การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 318 ความโกรธ
บทที่ 318 ความโกรธ
บทที่ 318 ความโกรธ
เมิ่งผิงพยักหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดของลูกชาย “ใช่แล้ว ลูกไม่ต้องไปพบเธออีกต่อไป เพราะแม่คิดถึงวันวานมากเกินไปและคิดเสมอว่าเพื่อนเก่าคนนั้นยังคงเหมือนเดิม แต่น่าเสียดายที่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ผู้คนก็เปลี่ยนไป”
เมื่อเห็นท่าทางที่อ่อนไหวของแม่ จิงเหวินรุ่ยจึงรีบพูดว่า “แม่ไม่ต้องเสียใจหรอกครับ นอกจากแม่ของกัวเฟยน่าแล้ว แม่ยังมีเพื่อนเก่าคนอื่นอีกตั้งเยอะ ผมคิดว่าป้าเฉียนก็เป็นคนดีมาก หลังจากจบมหาวิทยาลัยพวกแม่ก็ยังติดต่อกันอยู่ไม่ใช่หรือครับ?”
เมิ่งผิงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อได้ยินคำพูดนั้นและพูดว่า “ใช่ ป้าเฉียนของลูกดีมาตลอด เอาล่ะ เหวินรุ่ย วันนี้ลูกเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะจ้ะ”
จิงเหวินรุ่ยรู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เหนื่อยใจนั่นแหละ…
“แม่ครับ งั้นผมขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะครับ” แต่ก่อนจะกลับห้อง เขาขอบคุณถังซวงเป็นพิเศษ “ซวงเอ๋อร์ น้องสาวที่แสนดีของฉัน ครั้งนี้ต้องขอบคุณเธอแล้ว ไม่อย่างนั้นชีวิตที่เหลือของฉันคงจะจบเห่แน่”
เมื่อเห็นท่าทางเกินจริงของจิงเหวินรุ่ย ถังซวงก็หัวเราะออกมา
“พี่รอง แม้ฉันจะไม่เตือน กัวเฟยน่าก็น่าจะแสดงนิสัยที่แท้จริงของเธอให้พี่เห็นไม่ช้าก็เร็ว หยุดขอบคุณฉันได้แล้วค่ะ”
“ตกลง ตกลง ฉันจะไม่พูดแล้ว คราวหน้าฉันจะพาเธอไปซื้อของแล้วกัน” ขณะที่พูดเขามองไปที่ถังเซวี่ย แล้วพูดว่า “เสี่ยวเซวี่ย ก็ไปด้วยกันนะ”
เมื่อถังเซวี่ยได้ยินสิ่งนี้ เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ค่ะพี่รอง ฉันจะจำไว้นะ ว่าในช่วงสุดสัปดาห์พี่จะพาเราไปซื้อของ”
“อื้ม”
จิงเหวินรุ่ยจะไม่เห็นด้วยได้อย่างไร เขาแค่คิดว่าน้องสาวทั้งสองคนน่ารักมากจึงอยากจะใช้เวลากับลูกพี่ลูกน้องทั้งสองมากกว่าอยู่กับผู้หญิงอย่างกัวเฟยน่า แบบนั้นมันเหนื่อยใจเกินไป
หลังจากจิงเหวินรุ่ยจากไป คุณนายจิงก็พูดกับคนอื่น ๆ ว่า “เอาล่ะ ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะ”
ในวันจันทร์ ถังซวงและถังเซวี่ยไปโรงเรียนด้วยกัน
จิงเหวินหยวนและจิงเหวินรุ่ยก็ออกไปทำงาน ในตอนนั้นเองจิงเหวินหยวนพูดติดตลกว่า “เหวินรุ่ย ป้ารองจัดนัดดูตัวให้นายหรือ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จิงเหวินรุ่ยก็ปวดหัวขึ้นมา
เดิมทีเขาคิดว่าเพราะเรื่องของกัวเฟยน่า แม่จะไม่สนใจเรื่องคู่รักของตัวเองแล้ว แต่คราวนี้แม่วางแผนที่จะหาคนที่ดีสำหรับเขาอีกครั้งแล้ว และแม่ยังสาบานว่าจะหาผู้หญิงที่โดดเด่นในปักกิ่งมาให้ได้ เพื่อคนที่เหมาะกับเขาและให้เขาไปนัดดูตัวด้วย
