การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 309 ทุกคนสอบใหม่ไปเลยแล้วกัน
บทที่ 309 ทุกคนสอบใหม่ไปเลยแล้วกัน
บทที่ 309 ทุกคนสอบใหม่ไปเลยแล้วกัน
ถังซวงได้ยินคำพูดของตู้จ้งเหว่ย เลยเงยหน้าเหลือบมองเขาทันที ก่อนพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ไม่ต้อง มันแค่เรื่องไร้สาระ อีกอย่างคะแนนฉันสูงที่สุดอย่างนี้จะไปแอบลอกใคร น่าจะเป็นคนอื่นมากกว่าที่แอบลอกฉัน”
ตู้จ้งเหว่ยได้ยินแบบนี้ ก็หัวเราะลั่น
“นักเรียนถังซวง ไม่คิดเลยว่าเธอจะน่าสนใจขนาดนี้ ใช่ เธอคือคนที่สอบได้ดีที่สุดของทั้งชั้น แต่กลับมีคนสงสัยว่าเธอโกง ไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าในหัวพวกนั้นคิดอะไรอยู่”
เดิมทีเมิ่งซือเซี่ยที่นั่งอยู่ข้างหน้าไม่อยากพูด เพราะอย่างไรเสียคนที่เริ่มเอ่ยถึงการโกงข้อสอบก็คือเธอ ทว่าเมื่อได้ยินคำพูดถังซวงตอนนี้ เธอก็ยังทนไม่ไหวอยู่ดี จึงหันกลับไปตอบ “ใครบอกว่าต้องแอบลอกใคร ใครจะไปรู้ว่าเธอได้คำตอบที่ถูกต้องมาจากอาจารย์ล่วงหน้าหรือเปล่า ถ้าเธออยากจะโกงข้อสอบจริง ๆ ก็ไม่เกินความสามารถหรอก”
เมิ่งซือเซี่ยเพิ่งกล่าวจบ นักเรียนที่อยู่รอบ ๆ กลับพยักหน้าคล้อยตาม “นั่นสิ ถ้ามีคำตอบที่ถูกต้องมาก่อนก็น่าคิด อีกทั้งยังสามารถทำได้ดีกว่านี้ด้วย หรือไม่ก็สอบให้ได้เต็มไปเลยก็ทำได้” ขณะกล่าวทุกคนก็มองถังซวงขึ้นลงด้วยใบหน้าสงสัย
“เฮ้ย… พวกเธอว่าใครโกง”
ตู้จ้งเหว่ยถีบเก้าอี้ พลางลุกขึ้นยืน มองพวกคนที่กล่าวหาว่าถังซวงโกงข้อสอบเมื่อครู่ด้วยใบหน้าโกรธเกรี้ยว “พวกเธอสอบได้ไม่ดีเอง ก็คิดว่าคนอื่นน่าจะโง่เหมือนพวกเธอด้วยหรือไง”
“นาย…”
พอเห็นตู้จ้งเหว่ยแบบนี้ คนพวกนั้นก็ไม่กล้าพูดมากอีก เพราะกลัวว่าจะถูกสั่งสอน ดังนั้นจึงพากันหันหน้ากลับ และนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตัวเอง
ส่วนเมิ่งซือเซี่ยเห็นตู้จ้งเหว่ยปกป้องถังซวง จึงบ่นพึมพำเสียงเบาอยู่ด้านข้าง “ไม่รู้ว่าถังซวงเอายาเสน่ห์อะไรให้ตู้จ้งเหว่ยดื่ม ถึงได้ปกป้องเธอซะขนาดนั้น สัปดาห์ก่อนยังไม่ถูกกันอยู่เลย มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
จู้เจินเจินที่จับตาดูถังซวงกับตู้จ้งเหว่ยที่โต๊ะด้านหลังมาตลอด ย่อมเห็นตู้จ้งเหว่ยปกป้องถังซวง ในตอนนี้เธอกำหมัดแน่น ในตาเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ทว่าไม่นานนักก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย เธอไม่เชื่อเลยว่านักเรียนที่ย้ายมาจากบ้านนอกจะมีคะแนนดีขนาดนี้ ดังนั้นคะแนนของถังซวงต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่
ตู้จ้งเหว่ยฟังคำพูดของเมิ่งซือเซี่ยไม่ค่อยชัด แต่ถึงอย่างนั้นยังถลึงตาใส่เธอ “เธอพึมพำอะไรอยู่ตรงนั้นน่ะ”
