การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 298 โชคชะตานำพา
บทที่ 298 โชคชะตานำพา
บทที่ 298 โชคชะตานำพา
เมื่อเห็นว่าถังซวงนั่งลงไม่สนใจคนรอบข้าง นักเรียนทุกคนในชั้นเรียนมองเธออย่างประหลาดใจ ก่อนจะหันมองเด็กผู้ชายด้านข้างที่กำลังนอนฟุบกับโต๊ะ
ถังซวงไม่แม้แต่จะสนใจหรือมองใครแม้แต่น้อย
ตอนที่เธอเข้ามาในห้องนี้ เธอเห็นแล้วว่าที่นั่งอื่น ๆ เต็มหมดแล้ว นอกจากเก้าอี้ตัวนี้ ถ้าเธอไม่นั่ง เธอจะไปอยู่ตรงไหนได้อีก?
อย่างไรซะ ใบหน้าของถังซวงยังคงเรียบเฉย นักเรียนที่อยู่รอบ ๆ จึงเริ่มกระซิบกระซาบกัน
“โอ้… ยัยนั่นนั่งข้างตู้จ้งเหว่ยล่ะ เดี๋ยวยัยนั่นต้องโดนแน่”
“ใช่ ใช่ เธอเป็นใครกัน กล้าจริง ๆ”
“ถึงจะสวยแค่ไหน ก็ต้องเสียโฉม”
ขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุย อาจารย์ประจำชั้น เหมาจื้อหลาง เดินเข้ามาในห้อง เขาเห็นถังซวงนั่งอยู่ท้ายห้องจึงโบกมือให้เธอแล้วพูดว่า “นักเรียนใหม่ มาแนะนำตัวหน่อยครับ” เขายกมือขึ้นเคาะกระดานดำแล้วพูดว่า “ทุกคนเงียบก่อน เทอมนี้จะมีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามาในห้องเรียนของพวกเรา ให้เธอแนะนำตัวก่อน”
ถังซวงเดินไปที่หน้าชั้น ก่อนจะพูดอย่างกระชับว่า “สวัสดีทุกคน ฉันชื่อถังซวง ในอนาคตเรามาตั้งใจเรียนด้วยกันนะ” หลังจากพูดจบแล้ว เธอพยักหน้าให้อาจารย์เหมาจื้อหลางก่อนจะกลับมานั่งที่เดิม
เหมาจื้อหลางยิ้มก่อนจะพูดต่อว่า “นักเรียนถังซวงเพิ่งย้ายมา เธออาจจะประหม่าเล็กน้อย เอาล่ะ ยังไงก็ดูแลเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่กันด้วยนะ”
เวลานี้เหมาจื้อหลางสังเกตเห็นที่นั่งของถังซวงแล้ว เขาเลยมองไปรอบ ๆ จึงเห็นว่ามันไม่มีที่นั่งอื่นแล้วจริง ๆ เขาไม่พูดอะไรมากเพียงแค่ยกยิ้มแล้วกล่าวกับถังซวงว่า “นักเรียนใหม่ถังซวง ผมหวังว่าคุณจะชอบโรงเรียนและชั้นเรียนของพวกเรานะครับ”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์ ฉันชอบมันมากค่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น เหมาจื้อหลางยิ้มก่อนจะหันมองนักเรียนชายด้านหน้า “ผู้ชายด้านหน้ามายกหนังสือเรียนกับผมหน่อย”
หลังจากที่อาจารย์ประจำชั้นพานักเรียนชายสองสามคนออกไป นักเรียนที่เหลือหันมองถังซวงด้วยความอยากรู้อยากเห็น เพราะเธอทั้งสูงเพรียวและมีใบหน้าที่สวยงาม อีกทั้งยังดูเป็นมิตร ทุกคนเลยสงสัยว่าเธอมาจากโรงเรียนไหน และทำไมถึงย้ายมาที่โรงเรียนของพวกเขาได้
มีผู้หญิงสองคนนั่งอยู่ข้างหน้าของถังซวง และหนึ่งในนั้นหันศีรษะกลับมาถามว่า “เพื่อนร่วมชั้น เธออยู่โรงเรียนอะไรมาก่อนหรือ ทำไมถึงย้ายมาที่โรงเรียนของพวกเราล่ะ?”
