การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 290 เพื่อนร่วมชั้นเมิ่งซือเซี่ย
- Home
- การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย
- บทที่ 290 เพื่อนร่วมชั้นเมิ่งซือเซี่ย
บทที่ 290 เพื่อนร่วมชั้นเมิ่งซือเซี่ย
บทที่ 290 เพื่อนร่วมชั้นเมิ่งซือเซี่ย
เมื่อเฮ่อหลานได้ยินว่าอาจารย์กับคนอื่น ๆ กำลังจะกลับ เธอก็รู้สึกใจหายเล็กน้อย “อาจารย์รีบกลับเกินไปหรือเปล่าคะ?”
ซูเหนียนอวิ๋นลูบหลังมือของเฮ่อหลานและพูดว่า “อาหลาน นับจากนี้ไปเธอต้องอยู่กับอาเจ้อ เขาเป็นคนดี ต้องดูแลเธออย่างดีแน่นอน ส่วนฉันกับพี่สาวของเธอและลุงหลี่ต้องกลับแล้วล่ะ โรงงานรอให้ชิงเหม่ยกลับไปดูแลอยู่ อยู่ที่นี่ก็อย่าขี้เกียจล่ะ เธอยังต้องพัฒนาสาขาย่อยของพวกเราต่อไปนะ”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว เฮ่อหลานพยักหน้าและพูดว่า “อาจารย์ไม่ต้องกังวลนะคะ ฉันจะทำงานหนักแน่นอน”
เมื่อเห็นว่าศิษย์ตัวน้อยยังคงมุ่งมั่นเช่นเคย ใบหน้าของซูเหนียนอวิ๋นเผยความโล่งใจออกมา
“เอาล่ะ งั้นไปเก็บข้าวของกันเถอะ พรุ่งนี้จะได้ออกเดินทางแต่เช้า”
“อาจารย์คะ ฉันกับซวงเอ๋อร์จะไปส่งคุณแล้วค่อยกลับมาทีหลังก็ได้” ทั้งซูเหนียนอวิ๋นและหลี่จงอี้ไม่ใช่คนหนุ่มสาว และเกอชิงเหม่ยอาจจะยุ่งเกินกว่าจะดูแลอาวุโสทั้งสองได้
แต่ซูเหนียนอวิ๋นปฏิเสธทันที “ไม่เป็นไรหรอก พวกเรากลับเองได้ เธอกับซวงเอ๋อร์ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาเดินทางกลับไปกลับมา”
เวลานี้จิงเจ้อหรงเดินเข้ามา พอได้ยินอย่างนั้นก็รีบกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “อาจารย์ครับจะมีคนกลับไปกับคุณด้วยนะครับ ยังไงเขาก็ต้องกลับไปที่เมืองเวิงซานอยู่ดี”
“ใครหรือคะ?”
เฮ่อหลานมองด้วยความสงสัย
“เขาชื่อชุนหงครับ ต้องกลับเมืองเวิงซานหลังวันตรุษจีนอยู่แล้ว เขาเลยจะกลับไปพร้อมกับอาจารย์วันพรุ่งนี้น่ะครับ”
“อ้อ เขานั่นเอง”
เฮ่อหลานพลันมีความสุขทันที “ดีเลยค่ะ ถ้ามีสหายซุนกลับไปด้วย อาจารย์กับคนอื่น ๆ ต้องปลอดภัยแน่นอนค่ะ”
“ครับ”
จิงเจ้อหรงมองซูเหนียนอวิ๋นด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดต่อว่า “ลุงหลี่ก็รู้จักกับซุนหงเหมือนกัน พวกคุณสองคนอยู่ด้วยกันได้นะครับ ผมจัดการที่นอนนุ่ม ๆ ให้แล้ว พวกคุณนอนได้สบาย ๆ เลยครับ”
ซูเหนียนอวิ๋นเห็นจิงเจ้อหรงจัดการทุกอย่างเรียบร้อย ก็ยิ้มกว้างก่อนจะตอบว่า “ขอบคุณค่ะ”
วันรุ่งขึ้น โม่เจ๋อหยวนมาพบพวกเขาแต่เช้า เพราะหลี่จงอี้กับคนอื่น ๆ กำลังจะกลับ เขาจึงต้องรีบมา
สุดท้ายครอบครัวของจิงเจ้อหรง และโม่เจ๋อหยวนจะไปส่งซูเหนียนอวิ๋น เกอชิงเหม่ย และหลี่จงอี้ที่สถานีรถไฟด้วยกันอยู่แล้ว