“เปล่าซะหน่อย ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น”
เมิ่งซือเซี่ยรีบโบกมือ ไม่กล้าพูดมากอีก
แม้ถังซวงไม่สนใจพวกคำวิจารณ์ของคนอื่น แต่หลังจากผ่านไปสองวัน กระแสข่าวลือไม่เพียงแต่ไม่หายไป กลับกันยิ่งรุนแรงขึ้น นักเรียนแทบจะทั้งชั้นปีล้วนรู้ข่าวนี้หมด แค่เธอเดินไปในโรงเรียน ก็มีคนชี้มือชี้ไม้ใส่เธอแล้ว ซึ่งทำให้เธอรู้สึกไม่ดีมาก
“อาจารย์เหมา ไม่ทราบว่าพวกอาจารย์ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับฉันหรือเปล่าคะ”
เหมาจื้อหลางได้ยินคำพูดถังซวง ก็เข้าใจว่าเธอจะพูดอะไร “นักเรียนถังซวง เรื่องนี้เธอไม่ต้องกังวลหรอก อาจารย์จะจัดการให้เร็วที่สุด ไม่ให้ใครเข้าใจเธอผิดแน่นอน”
“ขอบคุณค่ะอาจารย์”
ถังซวงเอ่ยขอบคุณเหมาจื้อหลาง และเตรียมจะกลับห้องเรียน
ทว่าอาจารย์สอนภาษาจีนกลับเรียกถังซวงไว้ และถามอย่างไม่ค่อยแน่ใจ “นักเรียกถังซวง ถ้าการสอบครั้งนี้เธอไม่ได้โกงจริง ๆ งั้นคะแนนนี้ก็น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว ฉันรู้สึกว่ามันไม่ค่อยเป็นไปได้เท่าไหร่”
ถังซวงได้ยินอย่างนั้นก็มองอาจารย์สอนภาษาที่เป็นผู้หญิงวัยกลางคน และเอ่ยอย่างราบเรียบ “อาจารย์คะ ฉันบอกแล้วไงว่าไม่ได้โกง”
เมื่อเห็นท่าทางแข็งกร้าวของถังซวง สีหน้าของครูสอนภาษาจีนก็ไม่ค่อยดีนัก
“แน่นอนว่าพวกอาจารย์เต็มใจเชื่อว่าเธอไม่ได้โกง แต่นอกจากวิชาภาษาจีนที่โดนหักไปสองคะแนน วิชาอื่นเธอสอบได้คะแนนเต็มหมด นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไป เธอก็ต้องรู้ว่าหลายหัวข้อในข้อสอบนั้นคือระบอบบ้านเมือง เธอทำออกมาได้ยังไงกันแน่”
ถังซวงยิ้มอ่อน พลางเอ่ย “เพราะฉันเข้าใจแบบเรียนในระดับมัธยมทั้งหมดแล้ว ต่อให้เป็นระบอบบ้านเมือง ก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ”
เมื่อมองถังซวงที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม อาจารย์สอนภาษาจีนก็แทบลืมหายใจ ดังนั้นถังซวงหมายความว่า ต่อให้ข้อสอบยากแค่ไหน ก็ไม่มีปัญหา และข้อสงสัยของตนเป็นแค่การปั้นน้ำเป็นตัวก็เท่านั้น
เมื่อเห็นท่าทางโมโหถึงขีดสุดของอาจารย์ ถังซวงจึงคิดว่าต้องจัดการข่าวลือพวกนี้ซะแล้ว หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป อาจจะมีคนเชื่อข่าวลือนี้จริง ๆ ก็ได้
“อาจารย์เหมา…”
ได้ยินถังซวงเรียกตัวเอง เหมาจื้อหลางก็รีบตอบรับ
“อาจารย์เหมายังมีกระดาษข้อสอบสำรองอยู่ไหมคะ ในเมื่อทุกคนไม่เชื่อว่าฉันสอบได้ด้วยตัวเอง งั้นก็ให้ทุกคนมาดูความจริงในห้องสอบ จะสอบต่อหน้าคนอื่น ๆ อีกครั้งก็ได้ ให้พวกเขาได้เห็นไปเลยว่าฉันโกงหรือเปล่า”
เหมาจื้อหลางได้ยินแบบนี้ ก็มองถังซวงอย่างประหลาดใจ ก่อนถามขึ้น “เธอแน่ใจนะว่าจะสอบใหม่อีกครั้งหนึ่ง?”
