การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 300 เตือน
บทที่ 300 เตือน
บทที่ 300 เตือน
โม่เจ๋อหยวนพาถังซวงเดินไปยังโรงเรียนมัธยมต้นด้านข้างเพื่อไปรับถังเซวี่ย
ทั้งสองพูดคุยกัน และโม่เจ๋อหยวนถามถึงห้องเรียนวันนี้ “ที่วันแรกที่โรงเรียนใหม่เป็นยังไงบ้าง? มีอะไรทำให้เธอไม่สบายใจหรือเปล่า?”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงส่ายหัวพร้อมยิ้มหวาน “ไม่มีอะไรเลยค่ะ ทุกอย่างเรียบร้อยดี”
เห็นถังซวงพุดอย่างสบาย ๆ โม่เจ๋อหยวนก็ยิ้มแล้วไม่ถามอะไรอีก สุดท้ายแล้วเขารู้ดีว่าเธอสามารถจัดการปัญหาต่าง ๆ ได้แน่นอน “อ้อ ซวงเอ๋อร์ แม่ฉันชวนเธอไปทานมื้อเย็นในช่วงสุดสัปดาห์นี้น่ะ เธอว่างไหม?”
“ว่างค่ะ”
ถังซวงพยักหน้าตอบรับ
เมื่อเห็นใบหน้ายิ้มแย้มของถังซวง โม่เจ๋อหยวนก็รู้สึกว่าโลกทั้งใบของเขายิ่งสดใสกว่าเดิม “ถังซวง เธอสวยจัง” เขาเอื้อมมือไปจับมือถังซวงเอาไว้
ทำให้ถังซวงเขินอายเล็กน้อย
“พี่โม่ ถ้ามีคนมาเห็นคงไม่ดีนะคะ อีกอย่างเรากำลังไปรับเสี่ยวเซวี่ยด้วย”
“ไม่มีใครเห็นหรอกน่า แล้วฉันจะปล่อยหลังจากเราเดินถึงโรงเรียนของเสี่ยวเซวี่ยเอง”
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครอยู่รอบ ๆ ถังซวงยิ้มแล้วไม่พูดอะไร เธอกุมมือโม่เจ๋อหยวนกลับก่อนจะพูดว่า “ไว้ฉันจะเขียนใบสั่งยาให้อีกนะ พี่จะได้แข็งแรงไว ๆ”
“อื้ม”
หลังสัมผัสได้ถึงแรงบีบที่ฝ่ามือ โม่เจ๋อหยวนรู้สึกว่ามีผีเสื้อบินว่อนอยู่ในท้อง มันทำให้เขารู้สึกชาวาบไปทั้งตัว
แต่ทว่าโรงเรียนมัธยมปลายกับโรงเรียนมัธยมต้นของถังเซวี่ยอยู่ใกล้กันมาก และพวกเขามาถึงอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงหน้าประตูโรงเรียน เธอรีบปล่อยมือโม่เจ๋อหยวนก่อนจะทักทายน้องสาว “เสี่ยวเซวี่ย ทางนี้…”
ถังเซวี่ยรีบมองตามทิศทางเสียงทันที เธอเห็นว่าพี่สาวกับโม่เจ๋อหยวนมารับ ใบหน้าของเด็กสาวก็แต่งแต้มรอยยิ้ม “พี่คะ พี่โม่ มารับฉันหรือ?”
“ใช่ ป่ะ กลับบ้านกันเถอะ”
แต่ก่อนทั้งสามคนจะออกไป ชายคนหนึ่งวิ่งตามหลังพวกเขามา “เพื่อนร่วมชั้นถังเซวี่ย เธอลืมของน่ะ”
เมื่อเห็นซองในมือของชายคนนั้น ถังเซวี่ยอุทานด้วยความประหลาดใจก่อนจะพูดว่า “อ๋า… ฉันทำหล่นตั้งแต่ตอนไหนกันเนี่ย” มันเป็นของที่เกอชิงเหม่ยมอบให้เธอไว้ก่อนหน้านี้ เธอรับซองไว้ในมือก่อนจะกล่าวขอบคุณ “เพื่อนร่วมชั้นอู๋เฟิง ขอบคุณมากนะ”
อู๋เฟิงโบกมือรวดเร็วก่อนจะพูดต่อว่า “ไม่เป็นไร” เขาหันมองถังซวงและโม่เจ๋อหยวนด้วยสายตาใคร่รู้ก่อนจะถามว่า “ถังเซวี่ย นี่พี่ชายกับพี่สาวของเธอหรือ?”
