”
เฮ่อหลานเห็นแล้วว่าพวกเขากำลังพูดคุยกันอย่าสนุกสนาน เธอจึงรีบพาเกอชิงเหมยเข้าครัวเพื่อเตรียมมื้อกลางวัน
ซึ่งถังซวงและถังเซวี่ยก็อยากจะเข้าไปช่วย แต่เก่อชิงเหมยกลับไม่ยอมให้ทั้งสองคนเข้ามา “พวกเธอสองคนไปพักผ่อนซะ นั่งคุยกับเจ๋อหยวนไปก่อน ในนี้แค่ป้ากับแม่ก็พอแล้วล่ะจ้ะ”
เห็นอย่างนั้นแล้วเฮ่อหลานยิ้มก่อนจะพูดว่า “ใช่จ้ะ ลูกสองคนออกไปนั่งเล่นข้างนอกเถอะ”
เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้ว ถังซวงและถังเซวี่ยจึงนั่งพูดคุยกับโม่เจ๋อหยวนต่อ
ในครัว เก่อชิงเหมยมองเฮ่อหลานพร้อมยกยิ้ม “อาหลาน ฉันคิดว่าชีวิตการเป็นสะใภ้ของเธอในอนาคตต้องมีความสุขมากแน่เลย เห็นอย่างนี้ฉันกับอาจารย์ค่อยสบายใจหน่อย”
ใบหน้าของเฮ่อหลานแดงก่ำ ก่อนจะตอบกลับว่า “ค่ะ คุณชาย จิงกับคุณนายจิงเป็นคนดีมาก พี่สะใภ้สองคนของอาเจ้อก็เป็นคนดี”
“อย่างนั้นก็ดีแล้ว”
เก่อชิงเหมยกำลังพูดคุยขณะทำอาหาร แต่ทันใดเธอรู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อย น้องสาวของเธอกำลังจะแต่งงาน และในอนาคตคงจะไม่ได้พบเจอกันบ่อยเหมือนเดิม
แม้ในตอนแรกเฮ่อหลานจะไม่รู้สึกอะไร แต่เมื่อสัมผัสได้ว่า เก่อชิงเหมยดูหดหู่ เธอจึงรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังเสียใจ เลยรีบพูดขึ้นว่า “พี่คะ ฉันจะมาเยี่ยมพี่บ่อย ๆ นะ แต่จริง ๆ แล้วพี่กับอาจารย์สามารถมาอยู่ที่นี่เลยก็ได้นะคะ ส่วนฉันจะหาผู้จัดการที่ไว้ใจได้ไปดูแลโรงงานเย็บปักให้เอง”
เหตุผลที่เธอสร้างโรงงานเย็บปักในหมู่บ้านเถาฮวาเพราะความสัมพันธ์ของคนหมู่บ้านเถาฮวาค่อนข้างแน่นแฟ้น เพราะยังไงโรงงานนี้คือทรัพย์สินของหมู่บ้านเถาฮวามิใช่ของส่วนตัวของใคร เวลานี้เธอสร้างมันเสร็จแล้ว และเธอสามารถส่งต่อมันให้กับหลิวเหลียงไคหรือคนอื่น ๆ ได้
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เก่อชิงเหมยส่ายศีรษะพร้อมกับพูดว่า “ฉันกับอาจารย์ไม่มาอยู่ทีเมืองหลวงหรอก เราคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตที่นั่นแล้ว แถมเราก็ชอบบรรยากาศในหมู่บ้านมากกว่า แต่ถ้าในอนาคตเธอมีเวลาไปเยี่ยมพวกเราได้ที่นั่นบ้างนะ”
เฮ่อหลานพยักหน้ารับในทันที “ค่ะ ฉันจะกลับไปเยี่ยมแน่นอน”
ทั้งสองคนทำอาหารพร้อมกับพูดคุยกันไปอย่างสนุกสนาน ก่อนสิบเอ็ดโมง อาหารหรูหราเรียงรายอยู่เต็มโต๊ะ
“โอ้… ฝีมือของอาหลานและชิงเหมยนี่ดีจริง ๆ กลิ่นหอมน่าทานมาก”
เฮ่อหลานรีบชวนทันที “อย่างนั้นคุณลุงกับคุณป้านั่งลงก่อนค่ะ”
