การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 28 สมเหตุสมผล
บทที่ 28 สมเหตุสมผล
บทที่ 28 สมเหตุสมผล
หลี่จงอี้อดหัวเราะไม่ได้เมื่อเขาได้ยินคำพูดของถังซวง
“เด็กคนนี้ หน้าใหญ่ไม่เบานะ”
ถังซวงแตะใบหน้าเล็ก ๆ ของเธอ เลิกคิ้วแล้วพูดว่า “ไม่นะคะ หนูไม่ได้มีใบหน้าที่ใหญ่เลย แต่รอจนกว่าหนูจะโตกว่านี้ หนูต้องเป็นสาวงามแน่นอน” เธอเคยมองใบหน้าของตัวเองแบบชัด ๆ มาแล้ว ใบหน้าของเธองดงามจริง ๆ ตราบใดที่อาหารการกินสามารถเยียวยาได้ และมียาที่ช่วยฟื้นฟูร่างกายที่บกพร่องของเธอ เธอสามารถเติบโตได้อย่างดีแน่นอน และต้องสวยกว่านี้แน่ในอนาคต
“ฮ่าฮ่าฮ่า…”
เมื่อเห็นความหลงตัวเองของถังซวง หลี่จงอี้ก็หัวเราะอีกครั้ง เขารู้สึกว่าเขาชอบเด็กหญิงคนนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ เธอไม่เพียงแต่ฉลาด แต่ยังตรงไปตรงมามาก เข้ากับเขาได้ดีทีเดียว แต่หลังจากหัวเราะ เขาก็พูดเข้าประเด็นอีกครั้ง “เกี่ยวกับเรื่องของหลี่เต๋อซิน ปล่อยให้ฉันจัดการเอง คนเลวแบบนี้ควรถูกลงโทษ”
ถังซวงมองไปที่หลี่จงอี้อย่างสงสัยและถามว่า “คุณปู่ คุณจะทำอะไรคะ คุณไม่ต้องการให้หนูช่วยจริง ๆ เหรอ?”
“สาวน้อยเธอไม่เชื่อฉันรึ? ไม่ต้องกังวลไป ทุกอย่างจะเรียบร้อยในอีกไม่เกินสองวัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้าและพูดว่า “ตกลงค่ะคุณปู่ งั้นจากนี้ไปหนูจะไม่สนใจเรื่องนี้แล้ว แต่คุณต้องการให้หนูพูดอะไรกับหลี่ต้าหยาไหมคะ?”
“ไม่ต้อง ฉันจะติดต่อเธอเอง”
“ตกลงค่ะ”
ถังซวงคุยกับหลี่จงอี้สักพักแล้วก็กลับไป
หลังจากถังซวงกลับถึงบ้าน เธอก็คุยเรื่องหลี่จงอี้ให้เฮ่อหลานฟัง เฮ่อหลานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้ “นี่… ลูกรู้จักกับคุณปู่คนนั้นเหรอ? งั้นเชิญเขามาที่บ้านเราไหม จะได้รู้จักกันอย่างเป็นทางการ แบบนี้น่าจะดีกว่านะ”
“แค่นี้ยังไม่รู้จักกันอีกเหรอคะ?”
เฮ่อหลานเหลือบไปมองลูกสาวคนโตและพูดว่า “ในเมื่อลูกต้องการรู้จักใครเป็นญาติ ลูกต้องเป็นทางการมากกว่านี้ เรียกห้วน ๆ แบบนั้นมันดูไม่เหมาะสม มันธรรมดาเกินไป”
“แล้ว…ทำไมครั้งหน้าแม่ไม่ไปเยี่ยมเขาด้วยกันล่ะคะ?”
