การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 283 สมบูรณ์
บทที่ 283 สมบูรณ์
บทที่ 283 สมบูรณ์
เฮ่อหลานพลันกังวลเมื่อได้ยินเสียงตะโกนจากด้านนอกของประตู
เธอกระสับกระส่ายและทำอะไรไม่ถูก
พอถังซวงเห็นแล้วว่าแม่ของตนเป็นแบบนั้น จึงรีบจับมือหล่อนแล้วกล่าวปลอบ “แม่คะ นั่งลงก่อนนะคะ เดี๋ยวลุงจิงก็เข้ามารับ แม่แค่รอให้เขาเข้ามารับก็พอ”
หลินเหม่ยเจินที่อยู่ด้านข้างกล่าวเสริมด้วยรอยยิ้ม “ใช่จ้ะ วันนี้เป็นวันที่เจ้าสาวสวยที่สุด เรื่องอื่นจึงไม่ต้องกังวล” พูดจบเธอหันหลังเดินออกไปด้านนอก “เดี๋ยวฉันจะออกไปด้านนอกและจัดการให้เอง”
เฮ่อหลานค่อย ๆ ผ่อนคลาย เธอเดินไปนั่งที่เตียงพร้อมช่อดอกไม้ในมือ ในที่สุดเธอจึงมีโอกาสได้ถามลูกสาวว่า “ซวงเอ๋อร์ ลูกไปซื้อดอกไม้พวกนี้จากที่ไหนหรือจ๊ะ? นี่ไม่ใช่ในฤดูดอกไม้บานไม่ใช่หรือ?”
“แม่คะ ลองดูใกล้ ๆ สิ นี่ไม่ใช่ของจริงค่ะ มันทำจากกระดาษที่เหมือนของจริงมาก ๆ ต่างหาก”
เธอเอามันออกจากพื้นที่มิติ แต่ที่จริงแล้วเธออยากได้ดอกไม้จริง ทว่ากลัวมันจะสะดุดตาเกินไป “เมื่อเช้านี้หนูเห็นคุณยายคนหนึ่งขายมันอยู่ค่ะ เลยซื้อมา แล้วเอามาให้แม่”
“ขอบคุณนะจ้ะซวงเอ๋อร์ แม่ชอบมันมากเลย”
ช่อดอกไม้นี้ดูไม่แตกต่างจากดอกไม้สด ทั้งยังมีริบบิ้นผูกเอาไว้เพิ่มความสวยงาม ทำให้ทุกสิ่งดูประณีต
พอพานลี่ฮวาได้ยินที่ถังซวงพูด เธอจึงเดินไปดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น และเห็นว่ามันคือดอกไม้ปลอมจริง ๆ
“ซวงเอ๋อร์ นี่สวยจังเลย ถ้าเราเปิดตัวผลิตภัณฑ์ชุดใหม่ เราสามารถใช้มันตกแต่งบนกล่องได้เลยนะ”
ซวงเอ๋อร์หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินอย่างนั้น “ถ้าคุณป้าคิดว่ามันดูดี คราวหน้าลองดูก็ได้ค่ะ”
“จ้ะ”
ขณะทั้งสองกำลังพูดคุย ส่วนถังเซวี่ยวิ่งออกไปด้านนอกอย่างใคร่รู้ และไม่นานเธอก็กลับมา “แม่คะ ลุงจิงมาแล้วค่ะ”
สิ้นเสียง จิงเจ้อหรงตะโกนขึ้นจากด้านนอก
“อาหลาน ผมมารับคุณแล้วครับ”
ได้ยินอย่างนั้น สีหน้าของเฮ่อหลานแดงเรื่อ แต่มุมปากกลับยกยิ้มอย่างมีความสุข
พานลี่ฮวารีบเดินไปที่ประตูพร้อมกับพูดว่า “จะรับตัวเจ้าสาวไม่ง่ายดายอย่างที่คิดนะ ดูสิว่าน้องเขยของฉันจริงใจแค่ไหน”
ถังเซวี่ยวิ่งไปที่ประตูเพื่อเล่นด้วย
“ลุงจิงคะ เราอยากได้อั่งเปาซองใหญ่”
เวลานี้มีซองสีแดงสดหลายซองสอดเข้ามาใต้ช่องประตู เสียงของจิงเจ้อหรงดังขึ้นตามว่า “เสี่ยวเซวี่ย นี่ของเธอ รีบเปิดประตูให้ฉันเร็ว ๆ สิ”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงตื่นเต้นและสนุกสนานของจิงเจ้อหรง ถังเซวี่ยรีบเปิดประตูหลังจากรับซองแดงทันที