“อาจารย์เหมาคะ ในเมื่อทุกคนสงสัย งั้นก็สอบใหม่อีกครั้งหนึ่งไปเลย ดูว่าคราวนี้ฉันจะยังเป็นที่หนึ่งได้หรือเปล่า”
ก่อนเหมาจื้อหลางจะพูดอะไร อาจารย์สอนภาษาจีนก็เอ่ยปรามออกมาเสียก่อน “ไม่มีทาง ต้องให้ทุกคนสอบใหม่เพราะเธอน่ะหรือ เธอนี่คิดได้จริง ๆ เธอกำลังทำให้เราทุกคนเสียเวลานะ”
ถังซวงไม่สนใจอาจารย์สอนภาษาจีนแม้แต่น้อย แต่มองไปที่เหมาจื้อหลางอาจารย์ที่ปรึกษา
เหมาจื้อหลางเองก็ตกตะลึงสายตาที่ถังซวงมองมา สุดท้ายก็ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากเอ่ยตรง ๆ “ให้นักเรียนทุกคนสอบใหม่อีกครั้ง คงทำไม่ได้ ทว่าวิธีที่นักเรียนถังซวงบอกมาก็เป็นวิธีที่ดี เราสามารถให้เธอสอบใหม่คนเดียวได้ แล้วค่อยดูว่าสุดท้ายแล้วจะสอบได้กี่คะแนน”
ถังซวงเลิกคิ้วขึ้นเมื่อได้ยินอย่างนั้น ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “อาจารย์เหมาคะ เรื่องนักเรียนห้องอื่นฉันก็เข้าไปยุ่งไม่ได้ ดังนั้นก็แล้วแต่พวกเขาว่าจะสอบหรือไม่สอบ แต่ในห้องของเรามีนักเรียนที่วิพากษ์วิจารณ์ฉันกันหลายคน ฉะนั้นก็ให้ทุกคนสอบใหม่ด้วยกันหมดไปเลยเถอะค่ะ”
เหมาจื้อหลางครุ่นคิด ก่อนเอ่ย “จะให้ห้องของเราสอบกันเองอีกครั้ง มันก็ได้”
“งั้นขอวานอาจารย์เหมาหากระดาษข้อสอบใหม่มาหนึ่งฉบับ หากเป็นไปได้ พรุ่งนี้ตอนเช้าเราเริ่มกันเลยนะคะ”
“ได้”
เมื่อเห็นเหมาจื้อหลางตอบตกลง ถังซวงก็จากไปด้วยรอยยิ้ม
วันที่สอง เมื่อเหมาจื้อหลางเดินเข้ามาในห้อง ก็ประกาศเรื่องสอบในวันนี้ทันที
“สอบ? พวกเราเพิ่งสอบเสร็จไปเองไม่ใช่หรือคะ ทำไมสอบอีกแล้วล่ะ นี่มันเรื่องอะไรกัน”
“นั่นสิ กว่าจะสอบเสร็จมันก็ไม่ง่ายเลยนะ ทำไมถึงสอบอีกแล้วล่ะ”
เหมาจื้อหลางอธิบายด้วยร้อยยิ้ม “ไม่รู้ว่าทุกคนได้ยินเรื่องที่นักเรียนถังซวงโกงข้อสอบหรือเปล่า เราเลยจะมาสอบกันใหม่อีกครั้ง พวกเธอจะได้เห็นอย่างชัดเจนด้วยว่านักเรียนถังซวงโกงข้อสอบจริง ๆ หรือเปล่า”
“อาจารย์คะ พวกเราไม่อยากสอบนี่”
“อ่า… ไม่อยากสอบเลย”
เมิ่งซือเซี่ยบ่นพึมพำเช่นเดิม “ทำไมพวกเราต้องสอบใหม่ด้วย ไร้สาระเกินไปแล้ว”
“อาจารย์เหมา ความจริงนักเรียนคนอื่น ๆ ไม่สอบก็ไม่เป็นไรหรอกนะคะ แต่ฉันคิดว่าอยากให้นักเรียนเมิ่งซือเซี่ยรวมถึงนักเรียนจู้เจินเจินสอบพร้อมกันกับฉันน่ะค่ะ”