การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 3 ฉันเชื่อในพี่สาวของฉัน
บทที่ 3 ฉันเชื่อในพี่สาวของฉัน
บทที่ 3 ฉันเชื่อในพี่สาวของฉัน
เมื่อมาถึงสถานีอนามัย ถังเยว่หมินก็ช่วยส่งถังซวงเข้าไปข้างใน
เมื่อแพทย์เห็นแผลบวมปูดบริเวณหลังศรีษะของถังซวง และท่าทางหมดสติของเธอ จึงรีบพูดว่า “เราไม่คอยเจออาการบาดเจ็บแบบนี้มาก่อน คุณควรส่งเธอไปโรงพยาบาลประจำมณฑลโดยเร็วนะ อาการบาดเจ็บที่ศีรษะจะประมาทไม่ได้ อันตรายถึงชีวิตได้เลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของเฮ่อหลานพลันซีดลง ขาแข้งอ่อนแรงแทบยืนไม่อยู่
แม้ว่าซวงเอ๋อร์จะได้รับบาดเจ็บสาหัส ซวงเอ๋อร์ยังเข้าไปช่วยเธอและถังเซวี่ยต่อสู้กับถังเจี้ยนกั๋ว แต่สุดท้ายเธอก็พาลูกสาวมารักษาช้าไป เนื่องจากการขัดขวางของแม่เฒ่าถังและถังเจี้ยนกั๋ว แม่อย่างเธอมันไร้ประโยชน์จริง ๆ ถ้าซวงเอ๋อร์ต้องตายเพราะแม่เฒ่าถังกับถังเจี้ยนกั๋ว สองคนนั้นต้องรับผิดชอบ
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ความเกลียดชังในใจของเฮ่อหลานก็หยั่งรากฝังลึกและเริ่มแตกหน่อ
ถังเยว่หมินเขามองไปที่เฮ่อหลานทันทีและพูดว่า “พาเธอไปโรงพยาบาลประจำมณฑลเถอะ”
“ค่ะ ๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานก็กลับมามีสติและพยักหน้าอย่างเร่งรีบ
ถังซวงถูกส่งไปที่ห้องฉุกเฉินทันที หลังจากที่เธอมาถึงโรงพยาบาลประจำมณฑล โดยที่เฮ่อหลานและถังเซวี่ยรออยู่ข้างนอกอย่างใจจดใจจ่อ
ถังเยว่หมินอดไม่ได้ที่จะถาม “เมียเจี้ยนกั๋ว ถังซวงได้รับบาดเจ็บขนาดนั้นได้อย่างไร? ศีรษะเป็นส่วนอ่อนไหว หากไม่รักษาให้ถูกวิธีมันอันตรายมากนะ เมื่อไม่กี่ปีก่อนมีคนในหมู่บ้านข้าง ๆ ศีรษะกระแทกจนกลายเป็นคนทึ่มไปเลยไม่ใช่หรือ? ทำไมเธอไม่ใส่ใจเลย”
เมื่อเฮ่อหลานได้ยิน นัยน์ตาของเธอก็เต็มไปด้วยความกังวล และในขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่พอใจถังเจี้ยนกั๋วขึ้นมา
เมื่อเห็นว่าแม่ของเธอไม่พูดอะไร ถังเซวี่ยจึงพูดจากด้านข้างว่า “พ่อเป็นคนผลักพี่สาวล้ม ทำให้ศีรษะพี่สาวเป็นแบบนี้” เธอพูดทุกสิ่งที่เกิดขึ้น
ถังเยว่หมินอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้
เขาเคยได้ยินเรื่องในครอบครัวของถังเจี้ยนกั๋ว และพูดได้เพียงว่าชีวิตของสามแม่ลูกนั้นน่าสงสารเกินไป แถมตอนนี้ถังซวงยังได้รับบาดเจ็บ ไม่รู้ว่าตอนนี้อาการบาดเจ็บที่ศีรษะของเธอเป็นยังไง
จู่ ๆ เฮ่อหลานก็นึกถึงสิ่งที่ลูกสาวคนโตถาม
เมื่อก่อนซวงเอ๋อร์ทำงานอย่างหนักเหมือนเธอ แต่ก็ไม่เคยบอกให้เธอควรหย่ากับถังเจี้ยนกั๋ว แต่ครั้งนี้ซวงเอ๋อร์พูดอย่างไม่ลังเล อาจเป็นเพราะเธอผิดหวังและไม่ต้องการอยู่ในตระกูลถังอีกต่อไป สิ่งที่ลูกสาวของเธอพูดล้วนถูกต้อง ถังเจี้ยนกั๋วจะฆ่าเธอจริง ๆ
ซวงเอ๋อร์ยังเด็กมาก เธอไม่อยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นเลย