ซึ่งพานลี่ฮวาอดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย เธอเปิดประตูง่าย ๆ อย่างนี้ได้ยังไงล่ะจ้ะ ฉันยังไม่ได้เรียกร้องซองเลย”
แต่จิงเจ้อหรงฉวยโอกาสนี้เดินเข้ามา และเขาได้ยินคำพูดของพานลี่ฮวาจึงตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ขอมาได้เลยครับ ผมจะทำให้ดีที่สุด” ขณะพูดอย่างนั้น เขาเหลือบมองเข้าไปด้านในและเมื่อเห็นเฮ่อหลาน ชายหนุ่มก็ชะงักค้างไปชั่วขณะ
ส่วนหนิงฮ่าว หลิวเชา และคนอื่น ๆ ที่อยู่ด้านหลังของจิงเจ้อหรงตกตะลึงด้วยเช่นกัน แม้พวกเขาเห็นเฮ่อหลานแล้วเมื่อวานนี้ แต่วันนี้เธอกลับสวยงามจนแทบจำไม่ได้ เธองดงามยิ่งกว่าหญิงสาวคนไหน ราวกับดอกไม่ที่เบ่งบานผิดฤดู เปรียบได้กับนางฟ้า และเป็นเจ้าสาวที่สวยที่สุดที่พวกเขาเคยพบเจอ
ก่อนหน้านี้พานลี่ฮวาคิดจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อเห็นจิงเจ้อหรงนิ่งไปอย่างนี้แล้ว เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดว่า “อ่า เอาล่ะ ๆ ฉันไม่ขออะไรมาก ขอเพียงแค่ปฏิบัติต่อน้องสะใภ้ของฉันให้ดี สิ่งนี้สำคัญกว่าอะไรทั้งสิ้น”
ได้ยินอย่างนั้น จิงเจ้อหรงฟื้นคืนสติกลับมา
เขาเดินเข้าหาเฮ่อหลานช้า ๆ พร้อมคุกเข่าลงข้างหนึ่ง สายตาจับจ้องลึกเข้าไปในแววตาของหญิงสาว “อาหลาน วันนี้คุณสวยมากเลยครับ”
“คุณก็ดูดีเหมือนกันค่ะ”
จิงเจ้อหรงสวมใส่เสื้อคลุมยาวสีดำที่เฮ่อหลานทำขึ้นเองในโอกาสพิเศษนี้ ทำให้เขายิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น ภาพของทั้งสองที่ยืนเคียงข้างกันกลายเป็นสะดุดตา ดูเหมาะสมยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด
เมื่อเห็นความรักของจิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานตรงหน้า พานลี่ฮวายกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “พวกเธอสองคนลืมไปแล้วหรือว่าต้องไปเข้าพิธีแต่งงาน จะนั่งจ้องหน้ากันตรงนี้อีกนานไหมจ๊ะ?”
สิ้นเสียง คนรอบข้างหัวเราะขึ้นทันที
เฮ่อหลานเขินอายเล็กน้อย
จิงเจ้อหรงบีบมือเธอเบา ๆ เพื่อให้ผ่อนคลาย จากนั้นจึงพยุงให้เธอลุกขึ้นแล้วทั้งสองเดินออกจากห้องไปช้า ๆ
ถังซวงและถังเซวี่ยเดินตามด้านหลัง ต่างคนต่างมีของอยู่ในมือ ส่วนจิงเจ้อหรงพาเฮ่อหลานเดินตรงออกไปที่ลานด้วยใบหน้าสดใส
ครอบครัวจากฝั่งของเฮ่อหลานจะไม่มากนัก ดังนั้นพวกเขาจึงจัดงานเลี้ยงที่บ้านตระกูลจิง โม่เจ๋อหยวนพาหลี่จงอี้ ซูเหนียนอวิ๋น และเก่อชิงเหมย พร้อมด้วยครอบครัวของเฮ่อจื่อกุยกับ ซ่างสยงเยี่ยเดินออกไปขึ้นรถด้านนอก หลินเหม่ยเจินและหลินหมิงซูที่มาช่วยเหลืองานก็ขึ้นรถด้านนอกเพื่อไปที่บ้านตระกูลจิงเช่นกัน
เมื่อมาถึงบ้านตระกูลจิง ขณะเฮ่อหลานลงจากรถ และเสียงประทัดก็ดังขึ้น
