การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 308 ข่าวลือเกี่ยวกับการโกง
บทที่ 308 ข่าวลือเกี่ยวกับการโกง
บทที่ 308 ข่าวลือเกี่ยวกับการโกง
ทั้งชั้นเรียนตกตะลึงเมื่อเห็นการกระทำของตู้จ้งเหว่ย
“ว๊าย… เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ?”
“พระเจ้า ตู้จ้งเหว่ยกำลังขอบคุณ ฉันไม่อยากจะเชื่อ”
“นักเรียนใหม่ถังซวงทำอะไรให้ตู้จ้งเหว่ยมาขอบคุณกันนะ”
“ไม่รู้สิ อาจมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นโดยที่เราไม่รู้ก็ได้”
จู้เจินเจินนั่งอยู่ด้านหน้าถังซวงและตู้จ้งเหว่ย ดังนั้นเธอจึงเห็นสถานการณ์ได้ชัดเจนที่สุด และเธอก็สังเกตเห็นความจริงใจและคำขอบคุณในดวงตาของตู้จ้งเหว่ยได้อย่างชัดเจน นี่… มันเกิดอะไรขึ้นระหว่างสองคนนี้กัน?
ถังซวงมองไปที่ตู้จ้งเหว่ยอย่างไม่ใส่ใจและพูดว่า “ไม่ต้องขอบคุณหรอก จากนี้ก็นั่งที่ของตัวเองดี ๆ แค่อย่ามาอยากได้ที่นั่งของฉันก็พอแล้ว”
“รับทราบ”
หลังจากตู้จ้งเหว่ยตอบกลับ เขาก็นั่งลงบนที่นั่งของตัวเอง
ครั้งนี้เขาไม่ได้นอนฟุบกับโต๊ะทันทีที่มา แต่มองไปที่ถังซวงอย่างสงสัยและคิดถึงทักษะของเธอก่อนหน้านี้ และอยากรู้จริง ๆ ว่าเธอไปเรียนกังฟูจากที่ไหน
“ถ้าไม่นอนก็ตั้งใจเรียนซะ”
ถังซวงสังเกตเห็นสายตาของตู้จ้งเหว่ยและมองกลับไปอย่างเย็นชา
ตู้จ้งเหว่ยลูบจมูกของเขา แล้วหันสายตามองไปด้านหน้า
คนอื่นอาจไม่ได้ยินประโยคนี้ แต่จู้เจินเจินและเมิ่งซือเซี่ยได้ยินอย่างชัดเจน ทั้งคู่จึงหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นตู้จ้งเหว่ยฟังที่หญิงสาวพูด อย่างไม่อยากจะเชื่อ จู้เจินเจินจึงมองไปที่ถังซวงอีกครั้งด้วยอารมณ์ที่สับสน
ซึ่งถังซวงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ เพียงแค่หยิบหนังสือเรียนออกมาแล้วเปิดอ่าน
ในเวลานี้ เหมาจื้อหลางอาจารย์ประจำชั้นก็เดินเข้ามา เขาถือกระดาษข้อสอบปึกหนาอยู่ในมือ และแผ่นบนสุดคืออันดับของการสอบนี้ “นักเรียน เงียบหน่อย”
ห้องเรียนเงียบลงชั่วขณะ ทุกคนมองไปที่อาจารย์ประจำชั้นอย่างพร้อมเพรียงกัน
เหมาจื้อหลางมองไปรอบ ๆ และท้ายที่สุดก็ไปหยุดที่ถังซวงและพูดเสียงดัง “ในการสอบครั้งนี้ ครูอยากจะชมเชยถังซวงเป็นพิเศษ เธอทำได้ดีมากในการสอบ เธอสอบได้ที่หนึ่งในชั้นของเรา ทุกคนปรบมือให้เธอหน่อยครับ”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกมา นักเรียนทุกคนก็ตกอยู่ในความงุนงงและไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับ
