การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 293 สารภาพ
บทที่ 293 สารภาพ
บทที่ 293 สารภาพ
เมื่อเห็นว่าถังซวงกำลังตื่นตระหนก โม่เจ๋อหยวนกล่าวเสียงแผ่ว “ซวงเอ๋อร์… ไม่… ไม่ต้องกังวล ฉันไม่เป็นไร”
“ไม่ต้อง พี่ไม่ต้องพูดแล้ว”
ถังซวงห้ามโม่เจ๋อหยวนด้วยดวงตาแดงก่ำ เธอเงยหน้าขึ้นมองชายวัยกลางคนที่กำลังถือปืนด้วยแววตาโกรธเกรี้ยว แววตาของเธอคล้ายกับจะกลืนกินเขาทั้งเป็น
ชายวัยกลางคนเห็นแววตาดุร้ายนั้นถึงกับตกตะลึง แต่เขากลับสู่ความสงบแล้วออกคำสั่งกับคนที่เหลือทันที “เหลือคนเดียวแล้ว ไปจับมันมา…”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะพูดจบ เสียงของเขาพลันชะงักค้าง ก่อนจะก้มศีรษะลงด้วยความตื่นตระหนก มองดูมีดพกที่ปักอยู่ตรงหน้าอกด้วยตาเบิกโพลง
“อะไร… เกิดอะไรขึ้น…”
หลังพูดออกมา ชายวัยกลางคนเบิกตากว้างก่อนจะล้มลงกับพื้น
“อ๊าก…”
คนที่เหลืออยู่ตื่นตระหนกเมื่อเห็นชายวัยกลางคนตายไปอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว แม้เขาจะไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จะต้องเป็นฝีมือของหญิงสาวตรงหน้าเขาแน่ ๆ เธอฆ่าคนงั้นหรือ? เธอลงมือตอนไหน? เธอหยิบมีดพกออกมาเมื่อไร? แล้วเธอเคลื่อนไหวตั้งแต่ตอนไหน?
ทันทีที่ชายคนนั้นอุทานออกมา ถังซวงโจมตีเขาทันทีด้วยมีดพกที่เหลืออีกเล่ม
ตอนนี้ถังซวงไม่สนใจอะไรแล้ว แม้โม่เจ๋อหยวนจะสงสัยว่าเธอเอามีดพกมาจากไหน แต่เธอก็ไม่คิดแยแส เพราะคนเหล่านั้นสมควรตาย
โม่เจ๋อหยวนเห็นทั้งสองถูกถังซวงสังหารด้วยมีดพก แต่เขาไม่ได้ถามอะไรมาก เขารู้ว่าตัวเองถูกหยิงสองนัด โชคดีที่นัดแรกโดนที่ไหล่ อีกนัดโดนแผ่นหลัง ในใจของเขาตระหนักได้ถึงความเป็นความตายที่สามารถเกิดได้ทุกเมื่อ ไม่รู้เลยว่าตนเองจะมีชีวิตอยู่ถึงวันไหน เขาเลยมีหลายอย่างต้องการจะพูดกับถังซวง
“ซวงเอ๋อร์… ฉัน… ฉันชอบเธอ ชอบมานานแล้ว ฉัน… กลัวว่าจะไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”
แต่หลังจากพูดมันออกไปแล้ว โม่เจ๋อหยวนที่คิดว่าจะพูดทุกสิ่งในใจกลับหยุดปากลง และพลันเสียใจเล็กน้อย และถ้าเขารอดไปได้ คำพูดนี้จะทำให้ถังซวงลำบากใจไหม?