“เจ้าสาวมาถึงแล้ว…”
สิ้นเสียง ทุกคนวิ่งออกไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น ผู้ที่มาร่วมงานแต่งงานในวันนี้ทราบดีว่าจิงเจ้อหรงแต่งงานกับสาวชนบท ไม่เพียงแต่มีอายุ แต่ยังมีลูกสาวที่โตแล้วถึงสองคน พวกเขาอยากจะรู้จริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้มีความสามารถอะไรถึงสามารถมัดใจจิงเจ้อหรงได้
เมื่อทั้งหมดเห็นเฮ่อหลานในชุดคลุมสีแดง และดอกไม้ที่สวยงามบนศีรษะของเธอ ทุกคนต่างเงียบปากลงในทันที
นี่คือผู้หญิงจากชนบทที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้วจริง ๆ หรือ? ด้วยรูปร่าง หน้าตา ผิวพรรณเช่นนี้ หญิงสาวในเมืองหลวงยังสู้ไม่ได้เลย
“เธอ… เธอสวยเกินไปแล้ว”
“ใช่ เจ้าสาวอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ เท่านั้น ข่าวลือพวกนั้นมั่วหรือเปล่า? เธอดูไม่เหมือนคนที่มีลูกมาแล้วเลย”
สื่อจวินอี๋ได้ยินเสียงการพูดคุยโดยรอบชัดเจน เธอกำหมัดแน่นด้วยความอิจฉาและรู้สึกไม่พอใจ เฮ่อหลานคนนี้สวยกว่าเมื่อก่อนมาก ผู้หญิงคนนี้ไม่แก่ลงเลย เธอทำอย่างไรจึงมีใบหน้าและรูปร่างคล้ายกับคนหนุ่มสาวตลอดเวลา?
ส่วนเฉินเยว่จือมองเฮ่อหลานพร้อมเม้มปากแน่น เธอกลืนถ้อยคำที่คิดทั้งหมด เมื่อครู่เธอเห็นว่าผู้อาวุโสตระกูลจิงสวมเสื้อผ้าใหม่ที่ลูกสะใภ้เล็กปักให้ และยังรอคอยการมาถึงของเจ้าสาวเจ้าบ่าวอย่างใจจดจ่อ เธอต้องการจะพูดเสียดสีสักคำสองคำ ทว่ารูปร่างหน้าตาของเจ้าสาวกลับโดดเด่นเสียจนเธอพูดอะไรไม่ออก และคนรอบตัวก็คงไม่เห็นด้วยแน่ถ้าเธอพูดมันออกไป
จิงเจ้อหรงมองเห็นสายตาของชายและหญิงรอบตัวเขา ที่กำลังอิจฉาเฮ่อหลานและจับจ้องอย่างไม่วางตา เวลานี้เขาลอบยืนบังสายตาเหล่านั้นเล็กน้อยก่อนจะจับมือเธอเดินเข้าสู่บ้านตระกูลจิง
“เจ้าบ่าวเจ้าสาวมาแล้ว…”
ขณะที่จิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานเดินมาถึงลาน พวกเขาได้พบกับคุณชายจิงและคุณนายจิงก่อน อาวุโสทั้งสองคนสวมเสื้อผ้าที่เฮ่อหลานปักไว้ ยิ่งขับให้พวกเขาดูดีขึ้นมาก เวลานี้เขายกยิ้มก่อนจะกล่าวกับเฮ่อหลานอย่างอ่อนโยน “อาหลาน นับจากวันนี้ไปเธอคือลูกสะใภ้ของตระกูลจิงนะ”
เฮ่อหลานเงยหน้าขึ้น ในที่สุดก็เอ่ยปากออกมาว่า “ค่ะ คุณพ่อ คุณแม่”
“อ่า…”
คุณชายจิงและคุณนายจิงตอบรับอย่างมีความสุข จากนั้นจึงมอบซองแดงตามธรรมเนียม
เมื่อเห็นซองแดงหนาตรงหน้า คนโดยรอบพลันอิจฉา พวกเขาต่างลอบคร่ำครวญถึงชีวิตของเฮ่อหลานในอนาคต
หลังจากได้พบผู้อาวุโสทั้งสอง เจ้าบ่าวและเจ้าสาวเข้าพิธีอย่างเรียบง่าย และหลังจากนี้ จิงเจ้อหรงและเฮ่อหลานจะเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องโดยสมบูรณ์