ซุนหงที่รออยู่ที่นั่นก่อนหน้าแล้ว เมื่อเห็นจิงเจ้อหรงและคนอื่น ๆ มาถึง เขาก้าวเท้ามาด้านหน้าแล้วกล่าวทักทายว่า “สหายจิง มาแล้วหรือครับ” จากนั้นเขาพูดด้วยความประหม่า “ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้ไปงานแต่งงานของคุณ นี่เป็นของขวัญแสดงความยินดีกับคุณและสหายเฮ่อนะครับ”
จิงเจ้อหรงรับถุงจากมือของซุนหงแล้วตอบว่า “ขอบคุณครับสหายหง”
เฮ่อหลานยิ้ม “ขอบคุณค่ะ”
หลังจากซุนหงมอบของขวัญแล้ว เขามองหลี่จงอี้และซูเหนียนอวิ๋นก่อนจะกล่าวทักทาย “นี่คือลุงหลี่กับอาจารย์ซูใช่ไหมครับ สวัสดีครับ”
“สวัสดี”
หลี่จงอี้กับซูเหนียนอวิ๋นกล่าวทักทายซุนหงด้วยรอยยิ้มเช่นกัน
หลังจากที่ซุนหงกล่าวทักทายเกอชิงเหม่ยแล้ว เขาพูดคุยกับโม่เจ๋อหยวนและถังซวง เพราะทั้งสามค่อนข้างที่จะคุ้นเคยกันพอสมควร
พอใกล้ถึงเวลา ทั้งสี่จึงเดินขึ้นรถไฟทันที
“อาจารย์ ลุงหลี่ พี่หญิง สหายซุน เดินทางปลอดภัยนะคะ”
เฮ่อหลานโบกมือลาพวกเขา
ถังซวงและถังเซวี่ยใจหายเล็กน้อย “คุณปู่ คุณย่าซู ไว้ว่าง ๆ พวกเราจะไปเยี่ยมนะคะ”
“จ้ะ ฉันจะรอนะ”
โม่เจ๋อหยวนคงคิดถึงหลี่จงอี้มาก “คุณปู่หลี่ ถ้าถึงบ้านแล้ว ส่งจดหมายมาบอกพวกเราด้วยนะครับ พวกเราจะได้สบายใจ”
“อื้ม รู้แล้วน่า”
หลังจากรถไฟเริ่มเคลื่อนขบวน จิงเจ้อหรงและโม่เจ๋อหยวนก็เดินทางกลับ
“เจ๋อหยวน นายจะไปกับพวกเราหรือจะไปที่ไหนต่อไหม?”
ได้ยินคำถามของจิงเจ้อหรง โม่เจ๋อหยวนเหลือบมองถังซวงเล็กน้อยก่อนจะตอบว่า “ลุงจิงครับ วันนี้ผมมีงานต้องทำเลยอยู่ด้วยไม่ได้” ความจริงแล้วเขาอยากจะตามพวกเขาไป แต่วันนี้เขามาที่นี่เพื่อส่งหลี่จงอี้และคนอื่น ๆ กลับบ้านเท่านั้น จึงหมดเวลาพักของเขาแล้ว
ได้ยินอย่างนั้น จิงเจ้อหรงตบไหล่ของโม่เจ๋อหยวน “งั้นก็รีบไปจัดการงานของตัวเองให้ดี”
โม่เจ๋อหยวนมองถังซวงก่อนจะพูดขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ พรุ่งนี้หลังจากเสร็จงานแล้ว ฉันจะไปหานะ”
“ค่า”
ถังซวงยิ้มแล้วพยักหน้า
หลังจากโม่เจ๋อหยวนออกไปแล้ว จิงเจ้อหรงพาทั้งสามแม่ลูกเดินไปที่รถ “อาหลาน เดี๋ยวกลับไปอาบน้ำที่กู่โหลวก่อนแล้วกันนะ ค่อยกลับบ้าน”
เฮ่อหลานหันมองถังซวงและถังเซวี่ยด้วย เพราะอยากทราบความเห็นของพวกเธอ
“คุณพ่อ คุณแม่ เราจะไปอยู่ที่บ้านด้วยกันหลังจากวันนี้เลยค่ะ” ถังเซวี่ยยิ้มกว้างพร้อมพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ
ถังซวงไม่คัดค้านอะไรเช่นกัน
ทั้งสี่คนตรงไปที่บ้านในกู่โหลวก่อน แล้วหลังจากเก็บข้าวของเสร็จแล้วจึงเดินทางไปบ้านตระกูลจิง
คุณนายจิงเห็นว่าทั้งสี่กลับมาแล้ว เธอรีบกล่าวถาม “คุณหลี่กับคนอื่น ๆ กลับไปแล้วหรือ?”