เฮ่อหลานพยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “ก็ควรจะเป็นอย่างนั้น” ในตอนท้าย เธอก็เริ่มคิดว่าจะซื้ออะไรดี “ซวงเอ๋อร์ แม่จะเตรียมของฝากให้ญาติของเรานะ แต่แม่จะดูวันก่อนว่าจะไปวันไหนดี แล้วก็ต้องเลือกเวลาตอนที่เราไปถึงหน้าประตูด้วย”
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานต้องเลือกวันที่ด้วย ถังซวงก็รู้สึกว่ามันยุ่งยากเกินไป แต่ก็เห็นได้ว่าเฮ่อหลานให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มาก ดังนั้นเธอจึงไม่พูดอะไร คนรู้จักจนเรานับเป็นญาติก็คล้ายกันกับญาติที่แท้จริง ทุกคนจึงให้ความสำคัญกับมันมาก ดังนั้นการที่เธอพูดมากเกินไปมันก็ไม่ดี
หลังจากที่สามแม่ลูกทานอาหารเย็นแล้ว ถังซวงกับถังเซวี่ยก็อ่านหนังสือสักพัก จากนั้นก็เข้านอน
ในวันรุ่งขึ้น ถังซวงขึ้นไปบนภูเขาเพื่อรวบรวมสมุรไพรยา เพราะอย่างนั้นเธอจึงให้ถังเซวี่ยอ่านหนังสือด้วยตัวเอง
“พี่สาว ให้หนูไปด้วยสิ”
ถังซวงพูดด้วยรอยยิ้ม “ไม่ได้ พี่จะไปเอง เธอควรตั้งใจอ่านหนังสือนะ เพราะพี่เข้าใจเนื้อหาทั้งหมดของชั้นประถมแล้ว เธอต้องพยายามให้มากขึ้น”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังเซวี่ยก็ไม่ยืนกรานอีกต่อไป
พี่สาวของเธออ่านหนังสือจบหมดแล้ว ดังนั้นเธอจึงต้องตั้งใจมากกว่านี้
หลังจากที่ถังซวงขึ้นไปบนภูเขา เธอก็เริ่มค้นหาสมุนไพรอย่างจริงจัง เธอวางแผนที่จะทำยาบำรุงร่างกาย และจะให้แม่กับน้องสาวของเธอกินเพื่อบำรุงร่างกายด้วย
หลังจากนั้นก็ทำยาบำรุงผิวพรรณซึ่งเป็นยาสำหรับผู้หญิงโดยเฉพาะ
แม้ว่าแพทย์แผนจีนในปัจจุบันจะไม่สามารถทำยาขายเองได้ แต่ก็ไม่ผิดหากทำมันใช้เอง แต่จะดีกว่าถ้าไม่บอกให้คนอื่นรู้และเมื่อถึงเวลาเมื่อไหร่ ในอนาคตเรื่องนี้คงถูกกฎหมายเอง
วันนี้ถังซวงโชคดีมาก เธอได้วัตถุดิบเกือบทั้งหมดสำหรับทำยาเม็ดบำรุงร่างกายแล้ว แต่ยังขาดรากหัวแห้ง*[1]ซึ่งเป็นพืชหายากที่เธอไม่แน่ใจว่าที่ภูเขาที่จะมีอยู่หรือเปล่า
หลังจากค้นหาไปสักพักเธอไม่พบรากหัวแห้งเลย ถังซวงจึงต้องลงไปที่ตีนเขาก่อน ยังไงซะ เธอก็ไม่คิดว่าเธอจะสามารถหาสมุนไพรยาทั้งหมดได้ในวันเดียวอยู่แล้ว