“อื้ม นี่พี่สาวของฉันกับพี่ชายโม่”
ถังเซวี่ยกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนจะเดินออกไปกับโม่เจ๋อหยวนและถังซวง
อู๋เฟิงมองแผ่นหลังของทั้งสาม ก่อนจะถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “ถังเซวี่ย กับครอบครัวดูดีกันทุกคนเลย”
อีกฟากหนึ่ง จู้เจินเจินโบกมือลาเมิ่งซือเซี่ย
“ซือเซี่ย ฉันกลับก่อนนะ เธอก็รีบกลับล่ะ”
“จ้า”
เมิ่งซือเซี่ยกล่าวลาจู้เจินเจิน และก็แยกย้ายกลับบ้าน หากแต่จู้เจินเจินยังไม่ได้กลับบ้าน แต่มาที่บ้านตระกูลฉินและไปหาฉินหรูเหมิ่ง
“พี่หรูเหมิ่ง รู้ไหมว่าวันนี้ฉันเจอใคร?”
ฉินหรูเหมิ่งกับจู้เจินเจินรู้จักกัน แต่พวกเขาไม่ได้สนิทกันมากนัก วันนี้เธอประหลาดใจเล็กน้อยที่จู้เจินเจินมาหา และเมื่อได้ยินอย่างนั้น เธอแค่ตอบกลับสั้น ๆ ว่า “ไม่รู้”
เมื่อเห็นฉินหรูเหมิ่งไม่สนใจ จู้เจินเจินไม่รออีกต่อไป เธอกล่าวออกไปตามตรงว่า “วันนี้ฉันมีเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ชื่อถังซวง”
พูดจบ เธอสังเกตการสีหน้าของฉินหรูเหมิ่ง
เมื่อเห็นสีหน้าของฉินหรูเหมิ่งเปลี่ยนไปเล็กน้อย จู้เจินเจินพูดต่อว่า “หลังจากเราได้รับหนังสือแล้วกลับบ้าน ฉันเห็นโม่เจ๋อหยวนมารับหล่อนด้วย ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะสนิทกันมาก… ดูเหมือนคบกันอยู่”
“เธอบอกว่า… เจ๋อหยวนไปรับถังซวง?”
“ใช่ พวกเขาสนิทสนมกันมากเลยล่ะค่ะ”
ขณะจู้เจินเจินพูดอย่างนั้น เธอสังเกตสีหน้าของฉินหรูเหมิ่งตาไม่กระพริบ และเห็นว่าสีหน้าของอีกฝ่ายยิ่งบิดเบี้ยวอย่างน่าเกลียด จึงอดไม่ได้ที่จะถามต่อว่า “พี่หรูเหมิ่ง พี่… พี่ยังชอบโม่เจ๋อหยวนอยู่ไหม?”
ได้ยินอย่างนั้น ฉินหรูเหมิ่งเหลือบมองจู้เจินเจินก่อนจะตอบกลับว่า “มันไม่ใช่เรื่องของเธอ ตอนนี้เธอควรจะสนใจผลการเรียนตัวเองมากกว่า ฉันได้ยินว่าผลการเรียนของถังซวงดีมาก”
จู้เจินเจินถึงกับหัวเราะออกมาหลังได้ยินอย่างนั้น
“พี่หรูเหมิ่ง ถึงผลการเรียนในโรงเรียนเก่าของถังซวงจะดี แต่ตอนนี้เธออยู่ในเมืองหลวง โรงเรียนของฉันไม่สามารถเอาไปเทียบกับโรงเรียนเก่าเธอได้หรอกนะ ผลการเรียนก่อนหน้าของเธอเทียบไม่ได้กับในเมืองหลวงหรอก”
คราวแรกฉินหรูเหมิ่งก็คิดอย่างนั้น แต่เมื่อเธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านตระกูลโม่ เธอจำได้ว่าถังซวงชนะเลิศการแข่งขันคณิตศาสตร์ ที่เธอยังทำไม่ได้ ทุกครั้งที่เธอนึกถึงมัน เธอจะรู้สึกแย่เสมอ แต่สุดท้ายแล้วอีกฝ่ายไม่คิดสนใจ และเธอก็ไม่อยากจะเตือนอะไรมากนัก
เมื่อเห็นฉินหรูเหมิ่งหยุดพูดแล้ว จู้เจินเจินไม่คิดจะอยู่ต่อ เธอยกยิ้มก่อนจะกล่าวลาทันที
หลังจากจู้เจินเจินจากไปแล้ว ผู้เฒ่าฉินกลับมาจากด้านนอก เขาอดไม่ได้ที่จะถามหลานสาวของตัวเองว่า “เมื่อกี้นี้เจินเจินใช่ไหม? ไม่ได้เจอเธอตั้งนานเลย แล้วนี่เธอมาทำอะไรหรือ?”
