การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 311 เข้าไปเกี่ยวข้อง
บทที่ 311 เข้าไปเกี่ยวข้อง
บทที่ 311 เข้าไปเกี่ยวข้อง
เนื่องจากเมิ่งซือเซี่ยกับจู้เจินเจินยังสอบไม่เสร็จ เหมาจื้อหลางจึงยังไม่ได้ประกาศคะแนนของถังซวง
จนกระทั่งเมิ่งซือเซี่ยกับจู้เจินเจินทำข้อสอบเสร็จ และตรวจคะแนนออกมาแล้ว เหมาจื้อหลางก็ได้ประกาศผลการสอบต่อหน้านักเรียนทุกคน “อันดับแรก นักเรียนทุกคนปรบมือให้กับนักเรียนถังซวงก่อน”
แม้ยังไม่รู้คะแนนของถังซวง ทว่าเห็นท่าทางตื่นเต้นของเหมาจื้อหลาง ทุกคนเข้าใจทันทีว่าถังซวงต้องสอบได้ดีแน่ ๆ
แล้วก็เป็นไปตามคาด…
“ครั้งนี้ นักเรียนถังซวนสอบได้คะแนนเหมือนก่อนหน้านี้เปี๊ยบ นอกจากบทความวิชาภาษาจีนที่หักไปสองคะแนนแล้ว วิชาอื่นได้คะแนนเต็มหมด”
“ว้าว…”
ได้ยินคำพูดนี้ ทั้งห้องส่งเสียงฮือฮาตกใจขึ้นมาอีกครั้ง แม้ก่อนหน้านี้รู้ว่าคะแนนของถังซวงสูงมากอยู่แล้ว แต่เนื่องจากมีข่าวลือว่าเธอโกง พวกเขาจึงรู้สึกก้ำกึ่งว่ามีมูลความจริงอยู่ในนั้นไม่มากก็น้อย แต่ไม่คิดเลยว่าถังซวงจะสอบได้คะแนนมากอีกครั้ง นี่มันไม่ใช่คนแล้ว
“สุดยอด นี่มันเก่งเกินไปแล้ว อัจฉริยะชัด ๆ เลย”
“นั่นสิ เหมือนเมื่อก่อนโรงเรียนเราไม่เคยมีใครสอบได้คะแนนสูงเท่านี้เลยนะ นอกจากวิชาภาษาจีน วิชาอื่นคะแนนเต็มหมด นี่ฉันฝันอยู่หรือเปล่าเนี่ย”
“ฉันก็รู้สึกเหมือนฝันอยู่เหมือนกัน ใครก็ได้หยิกฉันที”
สิ้นเสียง เพื่อนร่วมโต๊ะของคนนั้นก็หยิกเขาทันที แต่ผลคือ…
“โอ้ย…”
เสียงร้องเจ็บดังออกมา นักเรียนในห้องจึงหยุดพุดคุยซุบซิบ และหันมองไปทางนั้น
แม้แต่เหมาจื้อหลางเองก็มองไปเช่นกัน ก่อนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเธอประหลาดใจกันมากเลยใช่ไหม ความจริงครูก็ประหลาดใจมากเหมือนกัน เพียงแต่ว่าครั้งนี้ ครูกับอาจารย์จินจับตาดูพวกถังซวงอยู่ตลอด แม้แต่เมิ่งซือเซี่ยกับจู้เจินเจินก็นั่งกับถังซวงด้วย ดังนั้นพวกเราเห็นทุกการกระทำ นักเรียนถังซวงไม่ได้โกงข้อสอบ อีกทั้งข้อสอบหลายฉบับในนั้นพวกอาจารย์ออกให้ ณ ตอนนั้นเลยด้วยซ้ำ ไม่มีทางที่ข้อสอบจะรั่วไหลออกมา ฉะนั้นครั้งนี้พวกเธอคงยอมรับถังซวงได้แล้วนะ”
“ครับ/ค่า”
สอบติดต่อกันสองครั้ง และทุกครั้งก็ได้คะแนนสูง พวกนักเรียนย่อมเชื่ออยู่แล้ว อีกทั้งข้อสอบยังออกตอนนั้นเลยด้วยซ้ำ
หลังจากบอกคะแนนของถังซวง เหมาจื้อหลางก็แจ้งคะแนนของเมิ่งซือเซี่ยกับจู้เจินเจินด้วยเช่นกัน แม้ทั้งสองจะสอบได้ไม่แย่ แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อเทียบกับถังซวง ยังห่างไปเกือบหนึ่งร้อยคะแนน ซึ่งความห่างนี้ไม่ใช่น้อย ๆ เลย
