การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 317 ไม่ต้องไปเจอแล้ว
บทที่ 317 ไม่ต้องไปเจอแล้ว
บทที่ 317 ไม่ต้องไปเจอแล้ว
หลังจากที่คุณนายจิงอธิบายกับลูกสะใภ้คนโตเสร็จแล้ว เธอก็โบกมือให้ถังซวงและถังเซวี่ย “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย มาหาย่าเร็ว” แน่นอนว่าหลานสาวทั้งสองยังคงน่ารักน่าเอ็นดู หลานสาวคนโตเองก็มีคนรักที่ดีอย่างโม่เจ๋อหยวนอยู่แล้ว และหลานสาวคนเล็กก็ยังเด็ก จึงไม่ต้องกังวลว่าเธอจะมีคนรักหรือไม่
ส่วนถังซวงและถังเซวี่ยได้ยินคุณนายจิงเรียก จึงเดินไปหาพร้อมรอยยิ้ม
“ซวงเอ๋อร์ โชคดีที่หลานไปเจอกับกัวเฟยน่าก่อน และเห็นนิสัยที่แท้จริงของเธอ ไม่อย่างนั้นครั้งนี้พี่รองของหลานคงจะมีปัญหาแน่” อวี๋มินได้ยินอย่างนั้นก็ผวาขึ้นมา เธอรู้สึกว่าหากสิ่งนี้เกิดขึ้นกับจิงเหวินหยวน เธอคงจะรู้สึกผิดมากแน่
ถังซวงยิ้มและพูดว่า “เป็นเรื่องบังเอิญน่ะค่ะ แต่รอให้ป้ารองสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนดีกว่าค่ะ ผู้ชายในวันนั้นอาจจะไม่ใช่คนรักของกัวเฟยน่าก็ได้”
“ถึงจะไม่ใช่คนรักของกัวเฟยน่า แต่ความจริงที่ว่าเธอใกล้ชิดกับผู้ชายคนอื่นมากแสดงว่าเธอเองก็ไม่ธรรมดานะ”
คุณนายจิงพยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “ใช่แล้ว กัวเฟยน่าไม่น่าใช่ผู้หญิงที่ดีอย่างแน่นอน แต่เหวินรุ่ยของเราเป็นคนดีมาก เราจะปล่อยให้ผู้หญิงคนนี้มาทำร้ายเขาไม่ได้”
แม้เฮ่อหลานจะรู้สึกว่าลูกสาวของเธอจะพูดความจริง แต่เธอก็ยังไม่รู้ว่าเมิ่งผิงจะมีความคิดใด ๆ เกี่ยวกับพวกเธอหรือไม่ “ฉันหวังว่าพี่สะใภ้รองจะไปสอบถามมาอย่างชัดเจนนะคะ”
“ใช่ เรื่องนี้ต้องถามให้ชัดเจน”
คุณนายจิงพาถังซวงและถังเซวี่ยไปคุยกันครู่หนึ่งและปล่อยให้พวกเธอกลับไปพักผ่อน
ในอีกด้านหนึ่ง จิงเหวินรุ่ยพากัวเฟยน่าไปที่โรงภาพยนตร์
ตอนนี้มีภาพยนตร์ฉายไม่มากนัก ดังนั้นจิงเหวินรุ่ยจึงสุ่มเลือกมาหนึ่งเรื่องและพากัวเฟยน่าไปดูหนัง ซึ่งเขาดูอย่างจริงจังโดยไม่สนใจกัวเฟยน่าที่อยู่ด้านข้างเลยสักนิด
แต่ทว่ากัวเฟยน่าไม่ได้สนใจสิ่งที่อยู่ในภาพยนตร์เลย เธอเอาแต่มองตรงไปที่จิงเหวินรุ่ยราวกับว่าเห็นดอกไม้งอกออกมาจากใบหน้าของเขา ผู้ชายคนนี้ไม่เพียงมาจากตระกูลที่ร่ำรวยและมีงานที่ดีเท่านั้น แต่เขายังดูดีที่สุดในบรรดาผู้ชายที่เธอเคยพบมา
ดวงตาของกัวเฟยน่าก็เป็นประกาย
ยังไงเธอก็ต้องได้ผู้ชายคนนี้มาเพื่อให้ได้แต่งงานเข้าตระกูลใหญ่และชีวิตจะได้สบาย