“อ้าว… ฉันว่าจะไปหาเธอที่หมู่บ้านเถาฮวาสักหน่อย แต่บังเอิญมาเจอเธอที่นี่ซะได้ ดีจริง ๆ ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” เมื่อหลี่เต๋อซินเห็นถังซวง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความชั่วร้าย จากนั้นเขาก็หัวเราะอย่างน่าขนลุก “แต่เจอกันที่นี่ก็ดี ทั้งอยู่ไกลผู้คนจะได้ไม่มีคนมาเห็น ตะโกนยังไงก็ไม่มีใครได้ยินทั้งนั้น ฮ่า ๆ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลี่เต๋อซิน ผู้ชายคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลังเขาก็หัวเราะอย่างชั่วร้ายเช่นกัน
“นี่…ตาเฒ่าหลี่ นี่คือผู้หญิงที่คุณพูดถึงเหรอ? ถึงจะผอม ตัวเล็ก และผิวคล้ำไปหน่อย แต่ก็ยังดูดีจริง ๆ นั่นแหละ ดูตาคู่นั้นสิ ปากนิด จมูกหน่อย ดูบอบบางจริง ๆ”
“ใช่ ๆ นังนี่หน้าตาไม่เลวเลย แต่ในเมื่อมันทำให้คุณไม่พอใจ งั้นวันนี้เราจะสั่งสอนเธอให้เองว่าการอ่อนโยนเหมือนน้ำหมายความว่ายังไง”
“เฮ้ย ๆ… เลิกพูดพล่ามได้แล้ว ไปเอาลูกไก่ตัวนี้มาเลยดีกว่า แล้วก็… ฮิฮิฮิ…” พูดจบ ชายคนนั้นก็แสยะยิ้ม
คนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะเช่นกัน
หลี่เต๋อซินหัวเราะออกมาเสียงดัง
“ถังซวง นังสารเลว ในเมื่อแกท่าทางจะไม่ชอบดื่มจิ้งจิ่ว งั้นฉันจะให้เจ้าดื่มฝาจิ่วแทนก็แล้วกัน*[2] วันนี้พวกเราพี่น้องจะสอนบทเรียนให้แกเอง ฮึ่ม… ในเมื่อแกไม่อยากแต่งงานกับฉัน ฉันก็อยากเห็นนักว่าหลังจากวันนี้ แกจะยังแต่งงานได้อีกไหม!”
“เฮ้อ…พูดจบหรือยัง?”
ถังซวงมองไปที่หลี่เต๋อซิน และคนอื่น ๆ ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา ในขณะเดียวกันเธอก็ตระหนักว่าครั้งที่แล้วเธอเบามือเกินไป หลี่เต๋อซินถึงยังกล้าที่จะนำคนมาจัดการเธอ แต่ยังไงวันนี้พวกมันก็กล้ามาหาเรื่องเธอถึงที่ เธอจะไม่ยอมอ่อนข้อให้เด็ดขาด เพราะยังไงสวะพวกนี้ไม่สมควรอยู่ในโลกนี้อยู่ดี
อา… ไม่สิ ตอนนี้มันต่างกับวันสิ้นโลก ถึงจะฆ่าคนไม่ได้ แต่เธอสามารถทำให้ชีวิตของพวกเขาเลวร้ายยิ่งกว่าความตายได้!
เมื่อคิดอย่างนั้น ดวงตาของถังซวงก็กลายเป็นสีแดง และร่างกายของเธอก็กระหายเลือดขึ้นมา
“ฉันเกลียดผู้ชายรังแกผู้หญิงด้วยวิธีการสกปรก และพวกแกก็รนหาที่กันเอง ดังนั้นอย่าหาว่าฉันหยาบคายแล้วกัน”
เฒ่าซงเกือบจะหัวเราะเมื่อเขาได้ยินคำพูดของถังซวง
“เฒ่าหลี่ สาวน้อยคนนี้เสียสติไปแล้วเหรอ? ยังบอกว่าจะหยาบคายใส่เราอีก ฮ่า ๆ เธอคิดว่าพวกเราตั้งหลายคนจะจัดการกับเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างเธอไม่ได้เหรอ เธอ…”
ยังไม่ทันที่ชายคนนั้นจะพูดจบ เขาก็ถูกถังซวงเตะกระเด็นออกไปแล้ว
โครม!