แต่ตู้จ้งเหว่ยเป็นผู้นำในการปรบมือและนักเรียนคนอื่นก็ค่อย ๆ รู้สึกตัว พวกเขาปรบมือเบา ๆ และในขณะเดียวกันก็มองไปที่ถังซวงอย่างประหลาดใจและรู้สึกไม่อยากจะเชื่อ ถังซวงคนนี้เพิ่งมาจากบ้านนอกไม่ใช่หรือ คะแนนของเธอจะดีขนาดนั้นได้อย่างไร โรงเรียนของพวกเขาเป็นหนึ่งในโรงเรียนมัธยมที่ดีที่สุดในเมืองหลวง ถังซวงที่มาใหม่คนนี้จะเป็นที่หนึ่งในชั้นเรียนได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าทุกคนจะสงสัยแค่ไหน เหมาจื้อหลางก็ได้รายงานคะแนนของถังซวงในทุกวิชาแล้ว ยกเว้นภาษาจีน วิชาอื่น ๆ เธอได้คะแนนเต็มทั้งหมด
“ว้าว… ไม่ใช่หรอกมั้ง”
“พูดเป็นเล่นไป”
ทุกคนมองไปที่ถังซวงอย่างสับสน
ถังซวงยังคงสงบนิ่ง หลังจากย้ายโรงเรียน เธอไม่เคยคิดที่จะซ่อนความเก่งกาจของตัวเองไว้ ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะเป็นช่วงเวลาการสอบสอบเข้ามหาวิทยาลัย และเธอวางแผนที่จะเข้าร่วมการสอบนี้ด้วย
เหมาจื้อหลางมองไปที่ถังซวงเช่นกัน เมื่อเห็นสีหน้าเรียบเฉยของอีกฝ่าย เขาก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “นักเรียนถังซวงคงรู้ผลมานานแล้วสินะ พอได้ยินคะแนนนี้เลยไม่แปลกใจ”
“ค่ะ เพราะข้อสอบมันง่ายมากน่ะค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คนอื่น ๆ ต่างก็มองไปที่ถังซวงอย่างอธิบายไม่ถูก
แม้แต่เหมาจื้อหลางก็เหลือบมองถังซวงด้วยความประหลาดใจ แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมชั้นของเราจะเชี่ยวชาญแบบเรียนอย่างสมบูรณ์เธอถึงได้คะแนนสูงในการสอบแบบนี้ เอาล่ะ ต่อไปเราจะมาเฉลยข้อสอบกัน ตอนนี้ครูจะเรียกชื่อแล้วให้ทุกคนเดินมารับกระดาษข้อสอบนะครับ”
“โจวเจียเหอ… เมิ่งซือเซี่ย…”
นักเรียนทุกคนเดินหน้าไปรับข้อสอบตามลำดับชื่อที่เหมาจื้อหลางเรียก ซึ่งถังซวงเป็นคนสุดท้าย หลังจากที่เธอรับข้อสอบเสร็จ เหมาจื้อหลางก็เริ่มเฉลยข้อสอบ
เหมาจื้อหลางเป็นทั้งอาจารย์ประจำชั้นและอาจารย์คณิตศาสตร์ของชั้นมัธยมปลายปีที่หนึ่งห้องสาม เขาจึงระมัดระวังอย่างมากเมื่ออธิบายคำถามเพื่อให้นักเรียนเข้าใจได้ง่าย ๆ ถังซวงเองก็ยังคิดว่าเขาอธิบายได้ดีมาก
เมื่อจบคาบเรียน เขาก็อธิบายข้อสอบคณิตศาสตร์เสร็จพอดี
ครั้งนี้ นอกจากถังซวงที่ได้คะแนนเต็มในการสอบแล้วก็ไม่มีใครทำได้ดีเท่าเธออีก ในความเป็นจริงมีแค่ไม่กี่คนที่ได้คะแนนสูง ทำให้ทุกคนยังรู้สึกไม่ค่อยเชื่อเท่าไร
จู้เจินเจินมองไปที่ถังซวงและพึมพำกับตัวเองว่า “ข้อสอบยากขนาดนี้เธอทำได้คะแนนเต็มได้ยังไงกันนะ แปลกมากที่แม้แต่โจวเจียเหอที่มีคะแนนคณิตศาสตร์ดีที่สุดในภาคการศึกษาที่แล้วก็ได้คะแนนแค่นิดเดียวเอง”