เมื่อฉินหรูเหมิ่งได้ยินอย่างนั้น เธอยิ้มแล้วตอบกลับว่า “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่มาบอกหนูว่าตอนนี้ถังซวงย้ายเข้ามาเรียนในชั้นเรียนเดียวกับหล่อน และเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันแล้ว”
“โอ้ ลูกสาวคนโตของจิงเจ้อหรงคนนั้นน่ะหรือ”
ได้ยินอย่างนั้น ฉินหรูเหมิ่งพูดด้วยความไม่พอใจ “ลูกสาวคนโตอะไรกันคะ? ลูกติดภรรยาต่างหาก ไม่ใช่ลูกสาวของเขาจริง ๆ สักหน่อย”
ผู้เฒ่าฉินชำเลืองมองฉินหรูเหมิ่งแล้วพูดว่า “ถึงจะไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ แต่ตอนนี้หล่อนก็เป็นลูกสาวของจิงเจ้อหรง แม่ของหล่อนแต่งงานกับจิงเจ้อหรงแล้ว พวกเขาจึงต้องเข้าเรียนในเมืองหลวงเป็นเรื่องปกติ”
แต่ผู้เฒ่าฉินนึกบางอย่างได้ เขาหันมองฉินหรูเหมิ่งด้วยแววตาเปล่งประกายก่อนจะถามว่า “แล้วทำไมถังซวงถึงได้เรียนอยู่ในชั้นเรียนของเจินเจิน? แล้วเธอมาที่นี่เพื่ออะไร? เธอบอกอะไรบ้าง?”
ฉินหรูเหมิ่งโบกมืออย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “คุณปู่คะ พวกเราไม่ได้พูดอะไรกันนักหรอกค่ะ อีกอย่างเจินเจินเพียงแค่มาบอกหนูว่าเห็นโม่เจ๋อหยวนมารับถังซวงเท่านั้น คราวแรกเธอไม่รู้จักถังซวงหรอก แต่เธอเห็นโม่เจ๋อหยวนแล้วเธอเลยจำได้น่ะค่ะ”
ผู้เฒ่าฉินมองฉินหรูเหมิ่งอย่างลุ่มลึกก่อนจะพูดต่อว่า “หรูเหมิ่ง ก่อนหน้านี้ปู่เตือนหลานแล้ว เพราะตระกูลโม่ไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับตระกูลฉินของเรา หลานก็ไม่สมควรคิดถึงเขาอีก ถึงก่อนหน้านี้หลานจะไม่พอใจกับการนัดดูตัว แต่ปู่ก็จะช่วยหลานหาคู่ครองต่อไปนะ”
ฉินหรูเหมิ่งกำมือแน่น แววตาเผยความโกรธแต่ไม่ได้พูดอะไรโต้แย้งออกมา เธอพยักหน้าคล้ายกับเชื่อฟัง “ค่ะคุณปู่ ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ หนูจะไปดูตัวต่อ และจะไม่คิดถึงโม่เจ๋อหยวนอีก จริง ๆ เรื่องนี้ก็แค่เจินเจินเข้าใจผิดว่าหนูยังชอบเขาเลยเอาข่าวของเขามาบอกน่ะ”
—————————————————-