ถังซวงชำเลืองมองหญิงสาวตรงหน้า เธอมีคางเรียวได้รูป ดวงตากลมโต ก็ดูสวยดี แต่ว่าสายตาที่มองมาทำให้ถังซวงรู้สึกไม่พอใจนัก อีกทั้งใบหน้าของอีกฝ่ายยังเชิดขึ้นเล็กน้อย จนคางเรียวชี้ตรงมาที่ถังซวงอย่างเย่อหยิ่ง นี่ต้องการจะข่มกันสินะ อีกฝ่ายทำเหมือนกับว่าการที่เธอพูดคุยกับถังซวงคือพรประเสริฐที่ตนกำลังมอบให้อย่างไงอย่างนั้น
เมื่อเห็นถังซวงไม่ตอบ หญิงสาวขมวดคิ้วก่อนจะเริ่มอารมณ์เสีย “นี่… ฉันถามเธอนะ ทำไมถึงไม่ตอบ”
“ก่อนจะถามอะไรกับใคร แนะนำตัวก่อนดีไหม?”
ถังซวงมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างเรียบเฉย เธอไม่คิดสร้างศัตรูกับเพื่อนร่วมชั้น แต่ถ้าอีกฝ่ายไม่อยากดีด้วย เธอก็ไม่เกรงใจ
“นี่เธอ…”
หญิงสาวไม่คิดว่าถังซวงจะพูดอย่างนี้ แต่แล้วเพื่อนร่วมโต๊ะของเธอดึงแขนเสื้อเบา ๆ แล้วพูดว่า “นี่ ซือเซี่ย เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่พูดถูกนะ เธอควรแนะนำตัวเองก่อนจะถามคำถามกับใคร เพราะถังซวงเพิ่งจะมาที่นี่และยังไม่รู้จักพวกเรา”
ซือเซี่ย…
พอได้ยินชื่อนี้แล้ว ถังซวงอดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้วขึ้น เธอเหลือบมองหญิงสาวตรงหน้าอีกครั้งและเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังโกรธจัด แต่หลังจากที่เพื่อนร่วมโต๊ะพูดให้ใจเย็น อีกฝ่ายจึงพูดเสียงค่อย “สวัสดีเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ ฉันชื่อเมิ่งซือเซี่ย ขอถามเธอหน่อยว่าก่อนหน้านี้เธออยู่โรงเรียนอะไร แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงย้ายเข้ามาในชั้นเรียนของพวกเรา?”
ถังซวงได้ยินการแนะนำตัวของเมิ่งซือเซี่ย ก็อดคิดไม่ได้ หลานสาวของป้ารองเรียนอยู่ชั้นเดียวกับเธอจริง ๆ และยังนั่งอยู่ที่โต๊ะด้านหน้าด้วย แต่ว่าหลานสาวของป้ารองคนนี้ดูจะนิสัยไม่ค่อยดีเท่าไร
“นักเรียนเมิ่ง ฉันแนะนำตัวเองไปแล้ว ฉันชื่อถังซวง เธอเรียกชื่อของฉัน หรือเรียกว่าเพื่อนร่วมชั้นถังซวงก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเรียกว่าเพื่อนร่วมชั้นซ้ำ ๆ หรอก ส่วนโรงเรียนเก่าของฉันเธอคงไม่รู้จัก มันอยู่ในเมืองเวิงซานมณฑลเจียงน่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น คนอื่น ๆ มองถังซวงด้วยความประหลาดใจ นักเรียนใหม่มาจากชนบทจริง ๆ ด้วย สำหรับพวกเขาแล้ว มณฑลเจียงคือสถานที่ห่างไกล และยิ่งเมื่อเธอพูดถึงเมืองเวิงซาน มันก็ยิ่งเป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ไกลออกไปอีก
