การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 292 โม่เจ๋อหยวนบังกระสุน
0
บทที่ 292 โม่เจ๋อหยวนบังกระสุน
บทที่ 292 โม่เจ๋อหยวนบังกระสุน
หิมะร่วงหล่นโปรยปราย ย้อมให้พื้นดินกลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนที่กำลังเดินทางไปยังเขตชานเมืองทางตะวันออก มองฉากหิมะโปรยปรายตรงหน้า พวกเขารู้สึกว่าหัวใจพลันสดชื่นอย่างบอกไม่ถูก “สวยจริง ๆ ค่ะพี่โม่”
เมื่อเห็นถังซวงชอบมันมาก ใบหน้าของโม่เจ๋อหยวนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ถ้าเธอชอบ ไว้ว่าง ๆ ฉันจะพามาอีกนะ”
ถังซวงยิ้มกว้างพร้อมพยักหน้ารับ
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองหยุดฝีเท้าลงหลังจากเดินมาสักพัก จากนั้นโม่เจ๋อหยวนจับมือถังซวงเอาไว้และดึงเธอไปยืนด้านหลัง
“พี่โม่ ข้างหน้ามีคนเยอะ ด้านหลังก็มี”
โม่เจ๋อหยวนไม่รู้ว่ามีใครอยู่ด้านหลัง เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวงแล้ว เขาหันมองกลับไปและพบว่ามีคนจำนวนมากกำลังเข้าล้อมพวกเขาอย่างช้า ๆ “ซวงเอ๋อร์ ฉันจะขวางพวกมันไว้ก่อน ถ้ามีโอกาส เธอรีบหนีไปเลยนะ” เขารู้สึกได้ว่าคนเหล่านี้ไม่ใช่คนดี และไม่ได้จัดการได้ง่าย ๆ
ถังซวงจับมือโม่เจ๋อหยวนไว้แน่นก่อนจะพูดว่า “ไม่ เราจะหนีไปด้วยกัน”
ขณะพูดอย่างนั้น ถังซวงหยิบขวดแก้วเล็กออกจากเสื้อพร้อมกับเทยาสองเม็ดออกจากขวด แล้วยัดยาหนึ่งเม็ดใส่มือของโม่เจ๋อหยวนแล้วกระซิบแผ่วเบา “เอานี่ไป”
โม่เจ๋อหยวนกลืนยาลงคอโดยไม่พูดร่ำทำเพลง
เวลานี้ คนที่รุมล้อมเข้ามาเริ่มร่นระยะห่างลงทุกที
ชายวัยกลางคนยืนอยู่ด้านหน้าพร้อมกับจ้องมองโม่เจ๋อหยวนอย่างระแวดระวังพูดขึ้นว่า “เป็นเขา” จากนั้นก็มองไปที่ถังซวง หลังจากเห็นถังซวงอย่างชัดเจนแล้ว เขาขมวดคิ้วพร้อมกับหยิบรูปถ่ายออกจากกระเป๋าก่อนเพื่อตรวจสอบ ดวงตาของมันก็มีประกายความชั่วร้ายออก “ดีจริง ๆ จับพวกมันสองคนได้ในคราวเดียว”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่หยาบกระด้างของชายคนนั้น แววตาของถังซวงกลายเป็นเย็นยะเยือก
“ชาวฝูซาง”
ท่าทีของโม่เจ๋อหยวนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม เขาประหลาดใจมากได้พบกับชาวฝูซางในเมืองหลวง คนพวกนี้กัดไม่ปล่อยจริง ๆ
ชายวัยกลางคนซึ่งเป็นหัวหน้ากล่าวขึ้นอย่าง “จับสองคนนี้ไว้ โดยเฉพาะผู้ชาย จับมันให้ได้”
“ซวงเอ๋อร์ เป้าหมายของพวกมันคือฉัน ถ้ามีโอกาสให้หนีทันที”
โม่เจ๋อหยวนเข้าใจสิ่งที่พวกมันพูด และเกรงว่าตนเองจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกมัน แต่เขาไม่อยากให้ซวงเอ๋อร์เป็นอะไรไป
“พี่โม่ ฉันก็เป็นเป้าหมายของพวกมันด้วย คงหนีไปไม่ได้หรอก ดูเหมือนคนพวกนี้จะมีบางอย่างเกี่ยวข้องกับชาวฝูซางในหมู่บ้านหลี่ซานแน่ ๆ ไม่อย่างนั้นชาวฝูซางคนอื่น ๆ จะรู้จักเราได้ยังไง”
ได้ยินอย่างนั้นแล้ว โม่เจ๋อหยวนรู้สึกว่านี่มันสมเหตุสมผล
“เป็นไปได้ไหมว่าเราสองคนหมายหัว? มีคนหลบหนีออกจากหมู่บ้านหลี่ซานได้งั้นหรือ?”