เสียงดังอึกทึกที่เกิดจากตาเฒ่าซงล้มลงกระแทกพื้นอย่างแรง จนลุกไม่ขึ้น
เมื่อเห็นสิ่งนี้ หลี่เต๋อซินนึกถึงฉากที่ถังซวงสอนบทเรียนหนัก ๆ ให้เขาในครั้งก่อนทันที เขามองไปที่คนอื่น ๆ และพูดว่า “ฉันพูดแล้วนี้ว่านังสารเลวนี่มีทักษะการต่อสู้ เข้าไปพร้อมกันเลย เร็วเข้า จับเธอพร้อมกัน”
แม้ว่าคนอื่น ๆ จะได้ยินที่หลี่เต๋อซินพูดถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น แต่พวกเขาก็ไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้พวกเขาเห็นเฒ่าซงถูกเตะกระเด็นออกไป ก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาประเมินสาวน้อยคนนี้ต่ำเกินไป เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็พยักหน้าทันที จากนั้นก็ปรี่ไปหาถังซวงทันที
ถังซวงวางตะกร้าลงช้า ๆ และรีบพุ่งไปหากลุ่มคนตรงหน้า
“เฮ้อ… ดูเหมือนว่าพวกแกมักจะทำเรื่องเลว ๆ ด้วยกันสินะ”
เสียงของถังซวงเย็นชาและสีหน้าของเธอก็เย็นชายิ่งขึ้น หลังจากลองเชิง เธอก็ทุ่มหลี่เต๋อซินและคนอื่น ๆ ลงกับพื้นอย่างไร้ความปรานี เนื่องจากแรงที่เธอใช้ทุ่มพวกเขาหนักมาก หลายคนจึงกระอักเลือดออกมา
“แก… เป็นไปได้ยังไง แกทำได้ยังไง”
หลี่เต๋อซินมองไปที่ถังซวงด้วยความไม่เชื่อและความกลัวก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา
ถังซวงไม่ตอบ แต่มองเขาอย่างเย็นชาและพูดต่อว่า “ฉันว่าจะไม่เข้าไปยุ่งกับกับแกอีก แต่แกมาหาเรื่องฉันถึงที่เองแบบนี้ และ… แกวางแผนที่จะกำจัดฉัน ทั้งยังจะรังแกฉันอีก เหอะ… สมควรแล้วที่แกโดนแบบนี้”
ในตอนท้าย ถังซวงเดินตรงไปหาหลี่เต๋อซิน
“แก… แกจะทำอะไร!?”
หลี่เต๋อซินมองไปที่ถังซวงอย่างหวาดกลัว และรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ ทำไมเขาถึงมาหาเรื่องนังบ้านี่อีกนะ สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งก่อนก็เห็นแล้วนี่ว่าผู้หญิงคนนี้มันไม่ได้จัดการง่าย ๆ แต่เป็นเพราะเขาก็ไม่อาจทำใจยอมรับได้ เลยคิดว่าคงจะดีถ้ามีคนมากกว่านี้ แต่กลับกลายเป็นว่าเขาคิดผิด ต่อให้มีมากี่คนก็ไร้ประโยชน์
ถังซวงเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของหลี่เต๋อซิน และพูดด้วยรอยยิ้มสยอง “แน่นอน… จะทำให้สูญพันธ์ไง”
หลังจากพูดแบบนี้ ถังซวงก็ยกเท้าขึ้นและเหยียบไปบนร่างกายส่วนล่างของหลี่เต๋อซินอย่างแรง
“อะไร…”
[1] รากหัวแห้ง หรือ เหอโส่วอู สมุนไพรจีนที่มีรสฝาด หวาน และอุ่นเล็กน้อย นิยมใช้กันมาอย่างยาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์ถัง ช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยบำรุงตับและไต เสริมสุขภาพ และช่วยทำให้ผมดำได้อย่างดีเยี่ยม
[2] ท่าทางจะไม่ชอบดื่มจิ้งจิ่ว งั้นฉันให้เจ้าดื่มฝาจิ่วแทนก็แล้วกัน เป็นสำนวน หมายถึง ในเมื่อพูดด้วยดี ๆ ไม่ยอมทำตาม ก็คงต้องใช้กำลังบังคับ