เมื่อเมิ่งซือเซี่ยได้ยินจู้เจินเจินพูดกับตัวเอง ทันใดนั้นเธอก็เกิดความสงสัย เธอโน้มตัวเข้าไปกระซิบข้างหูของจู้เจินเจินว่า “เจินเจิน เธอว่า… เรื่องนี้มันแปลก ๆ ไหม? ถังซวงจะเก่งขนาดนี้ได้ยังไง”
เมื่อได้ยินอย่างนี้ จู้เจินเจินรีบพูดว่า “ซือเซี่ย อย่าพูดอย่างนั้น ถังซวงต้องได้คะแนนเต็มในการสอบโดยอาศัยทักษะของเธอเองสิ เธอไม่ได้คะแนนสูงอย่างนี้จากการโกงแน่นอน”
“อะไร… โกง…”
เมิ่งซือเซี่ยเผลอขึ้นเสียงของเธอ และเมื่อเธอรู้ว่าคนอื่นกำลังมองมาที่ตัวเอง เธอก็รีบปิดปาก แต่ตอนนี้เสียงของเธอดังเกินไปทำให้ทุกคนรอบตัวได้ยินสิ่งที่เธอพูด และมองไปที่ถังซวงอย่างอยากรู้อยากเห็น ราวกับต้องการจะรู้ว่าหญิงสาวจะทำสีหน้ายังไง
ซึ่งถังซวงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่เมิ่งซือเซี่ย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะรู้สึกผิด เธอก็ยกยิ้ม จากนั้นจึงมองไปที่จู้เจินเจินอีกครั้ง
จู้เจินเจินรู้สึกว่ามีใครบางคนกำลังมองมา และรู้ว่าต้องเป็นถังซวง เธอจึงไม่หันกลับมามอง
ส่วนเหมาจื้อหลางซึ่งยืนอยู่บนแท่นสอนก็ได้ยินเช่นกัน เขาจ้องไปที่เมิ่งซือเซี่ยแล้วพูดว่า “ตัวเองทำข้อสอบได้ไม่ดีก็อย่าไปสงสัยในความสามารถของคนอื่น การยอมรับว่าคนอื่นดีกว่าเธอเป็นเรื่องยากนักหรือ?”
ใบหน้าของเมิ่งซือเซี่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงเมื่อเธอถูกว่า เธอก้มหน้าลงและไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมองอาจารย์ที่ปรึกษาอีก เมื่อครู่เธอแค่ตอบสนองโดยไม่ตั้งใจ ดังนั้นจึงตะโกนออกมาอย่างนั้น เธอไม่คาดคิดว่าจะมีคนได้ยินและอาจารย์ที่ปรึกษาจะพูดหักหน้าเธอต่อหน้าคนจำนวนมากแบบนี้
เมื่อเห็นเมิ่งซือเซี่ยก้มหัว เหมาจื้อหลางก็ไม่ได้พูดอะไรอีก คาบเรียนของเขาจบลงแล้วและคาบเรียนถัดไปคือคาบเรียนภาษาจีน
ในคาบที่สอง อาจารย์ก็ชื่นชมถังซวงไม่หยุด ในชั้นเรียนอื่น ๆ หลังจากนั้นอาจารย์อีกคนก็ชื่นชมถังซวง ส่วนนักเรียนคนอื่น ๆ ในชั้นเรียนก็ได้ยินจนหูชา
แม้ว่าเหมาจื้อหลางจะว่าเมิ่งซือเซี่ยไปแล้ว แต่ข่าวซุบซิบเกี่ยวกับการโกงข้อสอบของถังซวงก็ยังคงแพร่กระจายออกไป และมันก็แพร่ไปมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่นักเรียนข้างห้องก็ยังได้ยินข่าวลือ
“ถังซวง ข่าวลือที่เธอโกงข้อสอบกระจายไปทั่วโรงเรียนแล้ว เธออยากให้ฉันไปแก้ข่าวให้ไหม ถ้าคนพวกนั้นพูดเรื่องไร้สาระเมื่อไหร่ ฉันจะสอนบทเรียนให้พวกเขาเอง”
ตู้จ้งเหว่ยหันหน้าไปมองถังซวงและให้คำแนะนำด้วยท่าทางอันธพาลของเขา