พอจู้เจินเจินได้ยินคะแนน สีหน้าพลันแดงก่ำ และรู้สึกว่าขายหน้าจนอยากมุดหนี
เมิ่งซือเซี่ยเองก็เช่นกัน เธอเอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าเงยหน้าขึ้น ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าถังซวงทำเกินไป จับเธอกับเจินเจินไปสอบด้วย ทั้งที่รู้ว่าคะแนนสอบของพวกเธอไม่มีทางเทียบกับถังซวงได้เลย และกลายเป็นตัวตลกแบบนี้
จากการสอบเพิ่มเติมในครั้งนี้ ทุกคนต่างรู้ว่าถังซวงอาศัยความสามารถตัวเองจริง ๆ ถึงได้คะแนนสูง ดังนั้นข่าวลือจึงค่อย ๆ เงียบไป และไม่มีใครพูดถึงอีก
ซึ่งทำให้ถังซวงอารมณ์ดีขึ้นไม่น้อย
แต่เมื่อมองตู้จ้งเหว่ยที่ตามอยู่ด้านหลัง ถังซวงพลันขมวดคิ้วมุ่น “นายตามฉันมาทำไม”
“ต่อจากนี้ไปฉันจะติดตามเธอน่ะสิ”
ตู้จ้งเหว่ยเอ่ยอย่างสบาย ๆ พลางมองไปที่ถังซวงด้วยสายตาชื่นชมโดยไม่รู้ตัว หญิงสาวตรงหน้าเขาไม่เพียงแต่เก่งเท่านั้น แม้แต่คะแนนยังทิ้งห่างคนอื่นไปมาก ยังมีอะไรที่เธอทำไม่ได้อีกไหม
ถังซวงได้ยินคำพูดของตู้จ้งเหว่ย ก็หันไปมองเขาทันที “ไม่ต้อง นายต่อสู้ก็ไม่ได้เรื่อง คะแนนก็ไม่ได้เรื่อง ฉันจะให้นายตามไปทำไม” กล่าวจบ หญิงสาวก็เดินจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
ตู้จ้งเหว่ยได้ยินเช่นนี้ก็ยืนนิ่งอยู่กับที่
“… ฉันต่อสู้ไม่ได้เรื่อง” เขาพึมพำกับตัวเอง แต่ท้ายที่สุดก็ไม่กล้าเอ่ยออกไป ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกับถังซวงแล้ว เขาสู้ไม่ได้เรื่องจริง ๆ นั่นแหละ
เห็นร่างถังซวงหายไปแล้ว ตู้จ้งเหว่ยก็ก้าวไปข้างหน้า
อีกด้าน จู้เจินเจินที่บังเอิญมาเห็นตู้จ้งเหว่ยกับถังซวง ทำให้เธอยิ่งซึมลงไปอีก
เมื่อก่อน ตู้จ้งเหว่ยปฏิบัติกับทุกคนเหมือนกันหมด ไม่เคยสนใจใครขนาดนี้ ทว่าตอนนี้เขากลับไม่เหมือนเดิม ตู้จ้งเหว่ยตามถังซวงไปทุกที่ และพูดมากกว่าเมื่อก่อน ซึ่งเขาไม่เคยทำแบบนี้กับใครมาก่อน
เมิ่งซือเซี่ยเองก็เห็นภาพตรงหน้าเช่นกัน แต่เธอกลับไม่คิดอะไร
“เจินเจิน ฉันกลับบ้านก่อนนะ”
หลังจากได้ยินเสียงเมิ่งซือเซี่ย จู้เจินเจินถึงได้สติกลับมา และโบกมือลาเมิ่งซือเซี่ยอย่างร่าเริง
เมิ่งซือเซี่ยโบกมืออีกครั้ง จากนั้นก็เดินกลับบ้านไป เพียงแต่ว่าเธอในตอนนี้อารมณ์ไม่ค่อยดีนัก อารมณ์บนหน้าจึงดูหดหู่เล็กน้อย
“ซือเซี่ย ลูกเลิกเรียนกลับมาแล้วหรือ รีบไปล้างมือ แล้วมาทานข้าวเร็ว”
