การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 301 ต้อนรับเป็นพิเศษ
บทที่ 301 ต้อนรับเป็นพิเศษ
บทที่ 301 ต้อนรับเป็นพิเศษ
ชายชราได้ยินคำพูดของฉินหรูเหมิ่งแล้วจึงกล่าวตอบว่า “ดีแล้วที่หลานเข้าใจ”
พูดจบ ผู้เฒ่าฉินเดินกลับไปยังห้องทำงานของตัวเอง
แต่เวลานี้ใบหน้าของฉินหรูเหมิ่งมีเพียงความโกรธเกรี้ยว และทั้งร่างกายของเธอเต็มไปด้วยความขุ่นเคือง ก่อนหน้านี้ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนอยู่ในมณฑลเจียง เธออยู่ในเมืองหลวง เธอจึงไม่มีโอกาสได้พบกับทั้งสองมากนัก และยังต้องถูกผู้เฒ่าฉินบังคับไปนัดดูตัว ทำให้เธอยุ่งอยู่แต่กับงาน ไม่มีโอกาสได้ขยับตัวไปไหน
แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว ถังซวงกับโม่เจ๋อหยวนมาอยู่ที่เมืองหลวง และทุกครั้งที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันแล้วมีคนเห็น ผู้คนเหล่านั้นจะคิดถึงเธอใช่ไหม? คนพวกนั้นคงจะมองว่าเธอเป็นตัวตลกหรือเปล่า
ยิ่งคิดมากเท่าไร ฉินหรูเหมิ่งยิ่งร้อนผ่าวในใจ
ส่วนถังซวงกับคนอื่น ๆ ย่อมไม่รู้เลยว่าของฉินหรูเหมิ่งกำลังคิดอะไรอยู่
อีกด้าน โม่เจ๋อหยวนไปส่งถังซวงและถังเซวี่ยที่บ้านตระกูลจิง
“เจ๋อหยวน ขอบคุณที่ไปรับซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยนะจ๊ะ”
หลังเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนพาลูกสาวทั้งสองกลับมาแล้ว เฮ่อหลานเดินเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้ม ก่อนหน้านี้เธอกับจิงเจ้อหรงวางแผนว่าจะไปรับลูกสาวด้วยตนเอง แต่โม่เจ๋อหยวนกลับกล่าวไว้ว่าตนจะไปรับแทน ทั้งสองสามีภรรยาจึงไม่ได้ไปรับ
โม่เจ๋อหยวนยกยิ้ม “บังเอิญว่าผมว่างพอดีน่ะครับป้าหลาน ผมเลยอยากจะไปรับซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยเอง ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ”
จากนั้น เฮ่อหลานชวนให้โม่เจ๋อหยวนอยู่รับประทานมื้อเที่ยงด้วยกัน
แน่นอนว่าโม่เจ๋อหยวนไม่ปฏิเสธ เขาตอบตกลงด้วยรอยยิ้ม
หลังจากทั้งสองสามคนนั่งลงแล้ว ถังซวงตรวจสอบชีพจรของโม่เจ๋อหยวนก่อนจะเริ่มเขียนใบสั่งยา “พี่โม่คะ พี่เอาใบสั่งยานี้ไปนะคะ ต้มทุกวัน วันละสองครั้ง ดื่มสักหนึ่งสัปดาห์ก็หายแล้วค่ะ”
“ขอบคุณมากนะซวงเอ๋อร์”
โม่เจ๋อหยวนรับใบสั่งยาด้วยรอยยิ้มก่อนจะเก็บมันไว้ราวกับสมบัติล้ำค่า
เฮ่อหลานกล่าวขึ้นเสริมว่า “เจ๋อหยวน อาการของเธอหายดีแล้วหรือ ยังรู้สึกไม่สบายตัวอยู่หรือเปล่าจ๊ะ?”