หลังจากรับประทานมื้อกลางวันเสร็จแล้ว จิงเจ้อหรงก็ไปส่งคุณชายจิงกับคุณนายจิงกลับ ส่วนซูเหนียนอวิ๋นกำลังพูดคุยกับหลี่จงอี้เกี่ยวกับเรื่องสินสอด
เห็นอย่างนั้นแล้ว ส่วนเก่อชิงเหมยพูดความเห็นขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรผิดปกติ ถังซวงจึงหันมองโม่เจ๋อหยวนแล้วถามว่า “มีที่ไหนในเมืองหลวงขายของตกแต่งบ้างคะ? ฉันอยากซื้อของตกแต่งบ้านสักหน่อย อยากฉลองที่แม่แต่งงานน่ะ”
ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่ ฉันอยากให้บ้านสวย ๆ”
โม่เจ๋อหยวนพยายามนึก จากนั้นก็พาถังซวงและถังเซวี่ยออกไป
แม้โม่เจ๋อหยวนจะไม่ได้อยู่ที่เมืองหลวงนานแล้ว แต่เขาก็เป็นคนท้องถิ่นและค่อนข้างคุ้นเคยกับพื้นที่มากกว่า เขาเลยอาสาพาถังซวงและถังเซวี่ยออกไปซื้อของ
“พี่คะ เรากลับกันเถอะค่ะ”
ถังเซวี่ยอยากจะกลับไปตกแต่งบ้านทันทีที่ได้ของที่ต้องการ
เมื่อทั้งสามมาถึงบ้าน พวกเขาเห็นว่าครอบครัวของเฮ่อจื่อกุยมาถึงแล้ว “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย กลับมาแล้วเหรอ พี่เจียรุ่ยถามถึงลูกตลอดทั้งบ่ายเลยจ้ะ”
ถังซวงและถังเซวี่ยดีใจมากที่ได้พบพวกเขาอีกครั้ง
“คุณลุง คุณป้า ทำไมมาถึงเร็วจังเลยคะ”
เฮ่อจื่อกุยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “อาหลานกำลังจะแต่งงานทั้งที เราถึงมาที่นี่ก่อนเวลาเพื่อช่วยเตรียมตัวน่ะ”
พานลี่ฮวาดึงเฮ่อหลานเข้ามาใกล้ก่อนจะพูดว่า “การแต่งงานคือเรื่องใหญ่ เราจะต้องไม่พลาดเด็ดขาด”
“ขอบคุณค่ะ พี่สะใภ้คงต้องทำงานหนักแล้ว”
ส่วนเฮ่อจื่อกุยและลูกชายที่คุ้นเคยกับหลี่จงอี้เป็นอย่างดี ก็พูดคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เมื่อกล่าวถึงเรื่องของอาวุโส เฮ่อจื่อกุยมองเฮ่อหลานด้วยความลำบากใจก่อนจะเล่าว่า “พ่อกับแม่อยากจะมาที่นี่เหมือนกัน ถึงสถานการณ์ที่ฝั่งนั้นจะผ่อนคลายลง แต่พ่อได้ไตร่ตรองเรื่องสถานการณ์ครอบครัวของสามีเธอแล้ว เขาเลยกลัวจะมีผลกระทบตามมาภายหลัง ก็เลยไม่ได้มาด้วยน่ะ”
เฮ่อหลานรีบตอบทันที “ไม่เป็นไรเลยค่ะ เมืองหลวงกับก่างเฉิง อยู่ไกลกันมาก ฉันกลัวว่าพวกเขาจะไม่สามารถเดินทางนาน ๆ แค่นี้ฉันก็มีความสุขมากแล้วค่ะ ที่ครอบครัวของฉันอยู่ที่นี่พร้อมหน้าพร้อมตา”
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานไม่ติดใจ เฮ่อจื่อกุยก็โล่งอก ก่อนจะหยิบสินสอดทองหมั้นที่อาวุโสจากตระกูลเฮ่อเตรียมไว้ให้ “อาหลาน แม้ผู้อาวุโสของเธอจะไม่ได้มาร่วมงาน แต่พวกเขาก็เตรียมสินสอดไว้มากมายแล้ว ต่อให้เธอต้องแต่งงานกับครอบครัวใหญ่อย่างตระกูลจิง เราก็ไม่ต้องอับอายนะ”