“อืม อาจมีปลาน้อยหลุดลอดตาข่าย”
แววตาของถังซวงยิ่งเย็นชา ทันใดนั้นมีคนพุ่งเข้าหาเธอ เธอจึงพุ่งกระโจนไปด้านหน้าพร้อมกับต่อยชายคนนั้นจนนอนกองอยู่กับพื้น
เดิมทีคนเหล่านั้นคิดว่าการจับกุมถังซวงจะเป็นเรื่องง่าย ๆ พวกเขาไม่คาดคิดว่าหลังจากปะทะกันตัวต่อตัว พวกตนกลับไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเธอเลยสักนิด
“ระวังตัวด้วย สองคนนี้ไม่ธรรมดา แต่พวกเรามีจำนวนมากกว่า ต่อให้เก่งแค่ไหนก็ไม่มีประโยชน์”
เมื่อได้ยินอย่างนี้แล้ว ทั้งหมดพุ่งเข้าหาทั้งสองคน ด้วยเพราะมีจำนวนคนมากกว่า มันจึงไม่ใช่ปัญหาที่จะจับทั้งสองคนนี้
แต่คนที่เป็นหัวหน้ายังยืนนิ่ง เขายืนอยู่ด้านหลังคอยวางกลยุทธ์การโจมตี
ถังซวงและโม่เจ๋อหยวนเองก็ไม่กล้าประมาท ทั้งสองต่อสู้กับคนเหล่านั้นอย่างดุเดือด อย่างไรก็ตามถังซวงยังคงมีไหวพริบที่ยอดเยี่ยมเช่นเคย เธอล่อคนจำนวนมากให้เกาะกลุ่มกัน แล้วหยิบขวดแก้วขาวออกมาก่อนจะโรยผงสีขาวไปรอบ ๆ
“ถอย”
ชายวัยกลางมองออก เมื่อถังซวงหยิบขวดออกมา เขาตะโกนเสียงดังให้พวกลูกน้องถอยแต่ทว่ามันสายเกินไป มีเพียงหกคนที่อยู่ลงนอกเท่านั้นที่ถอยออกมาทัน และคนด้านในทั้งหมดสูดดมผงสีขาวเข้าไปแล้ว ทั้งหมดล้มลงกับพื้นอย่างอ่อนแรง
“บัดซบ…”
เมื่อเห็นว่าสูญเสียกำลังคนจำนวนมาก ชายวัยกลางคนจ้องมองถังซวงด้วยแววตาเกรี้ยวกราด
เขาไม่คิดมาก่อนว่าสองคนนี้ ผู้หญิงจะเป็นบุคคลที่รับมือยากที่สุด
โม่เจ๋อหยวนมองผู้ชายที่ล้มอยู่บนพื้น ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วมองถังซวงก่อนจะกล่าวชมเชย “ซวงเอ๋อร์ เธอนี่เก่งจริง ๆ เลยนะ”
ถังซวงขมวดคิ้วก่อนจะหันมองโม่เจ๋อหยวนแล้วถามว่า “พี่โม่ เป็นอะไรไหมคะ?”
