การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 280 รายการสินสอด
บทที่ 280 รายการสินสอด
บทที่ 280 รายการสินสอด
เฮ่อหลานเห็นรายการสินสอดทองหมั้นที่เฮ่อจื่อกุยนำออกมา เธอคิดว่าคงไม่สามารถอ่านมันจนถึงบรรทัดล่างสุดได้
เธอรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็วว่า “พี่ใหญ่ ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ มันมากเกินไป อีกอย่างเราไม่ได้ต้องการสินสอดมากมายขนาดนี้ พี่เอามันกลับไปเถอะค่ะ” เธอและตระกูลเฮ่อเพิ่งจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่พวกเขากลับต้อนรับเธออย่างดี ทำให้เธอไม่อยากรับเอาไว้
ก่อนที่เฮ่อจื่อกุยจะทันได้พูดอะไร พานลี่ฮวายัดรายการสินสอดทั้งหมดใส่มือของเฮ่อหลานแล้ว
“น้องหลาน รับมันไว้เถอะ พ่อกับแม่เตรียมสิ่งนี้ตั้งแต่ที่รู้ว่าเธอกำลังจะแต่งงาน เธออย่าปฏิเสธให้พวกเขาต้องผิดหวังเลยนะ อีกอย่างนี่เป็นสิ่งที่เธอควรได้รับอยู่แล้ว”
ของพวกนี้ผู้เฒ่าเฮ่อคิดว่ามันน้อยไปด้วยซ้ำ
เฮ่อจื่อกุยยังกล่าวเกลี้ยกล่อมต่อ “ใช่แล้ว น้องหลาน รับมันไปเถอะ ถ้าฉันเอามันกลับไปที่บ้าน คุณพ่อคุณแม่คงเสียใจมากแน่”
เฮ่อหลานรู้สึกละอายใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินอย่างนั้น
“เอาล่ะอาหลาน รับมันไว้เถอะ”
พานลี่ฮวาจับมือเฮ่อหลานพร้อมกับยกยิ้ม ทั้งยังบอกให้อีกฝ่ายรับมันไว้
หากเป็นเธอเมื่อก่อน เธอก็คงรู้สึกไม่สบายใจแน่นอน ที่ให้ของน้องสามีขนาดนี้ แต่เวลานี้เธอกับถังซวงเปิดบริษัทเครื่องสำอางร่วมกัน และบริษัททำเงินจำนวนมาก เธอเลยไม่เก็บเรื่องเล็กน้อยแบบนี้มาคิด อีกอย่างพ่อกับแม่ก็เตรียมสิ่งนี้เอาไว้ให้กับคุณยายเฮ่อ แต่น่าเสียดายที่เธอไม่อยู่แล้ว จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะยกมันให้กับเฮ่อหลาน
ซึ่งความจริงแล้วนี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น
หากมีโอกาสอีก คุณปู่เฮ่อจะส่งมอบสมบัติส่วนที่เหลือให้อีกฝ่ายแน่ แต่ถึงจะแค่ส่วนหนึ่งเฮ่อหลานยังปฏิเสธจะไม่รับ พานลี่ฮวาจึงไม่คิดพูดอะไรอีก ไว้คราวหน้าค่อยว่ากันใหม่
หลังจากเฮ่อหลานยอมรับรายการสินสอดทั้งหมด เฮ่อจื่อกุยถอนหายใจด้วยความโล่งอกก่อนจะหันมองโม่เจ๋อหยวนแล้วพูดขึ้นว่า “เสี่ยวโม่ก็อยู่ที่นี่ด้วยสินะ ฉันเห็นข่าวของเธอแล้ว สุดยอดมากเลยล่ะ”
“ขอบคุณครับคุณลุงเฮ่อ”
เฮ่อเจียรุ่ยก้าวไปด้านหน้าพร้อมตบบ่าของโม่เจ๋อหยวน “เจ๋อหยวน นายเก่งจริง ๆ ฉันชื่นชมนายมากนะ”
โม่เจ๋อหยวนประสบความสำเร็จด้วยอายุน้อยมาก ทำให้ทุกคนค่อนข้างตกใจ
ส่วนพานลี่ฮวาที่ไม่เคยเจอโม่เจ๋อหยวนมาก่อน เธออดไม่ได้ที่จะถามว่า “เขาเป็นใครหรือ?”