เมื่อนึกถึงมัน น้ำตาของเฮ่อหลานก็ไหลอาบแก้ม เธอเสียใจมาก ถ้าเธอเข้มแข็งกว่านี้ ถ้าสามารถปกป้องลูกสาวได้ดีกว่านี้ ซวงเอ๋อร์คงจะไม่ต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้
เมื่อเห็นมารดาร้องไห้ ถังเซวี่ยก็เริ่มร้องไห้เช่นกัน
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ถังเยว่หมินก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัว จากนั้นมองไปที่สองแม่ลูกแล้วพูดว่า “ฉันจะจ่ายเงินให้ก่อน รออยู่ที่นี่นะ”
เมื่อเฮ่อหลานได้ยินเช่นนี้ เธอก็เช็ดน้ำตาอย่างแรงเพื่อสงบสติอารมณ์ พลางหยิบเงินที่เหลือออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความละอายใจ
“ผู้ใหญ่บ้าน ฉัน…ฉันมีมาเท่านี้ค่ะ”
“เดี๋ยวฉันจ่ายให้เธอก่อน เก็บเงินไว้ซื้ออาหารอร่อย ๆ ให้ถังซวงเถอะ”
หลังจากถังเยว่หมินพูดจบ ก็รีบไปจ่ายเงิน โชคดีที่เขามีเงินอยู่กับตัวตอนที่ออกมาวันนี้
เมื่อเห็นว่าถังเยว่หมินที่เป็นผู้ใหญ่บ้านทำให้มากขนาดนี้ แต่แม่เฒ่าถังกับถังเจี้ยนกั๋วกลับขัดขวางไม่ให้เธอพาซวงเอ๋อร์ไปสถานีอนามัย เมื่อเปรียบเทียบสิ่งนี้ หัวใจของเฮ่อหลานก็เจ็บปวด
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุด หมอที่ดูแลถังซวงก็ออกมา
“หมอคะ ลูกสาวฉันเป็นยังไงบ้าง?”
“เธอไม่เป็นไรมากครับ โชคดีที่ส่งมาได้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นผลที่ตามมาอาจเลวร้ายกว่านี้ แต่ตอนนี้สบายใจได้แล้วครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เฮ่อหลานรู้สึกโล่งใจ และในขณะเดียวกันก็ขอบคุณผู้ใหญ่บ้าน ถังเยว่หมิน เป็นอย่างมาก “ขอบคุณคุณมากค่ะ ขอบคุณมาก”
หลังจากที่ถังซวงถูกส่งไปที่ห้องผู้ป่วยแล้ว ถังเยว่หมินก็กลับมา
“เมียเจี้ยนกั๋ว ดูแลถังซวงให้ดีล่ะ ส่วนเรื่องเงินไม่ต้องห่วง ฉันจ่ายไปแล้วส่วนหนึ่ง ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าร่างกายของพวกเธอ ขอให้ถังซวงหายดีนะ”
“ขอบคุณผู้ใหญ่บ้านค่ะ ขอบคุณมากค่ะ”
ถังเยว่หมินเห็นใบหน้าที่ขอบคุณของเฮ่อหลาน เขาถอนหายใจและพูดว่า “ฉันจะพูดกับเจี้ยนกั๋วให้เอง เขาจะได้หยุดทำเรื่องแบบนี้ ครอบครัวควรจะเป็นสถานที่ที่ปลอดภัย”
เฮ่อหลาน อ้ำอึ้งเมื่อได้ยินคำนั้นและในที่สุดก็กลืนคำพูดเข้าปากไป อันที่จริง มันไม่สำคัญหรอกว่าเขาจะช่วยพูดหรือไม่ ยังไงเสียถังเจี้ยนกั๋วจะไม่เปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน ในสายตาของเขา เธอและลูกสาวสองคนเป็นที่รองรับอารมณ์และก่นด่าได้ตามต้องการ
เมื่อคิดได้เช่นนี้ คำพูดของลูกสาวคนโตก็เข้ามาในความคิดอีกครั้ง
จริงหรือที่หากพวกเขาหย่าร้างกัน ชีวิตของเราสามแม่ลูกจะง่ายขึ้น แต่… เธอไม่เคยเห็นครอบครัวไหนหย่าร้างกันจริง ๆ เลย แล้วพวกเราสามแม่ลูกจะไปที่ไหนหลังหย่าร้างล่ะ? เธอควรจะทำมันดีหรือไม่?