เกล็ดหิมะร่วงหล่นโปรยปราย
บนหิมะสีขาวบริสุทธิ์ ชายหนุ่มสารภาพรักกับหญิงสาวผู้งดงาม แต่ชายหนุ่มที่สารภาพออกมากลับเผยสีหน้าเสียใจ มีความกังวลในใจแววตาก่อนที่เขาจะเงียบไปอีกครั้ง
ถังซวงได้ยินคำสารภาพของโม่เจ๋อหยวนชัดเจน เธอมองเขาแล้วพูดว่า “โม่เจ๋อหยวน ฉันก็ชอบพี่เหมือนกัน”
เธอที่ไม่ค่อยชัดเจนกับความรู้สึกในใจนัก แต่พอเห็นโม่เจ๋อหยวนเอาร่างกายของตนเองบังกระสุนให้กับเธอ และยังได้เห็นโม่เจ๋อหยวนบาดเจ็บสาหัสแบบนี้ มีความกระวนกระวายในหัวใจก็เอ่อล้น เวลานี้เธอถึงรู้ว่าเป็นโม่เจ๋อหยวนที่อยู่ในใจของเธอมาตลอด เธอชอบเขา ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ลนลานและตื่นตระหนกได้มากขนาดนี้
“ซวงเอ๋อร์…”
โม่เจ๋อหยวนแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขากลัวว่าตัวเองจะเจ็บหนักจนประสาทหลอน “เธอ… ชอบฉันจริงหรือ?”
“ค่ะ”
เวลานี้โม่เจ๋อหยวนรู้สึกดีขึ้นมา แต่เมื่อสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดที่แผ่นหลัง เขาก็เศร้าอีกครั้ง “ซวงเอ๋อร์…” มันควรเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่สุด แต่หากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับเขา ซวงเอ๋อร์จะอยู่ยังไง
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หัวใจของโม่เจ๋อหยวนเต็มไปด้วยความหวาดกลัว “ซวงเอ๋อร์ จะเป็นยังไงถ้า…”
เมื่อเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนยังไม่หยุดพูด ถังซวงรีบห้ามเขาอย่างรวดเร็ว
“หยุดพูดก่อนค่ะ ฉันจะรักษาบาดแผลของพี่ก่อน ฉันอยู่ที่นี่แล้ว พี่จะไม่เป็นไร”
ถังซวงหยิบเข็มสีทองออกมาจากพื้นที่มิติ ก่อนจะจับโม่เจ๋อหยวนคว่ำหน้าลงอย่างระมัดระวังแล้วเริ่มฝังเข็ม
เดิมทีเมื่อโม่เจ๋อหยวนต้องการจะพูดบางอย่าง แต่เมื่อเขาเห็นว่าถังซวงหยิบเข็มทองคำออกมา เขายิ่งตกตะลึง และนึกไปถึงตอนที่ถังซวงหยิบมีดพกสองเล่มออกมาก่อนหน้านี้ แล้วเธอซ่อนพวกมันไว้ที่ไหน? ใช่ เขาไม่เคยสังเกตเลย หรือว่า… ซวงเอ๋อร์พกพวกมันติดตัวอยู่ตลอดงั้นหรือ?
แต่เพราะนี่คือฤดูหนาว โม่เจ๋อหยวนจึงไม่อาจคิดเป็นอย่างอื่นได้ เพียงคิดว่าถังซวงคงจะมีหลายสิ่งหลายอย่างเก็บไว้ภายใต้เสื้อผ้าหนา ๆ นั่น
ขณะที่โม่เจ๋อหยวนกำลังคิดไปต่าง ๆ นา ๆ ถังซวงก็จัดการกับบาดแผลของโม่เจ๋อหยวนด้วยเข็มทองคำแล้ว เวลานั้นเธอยัดยาอีกเม็ดเข้าปากของโม่เจ๋อหยวนแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ฉันจะพาพี่ไปโรงพยาบาล” เธอประคองโม่เจ๋อหยวนอย่างระมัดระวังก่อนจะขับรถด้วยตัวเอง
“เราออกมาได้แล้ว”
ถังซวงไม่สนใจว่าใครจะสงสัยเรื่องการขับรถได้ของตัวเอง เธอพาโม่เจ๋อหยวนไปโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดอย่างรีบร้อน
เมื่อเห็นว่าถังซวงขับรถเร็วมาก โม่เจ๋อหยวนยิ่งมองเธออย่างตื่นเต้น เขารู้สึกว่าถังซวงสามารถทำให้ผู้คนประหลาดใจได้เสมอ
ถังซวงขับรถมาจนถึงจุดหมาย โม่เจ๋อหยวนเข้าโรงพยาบาลกลางอย่างรวดเร็ว เมื่อแพทย์เห็นอาการบาดเจ็บของเขาก็ถึงกับตะโกนลั่น “ส่งเขาไปที่ห้องผ่าตัด”
โม่เจ๋อหยวนถูกพาตัวไปยังห้องผ่าตัดอย่างรวดเร็ว แต่เพราะถังซวงต้องการที่จะลงมือเองเพราะรู้สึกว่าเธอทำได้ดีกว่า “ฉันจะผ่าตัดให้เขา”
แพทย์ได้ยินคำพูดของถังซวงแล้ว เขาคิดว่าเธอกำลังล้อเล่น “สาวน้อย อย่าล้อเล่นน่า เราจะจัดการบาดแผลของเขาเอง”
“ถ้าฉันทำเองมันจะปลอดภัยกว่า”
แต่แพทย์คนนั้นไม่สนใจคำพูดของถังซวงแม้แต่น้อย อีกทั้งยังผลักเธอออกจากห้องผ่าตัดด้วย “สาวน้อย เธอกำลังสร้างปัญหาและทำให้พวกเราเสียเวลานะ นี่อยากจะเลื่อนการผ่าตัดออกไปหรือยังไง? เธอต้องการถ่วงเวลาคนไข้หรือ?”