จิงเหวินรุ่ยสังเกตเห็นสายตาของกัวเฟยน่าที่มองเขาตาไม่กระพริบ แม้ว่าเขาจะไม่คุ้นเคยและไม่ชอบ แต่ก็ทำได้เพียงอดทนและตั้งใจดูหนังโดยไม่สนใจคนด้านข้างเท่านั้น
หลังจากรอให้ภาพยนตร์จบลง จิงเหวินรุ่ยก็ลุกขึ้นยืนและเดินออกไป
“สหายจิง รอฉันด้วยสิคะ”
เมื่อเห็นจิงเหวินรุ่ยเดินออกไป กัวเฟยน่าก็วิ่งตาม
จิงเหวินรุ่ยเห็นกัวเฟยน่าตามมาด้านหลังจึงพูดว่า “สหายกัว ผมจะพาคุณกลับไปส่งก่อนนะ”
“เอ่อ… จะกลับแล้วหรือคะ”
กัวเฟยน่าประหลาดใจและเธอก็รีบเสนอขึ้น “สหายจิงคะ งั้นเราไปเดินเล่นกันก่อนเถอะค่ะ จากนั้นไปทานอาหารเย็นด้วยกัน เดี๋ยวฉันเลี้ยงคุณเอง”
“ไม่เป็นไรครับ พอดีผมมีธุระ ไปส่งคุณกลับก่อนดีกว่าครับ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ใบหน้าของกัวเฟยน่าก็บึ้งตึง เขากำลังปฏิเสธเธอชัด ๆ แต่เมื่อคิดถึงตระกูลของจิงเหวินรุ่ย เธอก็ยังคงอดทนและพูดด้วยใบหน้าไร้เดียงสา “ในเมื่อคุณมีธุระ อย่างนั้นก็ไม่ต้องไปส่งฉันหรอกค่ะ คุณรีบไปเถอะ” หลังจากพูดแบบนี้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่จิงเหวินรุ่ย
ปกติเวลานี้ผู้ชายแทบทุกคนจะรู้สึกว่าเธอเกรงใจและต้องใจอ่อนยอมไปส่งเธอแน่
แต่ทว่า… จิงเหวินรุ่ยพยักหน้าและพูดว่า “ตกลง อย่างนั้นก็ระวังตัวด้วยนะครับ ผมขอตัวก่อน” เขาพูดจบและจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
เมื่อเห็นจิงเหวินรุ่ยจากไปโดยไม่ลังเลสักนิด กัวเฟยน่าก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นและไม่สามารถขยับไปไหนได้ ผู้ชายคนนี้เป็นอะไรไป ไม่เห็นหรือว่าเธอสวยและอ่อนแอขนาดไหน เขาทิ้งให้เธออยู่คนเดียวแบบนี้ได้ยังไง
ยิ่งกัวเฟยน่าคิดถึงเรื่องนี้ เธอก็ยิ่งโกรธ และรีบไล่ตามเขาไปอีกครั้ง แต่จิงเหวินรุ่ยได้จากไปแล้ว
“เฮงซวยเอ้ย…”
จิงเหวินรุ่ยไม่สนใจว่ากัวเฟยน่าจะรู้สึกยังไง ในตอนนี้เขาแค่รู้สึกสบายใจมาก เขาไม่ชินเลยเวลาที่อยู่กับผู้หญิงคนนั้น รู้สึกอึดอัดใจจนดูหนังไม่รู้เรื่อง และตอนนี้เขาได้อยู่คนเดียวแล้วจึงรู้สึกผ่อนคลายเต็มที่ แต่เขายังกลับบ้านไม่ได้เพราะแม่คงจะจับได้และซักไซ้ครั้งใหญ่ เขาจึงไปทำงานล่วงเวลาก่อน
จากนั้นจิงเหวินรุ่ยก็ตัดสินใจกลับและไปทำงานทันที
ในตอนนี้เมิ่งผิงไม่ได้อยู่ที่บ้าน แต่เธอกำลังใช้เส้นสายเพื่อพบผู้คนมากมายและสอบถามเกี่ยวกับเรื่องของกัวเฟยน่า และในขณะเดียวกันก็สอบถามเกี่ยวกับข่าวของครอบครัวเพื่อนเก่าของเธอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลังจากที่ได้รับข้อมูลมา เธอก็มีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก
แม้ว่าการตรวจสอบจะพบว่ากัวเฟยน่าไม่มีคนรักที่ชัดเจน แต่เธอก็มีเพื่อนต่างเพศหลายคน และคนที่ถังซวงเห็นในวันนั้นอาจเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้ แต่ถึงอย่างนั้นข้อเท็จจริงที่ว่ากัวเฟยน่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับผู้ชายก็เป็นเรื่องจริง ใช่ คนอื่นเคยเห็นเธอทำตัวสนิทสนมกับเพื่อนต่างเพศหลายต่อหลายครั้ง และดูเหมือนว่าพวกเขาจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา
“มากเกินไปแล้ว เธอยังบอกฉันด้วยว่ากัวเฟยน่าขี้อายมากและไม่เคยมีคนรัก แค่นี้ก็ไม่ตรงกันแล้ว”
เดิมทีเมิ่งผิงต้องการรอให้ลูกชายของเธอกลับมาและอธิบายให้เขาฟังโดยเร็วที่สุด แต่เธอรอแล้วรอเล่า จิงเหวินรุ่ยก็ยังไม่กลับมา “ทำไมเหวินรุ่ยยังไม่กลับอีก เขาคงไม่ไปทานอาหารเย็นกับกัวเฟยน่าหรอกนะ”
คุณนายจิงเห็นว่าลูกสะใภ้รองกังวลใจอย่างมาก จึงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เหวินรุ่ยไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่ว่าอย่างไรเขาก็คงมองออก เธอไม่ต้องกังวลไปหรอก”
เมิ่งผิงพยายามที่จะสงบสติอารมณ์ จากนั้นพยักหน้า “ค่ะ ฉันเชื่อในตัวเหวินรุ่ย”
แต่ทว่าเมิ่งผิงก็ยังกังวลเล็กน้อย ดังนั้นเธอจึงคอยมองดูว่าลูกชายของตัวเองกลับมาหรือยัง
หลังจากรออีกครึ่งชั่วโมง ในที่สุดจิงเหวินรุ่ยก็กลับมา เมื่อเห็นลูกชายกลับมา เมิ่งผิงก็รีบไปข้างหน้าและพูดว่า “เหวินรุ่ย ทำไมกลับมาช้าแบบนี้”
เมื่อเห็นท่าทางกังวลของแม่ จิงเหวินรุ่ยรู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำไม่ถูกต้อง เขาจึงรีบเข้าไปปลอบ “แม่ครับ ผมมีงานต้องทำ ผมเลยต้องกลับมาช้า แม่ไม่ต้องห่วง”
“อืม เป็นแบบนี้เองหรือ อย่างนั้นก็ดีแล้วจ้ะ”
เมิ่งผิงดึงจิงเหวินรุ่ยเข้ามาใกล้ แล้วพูดด้วยความละอาย “เหวินรุ่ย เป็นความผิดของแม่เอง แม่ไม่ได้ถามเกี่ยวกับเรื่องของกัวเฟยน่าให้ดีก่อนที่จะขอให้ลูกไปดูตัว ไม่ต้องห่วงนะ ลูกจะไม่ต้องไปเจอเธออีกแล้ว”
“เรื่องอะไรครับ?”
ตอนนี้ถึงคราวของจิงเหวินรุ่ยที่ต้องประหลาดใจ แต่เขาไม่เห็นท่าทีประหลาดใจใด ๆ จากคนรอบข้างจึงรู้ว่าครอบครัวของเขาต้องรู้เรื่องนี้แล้ว
หลังจากที่เมิ่งผิงได้ยินคำพูดนั้น เธอก็รีบบอกสิ่งที่ไปสอบถาม และในที่สุดก็พูดว่า “ซวงเอ๋อร์เคยเจอกับกัวเฟยน่า แล้วรู้ว่านิสัยของเธอแย่จริง ๆ”
“จริงหรือครับ งั้นในอนาคตผมก็ไม่ต้องไปเจอกัวเฟยน่าอีกแล้วใช่ไหมครับ”