การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 291 หิมะ
บทที่ 291 หิมะ
บทที่ 291 หิมะ
ถังซวงได้ยินเมิ่งผิงพูดอย่างนั้นแล้ว ก็ยิ้มกว้างก่อนจะตอบว่า “ขอบคุณค่ะป้ารอง”
เมิ่งผิงโบกมือก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นไร ๆ เรื่องเล็กน้อยจ้ะ ฉันหวังว่าเธอกับเสี่ยวเซวี่ยจะปรับตัวเข้ากับโรงเรียนที่นี่ได้เร็ว ๆ นะ” เธอรู้ดีว่าโรงเรียนในเมืองหลวงไม่สามารถเอาไปเทียบกับที่อื่นได้ แม้ถังซวงกับถังเซวี่ยจะมีผลการเรียนที่ดี ก็อาจจะปรับตัวยาก
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน เฮ่อหลานเดินเข้ามา
เธอยิ้มทักทายอวี๋มินและเมิ่งผิง “พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง”
“อาหลาน นั่งลงก่อนจ้ะ”
อวี๋มินกวักมือเรียกเฮ่อหลานพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ช่วงนี้ญาติของพวกเราก็กลับไปกันแล้ว ปีหน้าเธอมีแผนยังไงบ้างหรือจ้ะ พักผ่อนอยู่ที่บ้านหรือว่าออกไปทำงาน?”
ได้ยินอย่างนั้นแล้วเฮ่อหลานตอบกลับตามตรง
“พี่สะใภ้ใหญ่ ฉันยังไม่มีแผนว่าจะออกไปทำงานอะไรค่ะ ตอนนี้ฉันต้องฝึกทักษะการเย็บปักให้เก่งขึ้น แล้วก็ต้องทำให้คนหันกลับมาสนใจการเย็บปักเพิ่มให้ได้”
อวี๋มินพยักหน้าเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนจะตอบกลับว่า “ดีแล้วที่เธอมีความมุ่งมั่น และสามารถทำในสิ่งที่ชอบได้”
ขณะนั้นเอง คนในครัวก็ออกมาบอกว่ามื้อเที่ยงพร้อมแล้ว
คุณนายจิงยืนขึ้นพร้อมรอยยิ้มก่อนจะพูดว่า “ไปกันเถอะ ไปห้องอาหารกัน หลังจากตาเฒ่ากลับมาแล้ว เราจะได้ทานอาหารกัน”
มื้อกลางวันมีอาหารมากมาย และยังมีจานพิเศษจากมณฑลเจียงด้วย หลังจากที่คุณชายจิงและคนอื่น ๆ เดินเข้ามา ทุกคนก็นั่งลงรับประทานอาหารด้วยกัน
“ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย ทานเยอะ ๆ นะจ้ะ จากนี้พวกเราจะได้ทานข้าวร่วมกันทุกวัน”
คุณนายจิงยิ้มก่อนจะตักอาหารให้กับถังซวงและถังเซวี่ยคนละจาน ขณะเดียวกันก็ยังถามว่าพวกเขาทั้งสองชอบกินอะไรบ้าง
“คุณย่าคะ พวกเราชอบกินทุกอย่างเลยค่ะ ไม่มีข้อยกเว้น”
ถังเซวี่ยพูดด้วยรอยยิ้มก่อนจะกินอาหารเข้าไปคำใหญ่
เมื่อเห็นถังเซวี่ยมีความสุขกับการกินแล้ว คุณนายจิงรีบตักอาหารเพิ่มให้ เพราะเธอชอบที่จะเห็นเด็ก ๆ มีความสุข แต่เธอก็ไม่ลืมที่จะดูแลถังซวง จึงคีบอาหารมากมายให้กับเด็กสาวด้วย
หลังรับประทานอาหารแล้ว จิงเจ้อหรงพาภรรยาและลูกสาวกลับไปที่บ้านของตัวเอง นี่เป็นครั้งแรกที่ถังซวงและถังเซวี่ยมาที่นี่ เมื่อเห็นห้องที่คุณนายจิงเตรียมเอาไว้ ทั้งสองเผยสีหน้าประหลาดใจออกมา
ถังเซวี่ยมองสีชมพูที่ประดับประดาในห้องอย่างมีความสุข
“โห… นี่คือห้องที่คุณย่าเตรียมไว้ให้หรือคะ สวยมากเลยค่ะ ฉันชอบมันมาก”
เมื่อเห็นลูกสาวคนเล็กมีความสุขมาก เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะก่อนจะตอบกลับว่า “อย่างนั้นตอนทานมื้อเย็น ก็ขอบคุณคุณย่าด้วยนะจ้ะ”
“ค่า”
ถังเซวี่ยพยักหน้าอย่างน่าเอ็นดู
แม้ถังซวงจะรู้สึกว่าห้องสีชมพูไม่ค่อยเหมาะกับตนเท่าไรนัก แต่เธอก็ไม่พูดอะไร เพราะคิดว่านี่คงจะเป็นความต้องการของคุณนายจิง เธออาจจะคิดว่าเด็กผู้หญิงคงจะชอบอะไรเหล่านี้
หลังจากนั้นถังซวงและถังเซวี่ยย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลจิง
ส่วนโม่เจ๋อหยวนมาหาเธอในวันที่เก้า ถังซวงเห็นเขาขณะที่กลับมาจากออกกำลังกาย ทั้งสองบังเอิญพบกันที่ประตูบ้านตระกูลจิง
“ซวงเอ๋อร์ เพิ่งกลับมาหรือ?”