ความคิดของเฮ่อหลานสับสน ถังเยว่หมินกล่าวว่า “เอาล่ะ ฉันจะกลับไปก่อนนะ ครอบครัวของฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าฉันอยู่ในมณฑล เธอดูแลถังซวงให้ดีล่ะ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
เฮ่อหลานให้ถังเซวี่ยอยู่เฝ้าถังซวง และเธอก็ไปส่งถังเยว่หมินที่ประตู หลังจากนั้นก็ไปซื้อของใช้ ลูกสาวคนโตได้รับบาดเจ็บสาหัส เธออาจต้องอยู่ในโรงพยาบาลสักระยะหนึ่งต้องมีของใช้ที่จำเป็น
แต่ด้วยความที่เป็นห่วงลูกสาวคนโตมาก เธอจึงกลับมาหลังจากซื้อของไม่นาน
ในขณะนี้ ถังซวงรู้สึกเพียงว่าเธออยู่ในสภาพที่สับสนวุ่นวายและเธอไม่สามารถบอกได้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหนเพราะความมึนงง เมื่อเธอลืมตาขึ้น เธอมองไปที่ถุงน้ำเกลือ จากนั้นก็เห็นสภาพแวดล้อมของห้องผู้ป่วยที่ดูดิบ ๆ เถื่อน ๆ เมื่อกี้เธอเองก็เพิ่งรู้ว่าตัวเองอยู่ในยุค 1970 แถมตอนนี้ยังมาอยู่ในโรงพยาบาล
เฮ่อหลานและถังเซวี่ยเห็นถังซวงลืมตาและวิ่งไปตรงหน้าอย่างตื่นเต้น
“ซวงเอ๋อร์…”
“พี่สาว…”
เมื่อเห็นท่าทางประหม่าของเฮ่อหลานและถังเซวี่ย ถังซวงก็ยิ้มและพูดว่า “ฉันสบายดี”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานก็น้ำตาไหล “ซวงเอ๋อร์ ลูกได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แม่เลยพาลูกมาที่โรงพยาบาลประจำมณฑล การบาดเจ็บที่ศีรษะต้องดูแลดี ๆ จะประมาทไม่ได้นะ”
ถังซวงปวดหัวอย่างรุนแรงจริง ๆ และรู้ว่าเธอต้องดูแลมันอย่างดี
“ซวงเอ๋อร์ ลูกหิวไหม แม่หาของกินให้นะ”
เมื่อเห็นว่าเริ่มดึกแล้ว เฮ่อหลานก็รีบลุกขึ้นและไปทำอาหาร
แม้ว่าอาหารของโรงพยาบาลจะไม่ได้แย่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่แม่และลูกสาวจะได้นั่งลงและรับประทานอาหารพร้อมกันอย่างมีความสุข ทั้งสามจึงมีช่วงเวลาที่ดีร่วมกัน
“อา… อิ่มแล้ว เหมือนเพิ่งกินอาหารจริงจังครั้งแรกเลย คงจะดีถ้าได้กินแบบนี้ต่อ ๆ ไปนะ”
ถังเซวี่ยอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ นัยน์ตาของเธอเต็มไปด้วยความคาดหวัง โดยปกติแล้วที่บ้านพวกเขาสามคนแม่ลูกไม่เคยมีโอกาสได้นั่งที่โต๊ะ และกินข้าวพร้อมหน้ากัน กินแต่ของเหลือ พวกเธอไม่เคยกินอย่างอิ่มท้องได้เลย
ดวงตาของเฮ่อหลานเป็นประกายเมื่อได้ยินคำพูดของลูกสาวตัวน้อย
มันเป็นความผิดของเธอเอง เป็นเวลาหลายปีที่เธอปล่อยให้ลูกสาวสองคนของเธอต้องทนทุกข์ทรมาน “ไม่ต้องห่วง เสี่ยวเซวี่ย ในอนาคตเราจะกินอิ่มทุกมื้อ”
สิ่งที่เกิดขึ้นครั้งนี้ทำให้เธอเข้าใจว่าหากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปลูกสาวสองคนของเธอต้องแย่แน่และเธอต้องอยู่อย่างลำบาก ในอนาคตเธอจะไม่ให้เงินที่ได้จากการเย็บผ้าให้ถังเจี้ยนกั๋วอีก และเธอต้องเลี้ยงดูตัวเองกับลูกสาวทั้งสองให้ดี
“จริง ๆ เหรอ?”
ถังเซวี่ยไม่เชื่อหูตัวเอง
ถังซวงนั่งยิ้มอยู่ข้าง ๆ “แน่นอน มันเป็นเรื่องจริง”
ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อพี่สาวพูดแบบนี้ ถังเซวี่ยรู้สึกมั่นใจเล็กน้อยด้วยรอยยิ้มกว้างบนใบหน้าของเธอ “ฉันเชื่อพี่สาว”
แต่ถังซวงที่มีอาการบาดเจ็บที่ศีรษะ จากนั้นไม่นานเธอก็รู้สึกเพลียและล้มตัวลงนอนเพื่อพักผ่อน