“อ้อ มาจากเมืองอื่น ไม่แปลกที่ฉันไม่เคยเห็นเธอมาก่อน”
เมิ่งซือเซี่ยเม้มปาก ก่อนจะเลิกสนใจถังซวงไป
“ว่าแต่… ทำไมชื่อของเธอคุ้นหูจัง”
เมิ่งซือเซี่ยคิดเรื่องนี้อีกครั้ง แต่สุดท้ายก็นึกไม่ออก เธอจึงเลิกสนใจ แต่เวลานี้หญิงสาวด้านข้างยิ้มให้ถังซวงแล้วพูดขึ้นว่า “สวัสดีจ้ะเพื่อนร่วมชั้นถังซวง ฉันชื่อจู้เจินเจิน หลังจากนี้เราจะเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันนะ”
จู้เจินเจินเป็นหญิงใบหน้ากลม บ้องแบ๊ว และยังมีน้ำเสียงอ่อนโยนด้วย
ถังซวงเลยพยักหน้าให้ แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
แม้ว่าหญิงสาวตรงหน้าจะดูอ่อนโยน แต่แววตาของเธอไม่ได้เผยความจริงใจเท่าไรนัก ถังซวงจึงเลือกที่จะไม่ให้ความสำคัญอะไรต่อ
เมื่อเห็นว่าถังซวงเมินเฉย เมิ่งซือเซี่ยจึงพูดออกมาด้วยนำเสียงหงุดหงิดว่า “เธอนี่เป็นคนยังไง ไม่เห็นหรือว่าเจินเจินทักทายเธอ? ทำไมทำตัวแบบนี้ล่ะ?”
ก่อนถังซวงจะพูดอะไร ผู้ชายที่นอนอยู่ข้าง ๆ เธอลุกขึ้นพร้อมตบโต๊ะเสียงดังก่อนจะตะโกนลั่น “เสียงดังอะไรกันเนี่ย ฉันนอนไม่หลับเห็นไหม!”
เห็นอย่างนั้น ทุกอย่างโดยรอบเงียบลงทันที และทุกคนมองผู้ชายที่ตะโกนลั่นเมื่อครู่ด้วยความหวาดกลัว
เวลานี้เองที่ถังซวงเห็นใบหน้าของเพื่อนร่วมโต๊ะชัดเจน เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเหลามาก แต่ท่าทางในเวลานี้ไม่ใช่สิ่งที่ทุกคนอยากเห็น ตาของเขาแทบถลนออกมาและใบหน้าจริงจังนี่ดูน่ากลัวไม่น้อย
หลังจากเห็นว่าทั้งห้องเงียบลงแล้ว สีหน้าของตู้จ้งเหว่ยดีขึ้น แต่เมื่อเห็นถังซวงเขาขมวดคิ้วอีกครั้งก่อนจะถามว่า “เธอเป็นใคร ทำไมมานั่งที่โต๊ะของฉัน”
“เหอะ…”
ถังซวงแค่นหัวเราะก่อนจะเหลือบมองตู้จ้งเหว่ยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแล้วพูดว่า “เพื่อนร่วมชั้น นี่คือโต๊ะของนาย ส่วนนี่… คือโต๊ะของฉัน”
“หืม… คนโง่นี่ไม่กลัวอะไรเลยนะ เพื่อนร่วมชั้นคนใหม่นี่กล้าจริง ๆ”
“ใช่ เธอไม่รู้หรือว่าถ้าตู้จ้งเหว่ยคลั่งขึ้นมาแล้วเขาจะทำอะไรได้”
นานแล้วที่ตู้จ้งเหว่ยไม่ได้เจอใครที่กล้าต่อปากต่อคำกับตน ทั้งอีกฝ่ายยังเป็นผู้หญิงด้วย เขาจึงมองถังซวงอย่างนึกสนุก ก่อนจะพูดขึ้นอย่างไม่แยแส “นี่คือโต๊ะของฉัน เธอต้องไปนั่งที่อื่น”