เฮ่อหลานรีบแนะนำด้วยรอยยิ้ม “นี่โม่เจ๋อหยวนค่ะ เขาเป็นหลานชายของเพื่อนลุงหลี่ แล้วเคยอยู่กับเราที่มณฑลเจียงน่ะค่ะ”
ก่อนหน้านี้พวกเขาได้พบกับซูเหนียนอวิ๋นแล้ว ดังนั้นพานลี่ฮวาจึงรู้ว่าลุงหลี่คือหลี่จงอี้ เธอเลยกล่าวทักทายโม่เจ๋อหยวนแล้วอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม “เสี่ยวโม่! เธอหล่อมากนะจ๊ะ ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายที่ดูดีเท่านี้มาก่อนเลย”
โม่เจ๋อหยวนเขินเล็กน้อยเมื่อได้รับคำชม
“ขอบคุณครับคุณป้า”
ชายหนุ่มตอบกลับไปอย่างไม่ทันรู้ตัวว่าตนเอ่ยปากเรียกอีกฝ่ายว่าป้าเสียแล้ว แต่พานลี่ฮวาไม่แสดงท่าทีใด ๆ ทั้งยังหัวเราะออกมา “เสี่ยวโม่สุภาพอะไรขนาดนั้นกัน”
เมื่อเห็นว่าแม่กำลังทำเรื่องน่าอาย เฮ่อเจียรุ่ยรีบเปลี่ยนเรื่องพร้อมกับถามว่า “ซวงเอ๋อร์ เธอไปไหนมาหรือ? แล้วซื้ออะไรมาเต็มไปหมด?” เขาเห็นโม่เจ๋อหยวนถือถุงสองใบใหญ่ไว้ในมือ
“เราไปซื้อของตกแต่งบ้านกันน่ะค่ะ พวกเราจะตกแต่งบ้าน วันแต่งงานบ้านจะได้สวย ๆ”
เฮ่อหลานไม่คิดว่าลูกสาวของตนจะทำเพื่อเธอขนาดนี้ “ช่างคิดกันจริง ๆ นะสาวน้อย เอาล่ะ งั้นพวกเรามาช่วยกันเถอะ”
“ไม่ต้องหรอกครับคุณป้า ให้พวกเราจัดการเรื่องนี้ดีกว่า คุณกับคุณพ่อคุณแม่ไปพักผ่อนกันเถอะครับ”
เฮ่อหลานนึกได้ว่าครอบครัวของเฮ่อจื่อกุยเดินทางมาจากเมืองก่างเฉิงคงเหนื่อยกันมาก เธอจึงรีบจัดห้องพักให้พวกเขาทันที “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้คะ พวกพี่ไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะค่ะ เดินทางมาตั้งไกล”
พานลี่ฮวาเหนื่อยมากจริง ๆ เธอจึงไม่ปฏิเสธ
หลังจากที่เฮ่อหลานพาเฮ่อจื่อกุยและพานลี่ฮวาไปพักในห้องรับรองแขก ถังซวง โม่เจ๋อหยวน และเฮ่อเจียรุ่ยยุ่งกับการตกแต่งลานบ้าน อีกทั้งห้องของเฮ่อหลานยังถูกตกแต่งด้วย
“เย้… เสร็จสักที”
ถังเซวี่ยรู้สึกว่าปวดเมื่อยที่เอวไม่น้อย แต่เมื่อมองผลงานของตัวเอง เด็กสาวรู้สึกว่าความเหน็ดเหนื่อยนี้มันคุ้มค่ามาก “ฉันไม่คิดเลยว่าเราจะทำมันออกมาได้สวยมาก แม่ต้องชอบมากแน่เลย”
“ชอบอะไรจ๊ะ?”
เฮ่อหลานเดินเข้ามาในห้อง ขณะมองไปโดยรอบแววตาเผยความตกตะลึง
“นี่… ทั้งหมดนี้พวกลูกทำเองหรือ?”