“คุณ…”
ถังซวงชำเลืองมองแพทย์ตรงหน้าอย่างไม่พอใจ แต่เธอไม่มีอุปกรณ์ และถ้าหมอกับพยาบาลพวกนี้ไม่ยินยอม เธอก็ไม่สามารถทำได้ แต่ถ้าเธอมัวแต่ยื้ออย่างนี้ มันจะทำให้การผ่าตัดของโม่เจ๋อหยวนล่าช้าไปอีก เวลานี้เธอจึงไม่พูดอะไรต่อ
เมื่อมองประตูห้องผ่าตัดที่ปิดลง ถังซวงเดินไปมา ลุก ๆ นั่ง ๆ อย่างกระวนกระวาย
“ต้องไม่เป็นไร ไม่เป็นไรหรอก”
ถังซวงพยายามพูดกับตัวเอง เพราะก่อนหน้านี้เธอรักษาบาดแผลของโม่เจ๋อหยวนในเบื้องต้นแล้ว และยังใช้ยากู้ชีพกับยาห้ามเลือดให้กับเขาแล้วด้วย ดังนั้นเขาควรจะปลอดภัยสิ
หลังจากเดินไปมาหลายรอบ ถังซวงนึกขึ้นได้ว่าต้องแจ้งให้ตระกูลโม่ทราบ เธอรีบโทรศัพท์หาพวกเขา และโทรบอกจิงเจ้อหรงด้วยเช่นกัน
หลังจากวางสายแล้ว ถังซวงวิ่งกลับมาอย่างรวดเร็ว แต่ประตูห้องผ่าตัดยังปิดอยู่
ขณะที่ถังซวงเดินไปเดินมาอย่างกังวล มีคนบางคนกำลังวิ่งมาอย่างเหนื่อยหอบ เธอเงยหน้าขึ้นแล้วเห็นว่าเป็นจิงเจ้อหรงกับโม่ถิงฮวา
“ซวงเอ๋อร์ เป็นยังไงบ้าง?”
“พ่อคะ พี่โม่อยู่ระหว่างการผ่าตัด ยังไม่ออกมาเลยค่ะ”
หลังจากสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ โม่ถิงฮวาถามขึ้นว่า “ซวงเอ๋อร์ เกิดอะไรขึ้น ทำไมเจ๋อหยวนถึงถูกยิงล่ะ?”
“เป็นชาวฝูซางค่ะ”
ถังซวงเล่าเรื่องราวทั้งหมด แล้วพูดต่อว่า “ฉันสงสัยว่าคนพวกนี้เกี่ยวข้องกับชาวฝูซางในหมู่บ้านหลี่ซาน เป้าหมายของพวกมันคือฉันกับพี่โม่ แต่ฉันไม่เข้าใจเท่าไร ถ้าเป้าหมายของพวกเขาคือเราสองคนตั้งแต่ต้น ทำไมพวกเขาถึงรอจนป่านนี้แล้วค่อยลงมือ อีกอย่างพวกมันยังอยู่ในเมืองหลวงด้วย”