สิ่งเดียวที่ดีคือ…
ครั้งนี้แม่จริงจังมาก เธอสืบค้นทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องของอีกฝ่ายและไม่ยอมพลาดแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าเธออยากจะให้เขาไปนัดดูตัวแค่ไหน มันก็ต้องใช้เวลาสักพัก
“อย่าพูดถึงเลยพี่ใหญ่ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงอยากให้ผมไปนัดดูตัวกัน”
จิงเหวินหยวนหัวเราะทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “ใครใช้ให้ซวงเอ๋อร์มีคนรักกันล่ะ ป้ารองเลยรีบแบบนี้”
“ฮึ่ม… ทั้งหมดเป็นความผิดของโม่เจ๋อหยวนแท้ ๆ ถ้าเขาไม่คบกับซวงเอ๋อร์เร็วขนาดนั้น เราสองคนคงไม่ถูกกดดันหนักขนาดนี้แน่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิงเหวินหยวนก็โบกมือและพูดว่า “อย่ารวมฉันไปด้วยสิ มีแค่นายเท่านั้นแหละ แม่ของฉันไม่รีบร้อนเลยสักนิด หลังจากที่แม่เห็นป้าจัดการนัดดูตัวให้นาย แม่ก็คิดว่ามันจะดีกว่าถ้าให้ฉันหาคนรักเอง เธอยังบอกอีกว่าให้ฉันหาคนที่รู้ใจ ตอนนี้ฉันเลยยังไม่รีบร้อนไงล่ะ”
เมื่อจิงเหวินรุ่ยได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกโกรธมากยิ่งขึ้น
“ไปเถอะ พี่รีบไปทำงานได้แล้ว”
จิงเหวินรุ่ยรู้ว่าตนไม่สามารถล้อจิงเหวินหยวนได้อีกต่อไป จึงผลักอีกฝ่ายออกไปและตรงไปที่หน่วยงานทันที
แต่สิ่งที่จิงเหวินรุ่ยไม่คาดคิดคือหลังจากทำงานอย่างขยันขันแข็งมาทั้งวัน หลังจากเลิกงานเขาก็พบกับกัวเฟยน่าในระหว่างทางกลับบ้านอีกครั้ง
เมื่อกัวเฟยน่าเห็นจิงเหวินรุ่ย เธอก็รีบเข้ามาหา
“สหายจิง คุณเลิกงานแล้วหรือคะ”
จิงเหวินรุ่ยขมวดคิ้วเมื่อเห็นกัวเฟยน่า และถามว่า “คุณมาที่นี่ทำไม?”
“ฉันมารอคุณน่ะค่ะ”
“สหายกัว เราไม่เหมาะสมกันหรอกครับ อย่ามาเจอกันอีกเลยครับ”
แม้ว่าเธอจะเตรียมใจมาเป็นเวลานาน แต่เมื่อได้ยินสิ่งนี้กับตัวเองจริง ๆ กัวเฟยน่าก็ยังรู้สึกโมโหและไม่อยากยอมรับ “สหายจิง ฉันคิดว่าเราสองคนเหมาะสมกันมากนะคะ ทำไมเราถึงไม่ควรเจอกันอีกล่ะ”
จิงเหวินรุ่ยไม่ต้องการทำให้เรื่องแย่ลง ดังนั้นเขาจึงพูดเป็นนัยว่า”สหายกัว เราไม่มีอะไรเหมือนกัน นิสัยก็ต่างกัน เข้ากันไม่ได้หรอกครับ”
“สหายจิง คุณคิดว่าฉันไม่ดีตรงไหน คุณบอกฉันตามตรงได้เลยนะคะ ฉันจะแก้ไขมันให้คุณเอง”
แม้ว่าในใจของเธอจะโกรธมาก แต่กัวเฟยน่าก็พยายามระงับอารมณ์และพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนหวาน เพราะไม่ว่ายังไงแล้วตระกูลจิงก็เป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ ถ้าเธอเข้าไปเป็นภรรยาของหลานชายตระกูลจิงได้ เธอคงกลายเป็นหญิงสูงศักดิ์และเข้าร่วมชนชั้นสูงของปักกิ่งได้ นี่คือสิ่งที่เธอไม่เคยกล้าคิดฝันมาก่อน เพราะอย่างนั้นเธอจะต้องจับจิงเหวินรุ่ยให้ได้