“แม่คะ หนูยังไม่หิว”
“ป้าของลูกมาแล้ว ถึงลูกจะไม่หิว ก็รีบมาเถอะ”
ได้ยินเช่นนี้ เมิ่งซือเซี่ยทำได้เพียงไปล้างมือก่อน จากนั้นก็ไปที่ห้องอาหาร
เมิ่งผิงเห็นหลานสาวตัวเองเข้ามา ก็โบกมือให้หญิงสาวพร้อมรอยยิ้ม “ซือเซี่ย รีบมานั่งเร็วจ้ะ”
เมื่อเมิ่งซือเซี่ยเห็นเมิ่งผิง ในหัวก็พลันคิดถึงหน้าถังซวง เธอรีบสะบัดหัว จากนั้นก็ยิ้มให้เมิ่งผิง “คุณป้า ทำไมวันนี้ถึงมีเวลามาที่นี่ได้ล่ะคะ”
“ป้ามาเยี่ยมคุณปู่คุณย่าน่ะ”
ระหว่างพูดคุย เมิ่งผิงมองเมิ่งซือเซี่ยอย่างอยากรู้ก่อนถามขึ้น “ซือเซี่ย ทำไมดูหลานไม่มีแรงเลยล่ะ เกิดอะไรที่โรงเรียนหรือเปล่า?”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ”
เมื่อเห็นเมิ่งซือเซี่ยส่ายหัวปฏิเสธ เมิ่งผิงไม่ถามอะไรให้มากความอีก ทว่านึกถึงที่ถังซวงพูดในตอนนั้น เธอจึงถามพร้อมมองหลานสาวตัวเองอย่างสงสัยเล็กน้อย “ซือเซี่ย ห้องของหลานมีนักเรียนหญิงชื่อว่าถังซวงหรือเปล่า เหมือนเธอจะเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ ป้าได้ยินมาว่าเธอนั่งอยู่โต๊ะด้านหลังหลานน่ะ”
ครั้นได้ยินคำพูดของเมิ่งผิง เมิ่งซือเซี่ยเหลือบมองเมิ่งผิงอย่างแปลกใจเล็กน้อย ก่อนพยักหน้าตอบกลับ “ใช่ค่ะ ถังซวงนั่งอยู่โต๊ะหลังหนู”
“จริงหรือเนี่ย งั้นพวกหลานก็มีวาสนาต่อกันจริง ๆ”
“ห๊ะ… มีอะไรนะคะ”
เมิ่งซือเซี่ยพึมพำออกมา และรู้สึกว่าหลังจากที่ถังซวงย้ายเข้ามา เธอเองก็ทำอะไรไม่ราบรื่นตลอดเลย
ทว่าเมิ่งผิงกลับไม่ได้ยินเสียงพึมพำนั้น และนึกไปถึงสิ่งที่ถังซวงพูดก่อนหน้านี้ เรื่องที่ใกล้จะสอบแล้ว ดังนั้นจึงถามออกไปตามตรง “ซือเซี่ย ป้าได้ยินว่าช่วงนี้พวกหลานสอบกันแล้ว เป็นยังไงบ้าง แล้วถังซวงสอบได้กี่คะแนนจ๊ะ”
“คุณป้าถามเรื่องนี้ทำไมหรือคะ”
แต่ทว่าไม่รอให้เมิ่งผิงตอบกลับ แม่ของเมิ่งซือเซี่ยก็ร้อนรนขึ้นมาเสียก่อน “อะไรนะ… พวกลูกสอบกันแล้วหรือ แล้วก่อนหน้านี้ทำไมลูกไม่บอกอะไรแม่เลยล่ะ แล้วก็… ครั้งนี้ลูกสอบได้กี่คะแนน?”
“หนู… หนูสอบได้ไม่ดี”
เมิ่งซือเซี่ยไม่คิดว่าตัวเองจะเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยแล้ว เธอจึงแทบอยากรีบเปลี่ยนเรื่อง
เพียงแต่ว่าคนอื่น ๆ ย่อมไม่ได้ยินเสียงหัวใจของเธอ กลับกันยิ่งถามอย่างอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
เมิ่งซือเซี่ยไม่ได้บอกคะแนนตัวเองทั้งหมด ตรงกันข้ามเอ่ยถึงถังซวงขึ้นมา “ถังซวงเก่งมากเลยค่ะ นอกจากวิชาภาษาจีนที่โดนหักสองคะแนนแล้ว วิชาอื่น ๆ ก็ได้คะแนนเต็มหมด”