แววตาของถังซวงเป็นประกายเมื่อได้พบกับโม่เจ๋อหยวน “พี่โม่ธุระเสร็จแล้วหรือคะ?”
“ใช่ ฉันเลยมาหาเธอน่ะ”
โม่เจ๋อหยวนเดินมาที่ถังซวงอย่างสบาย ๆ ก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาแล้วซับเหงื่อที่หน้าผากของหญิงสาวโดยไม่รู้ตัว และเมื่อนึกขึ้นได้จึงรู้สึกว่าพวกเขาอยู่ใกล้กันมากเกินไปซะแล้ว
ถังซวงมองโม่เจ๋อหยวนค้างอยู่อย่างนั้น แต่เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะพูดอะไรเพื่อขจัดความอึดอัดนี้
เวลานี้ถังเซวี่ยออกมาข้างนอก ก็เห็นภาพชวนเขินของทั้งสองคน เธอรีบโบกไม้โบกมือแล้วพูดว่า “โอ้… ฉัน… เอ่อ เหมือนฉันจะลืมของ เดี๋ยวกลับไปเอาก่อนนะคะ” หลังพูดจบเธอวิ่งกลับเข้าไปอย่างรวดเร็ว
พอได้ยินเสียงของถังเซวี่ย ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนได้สติกลับมา โม่เจ๋อหยวนรีบเก็บผ้าเช็ดหน้าก่อนจะพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ ฉันขอโทษนะ คือ… ฉันเห็นว่าเหงื่อเธอเยอะน่ะ เลยอยากจะเช็ดให้”
ถังซวงส่ายหัวพร้อมตอบกลับว่า “ไม่เป็นไรค่ะ ก็พี่อยากช่วยฉันไม่ใช่หรือ แล้วจะขอโทษทำไมล่ะ” เธอมองโม่เจ๋อหยวนก่อนจะพูดว่า “พี่โม่เราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
“อื้ม”
เมื่อเห็นว่าถังซวงไม่โกรธ โม่เจ๋อหยวนถอนหายใจอย่างโล่งอก
หลังจากทั้งสองเข้าไปแล้ว ถังเซวี่ยจึงเดินออกมาอีกครั้ง
เมื่อเห็นถังเซวี่ย ถังซวงโบกมือหยุดอีกฝ่ายไว้ก่อนจะถามว่า “เสี่ยวเซวี่ย จะไปทำอะไรข้างนอกหรือ?”
เมื่อเห็นว่าพี่สาวยังปกติดี เธอจึงรู้สึกว่าตนไม่จำเป็นต้องแสดงอะไรอีกต่อไป บางทีพวกเขาสองคนอาจจะไม่ได้มีอะไรกันจริง ๆ ก็ได้ “พี่คะ ตอนแรกฉันจะออกไปบอกพี่ว่าได้เวลาทานมื้อเช้าแล้วน่ะ”
“ในเมื่อจะออกไปหาฉัน แล้วจะต้องหยิบอะไรไปด้วยล่ะ? ทำไมก่อนหน้านี้ถึงบอกว่าลืมของ”
“ฉัน… ฉันคิดว่าตัวเองลืมกุญแจน่ะค่ะ ฮิฮิ…”
ถังซวงมองถังเซวี่ยอย่างขบขันก่อนจะพูดว่า “เอาเถอะ เรารีบไปกัน” จากนั้นเธอหันมองโม่เจ๋อหยวนแล้วถามว่า “พี่โม่ทานมื้อเช้าแล้วหรือยังคะ?”