เวลานี้โม่เจ๋อหยวนกลับกลายเป็นรู้สึกเขินเล็กน้อย เพราะมีรอยข่วนจาง ๆ บนใบหน้า และยังมีบาดแผลที่แขนและหัวไหล่
แต่โม่เจ๋อหยวนส่ายหัวก่อนจะพูดว่า “ไม่เป็นไร ก็แค่แผลถลอก น่ะ”
มันไม่เป็นไรหากเขาจะต้องเจ็บตัวสักหน่อย ตราบใดที่ถังซวงปลอดภัย เขาก็อุ่นใจ เวลานี้เขารู้สึกว่าถังซวงเก่งมาก เพราะพวกที่มาในวันนี้ล้วนแต่เป็นมืออาชีพ แข็งแกร่งกว่าคนก่อน ๆ ที่เคยได้พบ
เห็นว่าโม่เจ๋อหยวนไม่เป็นไรมาก ถังซวงโล่งใจ
ชายวัยกลางคนเห็นว่าทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างสบาย ๆ สีหน้าของเขายิ่งบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด หันไปพูดกับอีกหกคนที่เหลือว่า “กินยาล้างพิษก่อนแล้วค่อยลงมือต่อ”
ทั้งหกคนเผยสีหน้าลำบากใจ พวกเขาหยิบยาล้างพิษออกมาหนึ่งเม็ด นี่คือยาที่พวกเขาจะพกติดตัวไปไหนมาไหนด้วยเสมอ มันจะถูกใช้ในสถานการณ์คับขัน ไม่คิดเลยว่าจะต้องใช้มันในเวลานี้
แต่เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ พวกเขายิ่งต้องการจับกุมถังซวงให้เร็วที่สุด จะได้เอาคืนเธออย่างสาสม
เวลานี้ถังซวงกลายเป็นเป้าหมายของคนเหล่านี้ซะแล้ว และเธอเอาผงสีขาวออกมาอีกครั้ง แต่ถึงคนเหล่านี้จะสูดดมเข้าไป พวกเขากลับไม่ได้รับผลอะไรเลย
เห็นอย่างนั้นแล้ว ถังซวงเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนว่ายาล้างพิษของคนเหล่านี้จะได้ผล
แต่ทว่าในใจของทั้งหกเต็มไปด้วยความปั่นป่วน เพราะยาล้างพิษของพวกเขาสามารถชำระล้างได้แม้กระทั่งพิษที่ร้ายแรงที่สุด แต่เมื่อพวกเขากินยาถอนพิษนี้ไปแล้ว ก็ยังไม่วายที่จะได้รับผลกระทบจากยาของถังซวง ทั้งหมดจึงตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของยาในมือถังซวงอย่างรู้ซึ้ง
เมื่อเห็นว่าทั้งหกคนกำลังตกอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่ โม่เจ๋อหยวนจึงใช้โอกาสนี้เพื่อโจมตีทันที
แน่นอนถังซวงก็ไม่ปล่อยโอกาสนี้ไป เธอและโม่เจ๋อหยวนต่างก็มีฝีมือไม่แพ้กัน ทั้งหกคนนั่นจึงพ่ายแพ้โดยสมบูรณ์
หลังจากมองดูสถานการณ์ตรงหน้า ชายวัยกลางคนแทบไม่อยากจะเชื่อสายตา แววตาของเขาเผยความเกรี้ยวกราด ขณะมองถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนต่อสู้กับคนทั้งหก เขาหยิบปืนออกมา ก่อนจะเล็งมันไปที่ถังซวง
เวลานั้นโม่เจ๋อหยวนหันไปจัดการกับชายคนหนึ่ง และเห็นชายวัยกลางคนพอดี “ซวงเอ๋อร์…”
โม่เจ๋อหยวนพุ่งไปหาถังซวงอย่างไม่ทันคิด
“พี่โม่…”
ถังซวงเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า และเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนกอดเธอเอาไว้ เธอต้องการจะผลักเขาออกไปแต่ว่าสายไปแล้ว เสียงปืนดังขึ้น
ปัง ปัง ปัง…
ร่างกายของโม่เจ๋อหยวนสั่นสะท้าน เลือดไหลออกจากมุมปาก
“พี่โม่…”
นี่เป็นครั้งแรกที่ถังซวงทำอะไรไม่ถูก เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อเรียกสติกลับมาอีกครั้ง จากนั้นเธอยัดยาเข้าไปในปากของอีกฝ่ายด้วยมือที่สั่นเทา “พี่โม่ อย่าเป็นไรนะ พีต้องไม่เป็นอะไร”