“ไม่เป็นไรแล้วครับป้าหลาน ไม่มีอะไรต้องกังวล อาการบาดเจ็บของผมหายแล้ว แต่ว่าซวงเอ๋อร์ให้ผมดื่มมันเพื่อฟื้นฟูร่างกาย เพราะเธอห่วงว่าผมจะไม่แข็งแรงน่ะครับ ไม่ใช่ยารักษาแผลหรอก”
ได้ยินอย่างนั้น เฮ่อหลานโล่งใจทันที
เมื่ออาหารพร้อมขึ้นโต๊ะ เฮ่อหลานเรียกโม่เจ๋อหยวนให้เข้ามาในห้องรับประทานอาหาร “เจ๋อหยวน วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้าน มีแต่พวกเราทั้งนั้น เธอไม่ต้องเกรงใจนะจ๊ะ กินให้เยอะ ๆ”
“ครับ”
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว โม่เจ๋อหยวนนั่งพูดคุยกับถังซวงสักพักก่อนจะกลับบ้านไป
“แม่คะ พี่คะ บ่ายนี้หนูจะออกไปซื้ออุปกรณ์วาดรูปนะ”
เมื่อเห็นถังเซวี่ยกำลังจะออกไปข้างนอก ถังซวงรีบยืนขึ้นแล้วพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย ฉันไปด้วย”
ถังเซวี่ยโบกมือแล้วตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่ วันนี้ฉันไปโรงเรียนและได้เพื่อนใหม่แล้ว เราเลยนัดกันจะไปซื้ออุปกรณ์ด้วยกันน่ะ”
ได้ยินอย่างนั้น ถังซวงถามออกไปอย่างสงสัย “ใคร? ผู้ชายหรือผู้หญิง?”
“ผู้หญิงค่ะ เพื่อนร่วมโต๊ะของฉันเอง เธอชื่อหม่าเสี่ยวชุ่ย อีกอย่างเธออยู่ในเมืองหลวงมานานเลยคุ้นเคยกับที่นี่มาก ถ้ามีเธออยู่ด้วย พี่ก็ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ”
เห็นถังเซวี่ยพูดอย่างนั้น ถังซวงค่อย ๆ นั่งลง แต่ก็ยังถามออกไปอย่างไม่สบายใจนัก “เธอไม่อยากให้ฉันไปด้วยจริง ๆ หรือ?”
“ไม่ค่ะ ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ ตอนนี้ฉันสามารถทำนู้นทำนี่ด้วยตัวเองได้แล้ว”
ได้ยินสิ่งที่ลูกสาวคนเล็กพูด เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “จ้า ๆ เสี่ยวเซวี่ยของเราโตแล้ว และยังสามารถทำนู้นนี่ได้มากมายด้วย เอาล่ะ ไปได้แล้วจ้ะ”
หลังจากถังเซวี่ยออกไปแล้ว เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะกังวล
“ถึงเพื่อนร่วมชั้นคนนั้นจะนัดกับเสี่ยวเซวี่ยแล้ว แต่ไม่รู้ว่าพวกเธอจะไปซื้อของกันอย่างราบรื่นไหมนะ”
เมื่อเห็นความกังวลของเฮ่อหลาน ถังซวงหัวเราะออกมา “แม่คะ เสี่ยวเซวี่ยโตแล้วนะคะ เราคงทำเหมือนว่าเธอเป็นเด็กไม่ได้แล้ว”
“อื้มจ้ะ”
ส่วนเสี่ยวเซวี่ยที่ออกจากบ้านไป ก็มุ่งหน้าไปสถานที่นัดพบทันที
“ถังเซวี่ย ทางนี้ ทางนี้”
เมื่อหม่าเสี่ยวชุ่ยเห็นถังเซวี่ยเลยรีบโบกมือเรียกอย่างดีใจ เพราะเธออ้วนจึงไม่มีเพื่อนร่วมชั้นคนไหนอยากจะยุ่งด้วย แต่ถังเซวี่ยที่เพิ่งย้ายเข้ามาในชั้นเรียนของเธอ และได้นั่งร่วมโต๊ะกัน กลับไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามเธอแม้แต่น้อย หม่าเสี่ยวชุ่ยเลยรู้สึกประทับใจในตัวถังเซวี่ยมาก
ถังเซวี่ยหันไปตามทิศทางของเสียง เธอวิ่งตรงเข้าหาอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวชุ่ย รอนานแล้วหรือยัง?”