“ใช่ค่ะแม่ สวยไหม?” ถังเซวี่ยก้าวไปคว้าแขนของเฮ่อหลานด้วยรอยยิ้ม
“สวยจ้ะ สวยมาก”
แววตาของเฮ่อหลานเต็มไปด้วยความประหลาดใจ ก่อนที่จะเดินมาถึงตรงนี้ เธอเห็นอีกด้านหนึ่งของลานแล้ว และเธอคิดว่าแค่ที่นั่นก็สวยมากแล้ว แต่มันยังไม่เท่ากับห้องของเธอในตอนนี้เลย
แต่ทว่าถังซวงยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย
“น่าเสียดายที่วันนี้ไม่มีดอกไม้สวย ๆ ไม่อย่างนั้นมันต้องสวยมากแน่ถ้าใช้ดอกไม้ประดับเพิ่มเติม”
เฮ่อหลานชำเลืองมองถังซวงแล้วพูดขึ้นว่า “ดอกไม้อะไรจะมาบานในฤดูหนาวล่ะจ๊ะ? แค่ที่ลูกทำตอนนี้มันก็สวยมากแล้วล่ะ” เธอรู้สึกขอบคุณพวกเด็ก ๆ มาก แต่ก็รู้สึกหดหู่ใจในเวลาเดียวกัน “อีกตั้งสองสามวันกว่าจะถึงวันแต่ง ถ้าแม่ทำพังล่ะทำยังไงล่ะ?”
หลังได้ยินอย่างนั้นแล้ว ถังเซวี่ยตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “แม่คะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ถ้าพัง เราก็แค่ตกแต่งใหม่เท่านั้นเอง”
“จ้ะ อย่างนั้นแม่ค่อยสบายใจหน่อย”
เฮ่อหลานพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะนึกได้ว่าเฮ่อเจียรุ่ยยังไม่ได้พักผ่อน เธอเลยบอกให้เขาไปพักทันที
“คุณป้าครับ ผมไม่เหนื่อยเหมือนพ่อกับแม่หรอก ผมเพิ่งเคยมาเมืองหลวงครั้งแรก เลยอยากให้เจ๋อหยวนพาไปเดินเล่นรอบ ๆ หน่อยน่ะครับ”
เมื่อเห็นท่าทางกระตือรือร้นของเฮ่อเจียรุ่ยแล้ว เฮ่อหลานจึงตรงไปที่ครัวเพื่อเตรียมมื้อเย็น
ส่วนถังซวงดึงเฮ่อหลานมาใกล้พร้อมกับพูดว่า “แม่คะ มื้อเย็นเราออกไปกินข้าวข้างนอกกันเถอะค่ะ แม่กับคุณป้าเก่อทำอาหารทุกวันคงเหนื่อย”
ส่วนเฮ่อหลานที่คิดว่านี่เป็นครั้งแรกที่ครอบครัวของเฮ่อจื่อกุยมาที่เมืองหลวง พวกเขาควรได้ลิ้มลองอาหารพื้นเมืองดูบ้าง เธอจึงพยักหน้า “จ้ะ งั้นออกไปกินข้าวข้างนอกกัน”
อีกด้าน จิงเจ้อหรงที่รู้ว่าครอบครัวเฮ่อจื่อกุยมาถึงเมืองหลวงแล้ว เขาจึงรีบกลับมา และได้จองโต๊ะอาหารเอาไว้ก่อนจะพานลี่ฮวา จงอี้ ซูเหนียนอวิ๋น และคนอื่น ๆ ออกมาร่วมรับประทานมื้อเย็นเป็นครอบครัวใหญ่
และนี่เป็นครั้งแรกที่พานลี่ฮวาได้พบกับจิงเจ้อหรง เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้หล่อเหลา สูงยาว ผิวขาวตรงหน้า เธออดไม่ได้ที่จะกระซิบกับเฮ่อจื่อกุยว่า “อาหลานของเราโชคดีที่ได้พบกับผู้ชายหน้าตาดี สองคนนั้นเป็นคู่ที่เหมาะสมจริง ๆ เลยค่ะ อาหลานก็สวย จิงเจ้อหรงก็หล่อ”
อีกทั้งจิงเจ้อหรงยังสนใจเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ผู้ชายมักจะไม่ให้ความสำคัญด้วย ซึ่งมันชัดเจนแล้วว่าเขามีเพียงเฮ่อหลานในหัวใจเท่านั้น
จากนั้นเฮ่อจื่อกุยพูดออกมาอย่างสบาย ๆ ว่า “อาหลานของเราก็เก่ง
พานลี่ฮวาไม่รู้จะกล่าวอะไรต่อ เธอจึงเงียบไปเมื่อได้ยินอย่างนั้น
หลังจากที่ทุกคนนั่งประจำที่แล้ว จิงเจ้อหรงก็ได้ดูแลทุกคนเป็นอย่างดี
ตลอดทั้งมื้ออาหาร ทั้งแขกและเจ้าบ้านต่างมีความสุข