เมื่อเห็นว่ากัวเฟยน่าไม่ยอมแพ้ จิงเหวินรุ่ยเลยได้แต่ถอนหายใจและพูดอย่างขวานผ่าซาก “สหายกัว ในเมื่อคุณมีคนรักอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงมาดูตัวกับผมล่ะ ถึงผมจะต้องการหาคนรัก แต่ผมก็จะไม่ไปยุ่งกับคนมีคนรักแล้วแบบคุณหรอกครับ”
“คุณ… คุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ”
กัวเฟยน่าตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และโบกมือเพื่อปฏิเสธทันที “สหายจิง คุณเข้าใจผิดจริง ๆ ฉันไม่มีคนรักสักหน่อย”
ในตอนท้าย เธอนึกถึงถังซวงและพูดด้วยท่าทางหงุดหงิดเล็กน้อย “ลูกพี่ลูกน้องของคุณพูดอะไรกับคุณหรือเปล่า? ฉันยอมรับว่าวันนั้นฉันมีเรื่องกระทบกระทั่งกับเธอก็จริง เธอเลยมีอคติกับฉัน คุณก็เหมือนกัน อย่าฟังคำพูดของเธอเพียงด้านเดียวสิคะ”
เมื่อเห็นว่ากัวเฟยน่ายังคงพูดถึงถังซวง การแสดงออกของจิงเหวินรุ่ยก็เย็นชาลง
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับซวงเอ๋อร์ คุณรู้ดีที่สุดว่าตัวเองทำอะไรลงไป ต่อไปนี้ไม่ต้องมาหาผมอีก เรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้”
เขาได้ยินเรื่องของกัวเฟยน่าจากแม่ของเขาแล้ว ทันทีที่ครอบครัวกัวมาถึงปักกิ่ง กัวเฟยน่าก็พบรักกับคนที่นี่ แต่ไม่นานหลังจากนั้น เมื่อกัวเฟยน่ารู้จักคนจากครอบครัวที่ดีกว่า เธอก็เตะคนรักเก่าทิ้งและไปคบกับคนปัจจุบัน ซึ่งคนปัจจุบันก็คือคนที่ซวงเอ๋อร์เห็นในร้านอาหารก่อนหน้านี้
ผู้หญิงที่มีความคิดเช่นนี้ แค่ชายตาไปมองเขาก็รู้สึกขยะแขยงแล้ว
เมื่อมองแผ่นหลังของจิงเหวินรุ่ย ดวงตาของกัวเฟยน่าเต็มไปด้วยความโกรธแค้น
“ถังซวง… แกกล้าดียังไงมาทำลายอนาคตของฉัน”
เธอมีความรู้สึกว่าต้องเป็นถังซวงแน่ ๆ ที่เป็นคนพูดเรื่องนี้ วันนั้นเธอก็โชคร้ายเช่นกัน บังเอิญไปพบกับถังซวงเข้า ทำให้อีกฝ่ายเห็นว่าตัวเองมีท่าทีสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องวันนั้น เธออาจจะมีโอกาสสนิทสนมกับจิงเหวินรุ่ยไปแล้ว
ยิ่งกัวเฟยน่าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าไร เธอก็ยิ่งโกรธมากขึ้นเท่านั้น และความเกลียดชังที่มีต่อถังซวงก็ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ เป็นเพราะเธอ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ จิงเหวินรุ่ยจะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองมีคนรักอยู่แล้ว
“ถังซวง นังสารเลว รอฉันก่อนเถอะ”
ถังซวงที่ไม่คิดว่าตัวเองจะถูกปองร้าย ตอนนี้เธอกำลังไปรับถังเซวี่ยที่โรงเรียน รอน้องสาวเลิกเรียนและกลับบ้านพร้อมกัน