“ใช่ครับแม่”
“อื้ม ดีแล้ว ๆ”
หลังจากนั้นคุณนายจิงโบกมือเรียกถังซวงกับถังเซวี่ยก่อนจะพูดด้วยรอยยิ้มกว้าง “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย มาหาย่าหน่อยเร็ว หลังจากวันนี้ไปพวกเราจะอยู่ด้วยกันแล้ว ถ้ามีอะไรที่อยากได้หรือไม่ชอบอะไรบอกย่าได้เลยนะจ้ะ”
ยิ่งเห็นท่าทางกระตือรือร้นของคุณนายจิง ถังซวงและถังเซวี่ยหัวเราะออกมา “คุณย่าคะ ห้องที่คุณย่าจัดไว้สวยมากเลยค่ะ ไม่มีอะไรที่พวกเราไม่ชอบสักนิด”
เมื่อเห็นหญิงสาวบอบบางน่ากอดทั้งสองตอบกลับเช่นนี้ คุณนายจิงยิ้มกว้างจนปากจะฉีกถึงใบหู เธอมีความสุขซะจนเก็บไว้ไม่อยู่
หลานสาวทั้งสองคนนี้ทั้งฉลาดและช่างพูด อีกทั้งหลานคนโตก็เก่งกาจจนประสบความสำเร็จมากมาย นับว่านี่เป็นพรจากสวรรค์สำหรับตระกูลจิง “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย เข้ามากินผลไม้ก่อนจ้ะ”
เมื่อเห็นว่าคุณนายจิงใจดีกับหลาน ๆ มาก ทั้งถังซวงและถังเซวี่ยหยิบส้มขึ้นมาปอกเปลือก ขณะเดียวกันก็ปอกให้กับคุณนายจิงด้วย “คุณย่ากินด้วยกันนะคะ”
“โอ้… จ้ะ ๆ”
เมื่อเห็นลูกสาวทั้งสองคนเข้ากับแม่สามีได้อย่างดี เฮ่อหลานยิ้มก่อนจะพูดว่า “คุณแม่คะ เดี๋ยวอยู่คุยกับซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ยก่อนนะคะ ฉันกับอาเจ้อจะไปเก็บข้าวของกับทำความสะอาดห้องสักหน่อย”
“จ้ะ ไปเถอะ”
คุณนายจิงดึงถังซวงและถังเซวี่ยมาใกล้ ก่อนจะพูดคุยกันอย่างมีความสุข ไม่นานนักอวี๋มินและเมิ่งผิงเดินเข้ามา “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย มาแล้วหรือจ้ะ ฉันได้ยินว่าพวกเธอจะมาอยู่ที่นี่แล้ว ดีจริง ๆ บ้านของเราคงมีชีวิตชีวาขึ้นมากแน่”
“ป้าใหญ่ ป้ารอง สวัสดีค่ะ”
ถังซวงและถังเซวี่ยทักทายทั้งสองอย่างสุภาพ
เมิ่งผิงพูดคุยกับถังซวง “ซวงเอ๋อร์ อาเจ้อบอกเธอหรือยังว่าเธอจะต้องเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมปลายอันดับสอง ฉันเพิ่งนึกบางอย่างได้ว่าหลานสาวของฉันเรียนอยู่ที่นั่นเหมือนกัน ไม่รู้ว่าอยู่ชั้นเดียวกับเธอไหม แต่ฉันได้ยินว่าเธออยู่ชั้นมัธยมปลายปีหนึ่งน่ะ”
ถังซวงยิ้มก่อนจะถามว่า “หลานสาวของป้ารองชื่ออะไรคะ?”
“เมิ่งซือเซี่ยจ้ะ”
“ป้ารองคะ ถ้าฉันพบสหายร่วมชั้นเมิ่งซือเซี่ยแล้ว ฉันจะบอกนะคะ”
เมิ่งผิงยิ้มก่อนจะพูดว่า “ไม่ต้องบอกฉันหรอก ถ้าเจอกันมันก็ดี และถ้าเธอสองคนเป็นเพื่อนกันได้ฉันก็คงสบายใจ อีกอย่างเธอเพิ่งจะไปโรงเรียน ถ้ารู้สึกไม่คุ้นเคยกับสถานที่ ก็ไปพูดคุยกับซือเซี่ยได้เลยนะ”