“ยังเลย”
โม่เจ๋อหยวนมัวแต่ยุ่งกับงานจนดึกดื่น เขาเลยตื่นสาย และรีบมาหาถังซวงก่อนที่จะทานอาหารเช้าเสียอีก
“งั้นไปกินข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”
โม่เจ๋อหยวนไม่ปฏิเสธเมื่อได้ยินอย่างนั้น
เวลานี้ครอบครัวจิงเห็นโม่เจ๋อหยวนเดินเข้ามา ก็กล่าวทักทายอย่างอบอุ่น และนั่งรับประทานอาหารเช้าร่วมกัน
หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว ถังซวงตัดสินใจว่าจะไปบ้านตระกูลโม่
“วันนี้พี่ว่างไหมคะ เราไปบ้านพี่ได้ไหม ฉันว่าจะไปเยี่ยมคุณปู่แล้วก็อวยพรปีใหม่สักหน่อย”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว โม่เจ๋อหยวนไม่ปฏิเสธ
แต่เฮ่อหลานที่อยู่ด้านข้างกล่าวขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ งั้นแม่ไปด้วยนะจ้ะ คราวที่แล้วเหม่ยเจินช่วยงานไว้ตั้งเยอะ ฉันยังไม่ได้ขอบคุณเธอเลย”
“ฉันไปด้วยค่ะ”
ถังเซวี่ยยืนขึ้นพร้อมกับพูดอย่างรวดเร็ว
เดิมทีจิงเจ้อหรงต้องการไปส่งทั้งสามแม่ลูกที่บ้านตระกูลโม่ แต่เพราะวันนี้โม่เจ๋อหยวนขับรถมา เขาจึงไม่ต้องไปส่ง “ลุงจิงครับ เดี๋ยวผมจะกลับมาส่งป้าหลานเองครับ”
เฮ่อหลานโบกมือให้กับจิงเจ้อหรงแล้วพูดขึ้นว่า “อาเจ้อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ พวกเราไปแป๊บเดียวเดี๋ยวก็กลับแล้ว”
“ครับ”
คราวนี้เฮ่อหลานอยากไปพูดคุยกับหลินเหม่ยเจิน และมันคงไม่เหมาะสมหากเขาจะไปด้วย วันนี้เขาจึงไม่ได้ติดตามเธอไป
เมื่อทั้งสามมาถึงบ้านตระกูลโม่ ผู้เฒ่าโม่ก็มีความสุขมากที่เห็นทั้งสามแม่ลูกมาที่นี่ “ซวงเอ๋อร์ มาแล้วหรือ นั่งลงก่อนสิ”
“เทศกาลตรุษจีนทั้งที พวกเราเลยมาอวยพรปีใหม่ให้คุณปู่ค่ะ”
“ดี ดีเลย”
เมื่อผู้เฒ่าโม่ได้ยินคำของถังซวงแล้ว ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “งั้นอยู่ทานมื้อเที่ยงด้วยกันนะ”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยกัน หลินเหม่ยเจินเดินเข้ามา และเมื่อเห็นว่าเธอมาแล้ว เฮ่อหลานจับมือเธอไว้พร้อมพูดว่า “เหม่ยเจิน วันก่อนต้องขอบคุณเธอมากเลย ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมาช่วยเหลือในวันแต่งงาน บ้านของฉันคงวุ่นวายน่าดู”
“อาหลาน ขอบคุณอะไรกัน คนกันเองทั้งนั้น”
หลินเหม่ยเจินคว้ามือเฮ่อหลานก่อนจะพูดว่า “ถ้าว่าง ๆ มาหาฉันได้ตลอดเลยนะ เราจะได้พูดคุยกัน”
“จ้ะ”
เฮ่อหลานยิ้มรับพร้อมกับพยักหน้า
ทั้งสามแม่ลูกอยู่รับประทานมื้อเที่ยงที่นี่ ขณะที่โม่เจ๋อหยวนกำลังจะไปส่งถังซวงและคนอื่น ๆ กลับบ้าน ก็พลันมีหิมะโปรยลงมาจากท้องฟ้า เกล็ดหิมะพลิ้วไหวราวกับกำลังเริงระบำกับสายลม ราวกับภาพวาดของศิลปินชื่อดัง
“โห… สวยจัง”
ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ ก่อนที่เฮ่อหลานจะพยักหน้ารับแล้วพูดว่า “จ้ะ สวยมาก”
“ถ้าไปที่ชานเมืองทางตะวันออก มันจะสวยกว่านี้แน่นอนครับ” โม่เจ๋อหยวนพูดขึ้นมาหลังจากเห็นว่ามีหิมะตก
ได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานมองโม่เจ๋อหยวนก่อนจะหันมองถังซวงแล้วพูดว่า “เจ๋อหยวน ถ้าที่นั่นมีหิมะ เธอควรพาซวงเอ๋อร์ไปดูนะ ส่วนเสี่ยวเซวี่ยกับฉันจะกลับก่อนก็ได้จ้ะ”
เดิมทีเสี่ยวเซวี่ยอยากพูดสิ่งที่อยู่ในใจ แต่เมื่อนึกถึงบางอย่างได้ เธอจึงพยักหน้าแล้วรีบตอบกลับว่า “ใช่ค่ะ งั้นฉันกับแม่กลับก่อนนะคะ” หลังพูดจบแล้ว ทั้งสองออกไปทันที
ถังซวงมองแผ่นหลังของเฮ่อหลานและถังเซวี่ยด้วยแววตาขบขัน ก่อนจะหันกลับมาหาโม่เจ๋อหยวนแล้วถามว่า “แล้วพวกเราจะไปไหนกันต่อดีคะ?”
“ซวงเอ๋อร์ เธออยากไปดูไหม?”
เมื่อเห็นแววตาลุ่มลึกเต็มไปด้วยความปรารถนาของโม่เจ๋อหยวนแล้ว ถังซวงพยักหน้าตอบไปอย่างไม่รู้ตัวว่า “ค่ะ”