“ไม่ ๆ ฉันเพิ่งมาน่ะ”
หม่าเสี่ยวชุ่ยดึงถังเซวี่ยให้มาเดินด้วยกัน ก่อนจะเข้าไปในห้างสรรพสินค้าตรงหน้า “นี่ถังเซวี่ย เธอยังไม่ได้บอกฉันเลยว่าเธออยากจะซื้ออะไร บอกฉันมาสิ ฉันจะได้แนะนำถูก”
“ฉันว่าจะซื้ออุปกรณ์สำหรับวาดรูปน่ะ มีกระดาษ ไม้บรรทัด ปากกา ดินสอสี แล้วก็อีกเยอะแยะเลย”
“โอ้โห… ถังเซวี่ย เธอจะเอาไปวาดพิมพ์เขียวหรือ? ถึงต้องซื้อเยอะแยะขนาดนั้น”
ถังเซวี่ยยิ้มก่อนจะตอบว่า “ฉันมีบางอย่างต้องทำน่ะ และฉันจะวาดสิ่งที่ต้องการได้ทันทีถ้าอุปกรณ์พร้อม”
แต่ถึงอย่างนั้น หม่าเสี่ยวชุ่ยสัมผัสได้ว่าถังเซวี่ยคนนี้มีความสามารถ ดังนั้นจึงพาเธอไปซื้อของเหล่านี้
เป็นไปตามที่คิดเอาไว้ ในเมืองหลวงมีสิ่งของครบครัน ถังเซวี่ยเลือกอุปกรณ์ต่าง ๆ อยู่นาน และซื้อสิ่งที่ถูกใจกลับมา เธอคิดว่าทุกอย่างคุ้มค่ามาก เธอซื้ออุปกรณ์มากมายหลายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
“ถังเซวี่ย เราไปซื้ออะไรกินกันไหม? ฉันรู้ว่าที่ไหนมีของอร่อยนะ”
ได้ยินหม่าเสี่ยวชุ่ยพูดอย่างนั้น ถังเซวี่ยไม่ปฏิเสธก่อนจะเดินตามไปซื้อของด้วยกัน และทั้งสองซื้ออาหารอร่อยมากมายก่อนจะกลับบ้าน
หม่าเสี่ยวชุ่ยก็มีถุงมากมายในมือ เวลานี้เธอยิ้มแล้วหันมาพูดคุยกับถังเซวี่ยว่า “ถังเซวี่ย ฉันดีใจมากนะที่มีเธอเป็นเพื่อน ไว้คราวหน้าเราไปเดินซื้อของด้วยกันอีกนะ”
“อื้ม ได้เลย”
ถังเซวี่ยตอบรับด้วยรอยยิ้ม ขณะเดียวกันเด็กสาวก็ดีใจที่เธอมีเพื่อนใหม่กับเค้าแล้ว
พอถังเซวี่ยกลับมาพร้อมกับถุงเต็มมืออย่างอารมณ์ดี เฮ่อหลานกับถังซวงก็โล่งใจ ทั้งสองคนถามไถ่เด็กสาวเกี่ยวกับการซื้อของ และเมื่อได้ยินว่าถังเซวี่ยมีช่วงเวลาที่ดีกับเพื่อนร่วมชั้นคนใหม่ ทั้งสองจึงรู้สึกวางใจ
วันรุ่งขึ้น ถังซวงและถังเซวี่ยออกไปโรงเรียนแต่เช้าตรู่ นี่คือการเปิดเรียนวันแรก
สำหรับถังซวงแล้ว เธอแทบจะรู้แบบเรียนทั้งหมดของมัธยมปลายปีหนึ่ง และจดจำเนื้อหาของชั้นมัธยมปลายปีสองและสามได้แล้ว แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ยังคงตั้งใจฟังบรรยายจากอาจารย์
และก็มาถึงวันเสาร์ ถังซวงก็ได้ไปที่บ้านตระกูลโม่พร้อมกับของบางอย่าง
โม่เจ๋อหยวนที่รู้อย่างนั้นก็ยืนรอที่ประตูตั้งแต่เช้า เมื่อเห็นถังซวง เขารีบกล่าวทักทาย “ซวงเอ๋อร์ มาแล้วหรือ”
หลินเหม่ยเจินมีความสุขมากเมื่อเห็นว่าถังซวงมาหา ก่อนจะเชิญชวนหญิงสาวเข้าไปด้านใน
แต่ถังซวงไม่คิดว่านอกจากหลินเหม่ยเจินแล้ว ตระกูลโม่ทุกคนก็อยู่ที่นี่ด้วยเช่นกัน แม้แต่โม่ถิงฮวากับโม่ถิงซวนก็ด้วย
“ซวงเอ๋อร์ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาเยี่ยมบ้านในฐานะคนรักของเจ๋อหยวน พวกเราเลยอยากต้อนรับเธอเป็นพิเศษน่ะจ้ะ”