การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 324 ไปเยี่ยมผู้อาวุโสจู
บทที่ 324 ไปเยี่ยมผู้อาวุโสจู
บทที่ 324 ไปเยี่ยมผู้อาวุโสจู
จิงเหวินหยวนและจิงเหวินรุ่ยนอนอยู่บนพื้นพลางมองไปที่ฟ้าไกล ๆ ไม่สามารถเรียกสติกลับมาได้
วันนี้พวกเขาทั้งสองตื่นแต่เช้าและมาฝึกกับถังซวง หลังจากนั้นทั้งสามคนก็เตรียมพร้อมที่จะต่อสู้กัน เพราะจิงเหวินหยวนกลัวว่าจะออกแรงมากเกินไป เขาเลยวางแผนที่จะปล่อยถังซวงไป แต่ถังซวงกลับบอกให้พวกเขาจับคู่กันและเห็นว่าพวกเขาปฏิเสธ เธอจึงโจมตีเข้ามาโดยตรงและในที่สุดสองพี่น้องก็ต้องร่วมมือกันรับมือกับเธอ
แต่ทว่า…
แม้พี่ชายสองคนจะร่วมมือกันเพื่อเอาชนะถังซวง พวกเขาก็ยังเทียบเธอไม่ได้ พวกเขาถูกถังซวงทำให้ล้มลงด้วยการเคลื่อนไหวไม่ถึงยี่สิบกระบวนท่า ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าลูกพี่ลูกน้องคนนี้มีความสามารถไม่ธรรมดา
เมื่อจิงเหวินรุ่ยและจิงเหวินหยวนนอนอยู่บนพื้น จิงไค่หรงที่กำลังจะออกไปข้างนอกก็เดินเข้ามาใกล้ และเมื่อเห็นทั้งสองคนเป็นแบบนี้ เขาก็หัวเราะและพูดว่า “นี่พวกแกแพ้ซวงเอ๋อร์งั้นหรือ จำได้มั้ยว่าก่อนหน้านี้พวกแกเคยพูดว่าอะไร กลัวว่าถ้าออกแรงมากไปจะทำให้ซวงเอ๋อร์ได้รับบาดเจ็บไม่ใช่หรือ แต่สุดท้ายพวกแกก็พ่ายแพ้ยับเยิน”
แม้ว่าการแสดงออกของจิงไค่หรงจะเหมือนเดิม แต่จิงเหวินหยวนยังคงเห็นแววตาของพ่อที่ดูมีความสุขบนความทุกข์ของพวกเขา นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นพ่อเป็นแบบนี้ และก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกริมฝีปากอย่างพูดไม่ออก “พ่อครับ พ่อกำลังจะออกไปข้างนอกไม่ใช่หรือ ทำไมยังไม่รีบไปอีกล่ะ ถ้าไปสายเดี๋ยวจะแย่เอานะครับ”
จิงไค่หรงมองไปที่ลูกชายอีกครั้ง จากนั้นหันไปมองถังซวงและพูดอย่างอ่อนโยน “ซวงเอ๋อร์ พี่สองคนของหลานนี่ไร้ประโยชน์จริง ๆ ในอนาคตถ้ามีเวลาก็พาพวกเขาไปฝึกด้วยนะ ไม่ต้องยั้งมือ พวกเขาจะโตขึ้นสักที”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ไม่ต้องห่วงค่ะคุณลุง ต่อจากนี้ไปหนูจะพาพี่ชายทั้งสองคนไปฝึกทุกเช้าเลย”
“อย่างนั้นก็รบกวนเธอด้วยนะ”
หลังจากที่จิงไค่หรงพูดจบ เขาก็เดินจากไป
เมื่อเห็นแผ่นหลังพ่อเดินออกไป จิงเหวินหยวนก็กลับมามีสติ
เมื่อกี้… พ่อคงไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้นใช่ไหม เขาต้องการให้ลูกพี่ลูกน้องมาสอนบทเรียนให้ตนและเหวินรุ่ยหรือ?
ในตอนนี้จิงเหวินรุ่ยก็รู้สึกอยากจะร้องไห้เหมือนกัน ด้วยเพราะออกกำลังกายทุกวันตอนยังเด็ก ตอนนี้เขาไม่มีนิสัยชอบออกกำลังกายอีกแล้ว และยังต้องไปทำงานทุกวันอีก ถ้าเขาตื่นมาฝึกในตอนเช้าแบบนี้ นึกไม่ออกเลยว่าตัวเองจะมีชีวิตต่อไปอย่างไร
ถังซวงมองไปที่คนทั้งสองที่กำลังล่องลอย ก็หัวเราะและพูดว่า “ถ้าพี่ใหญ่และพี่รองไม่อยากทำก็ไม่เป็นไรนะคะ ฉันฝึกคนเดียวทุกวัน หลังจากที่ฝึกและทานอาหารเช้าเสร็จฉันก็จะไปโรงเรียนกับเสี่ยวเซวี่ย ทำอย่างนี้จนชินแล้วค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิงเหวินหยวนและจิงเหวินรุ่ยก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน
พวกเขาต้องไปทำงานทุกวัน แต่ถังซวงก็ต้องไปโรงเรียนทุกวันไม่ต่างกัน ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่มากความสามารถยังอดทนได้ แต่พวกเขาสองคนที่เป็นผู้ชายร่างใหญ่จะไม่สามารถอดทนได้อย่างไร ดังนั้นทั้งสองจึงยืนขึ้นและพูดอย่างมุ่งมั่น “ซวงเอ๋อร์ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ พวกเราอยากฝึกกับเธอ”
“งั้นก็ดีค่ะ งั้นเราจะฝึกกันต่อพรุ่งนี้เช้านะ”
หลังจากถังซวงพูดจบ เธอก็กลับไปอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จ เธอก็มาทานอาหารเช้ากับเสี่ยวเซวี่ย
ส่วนพี่น้องจิงเหวินรุ่ยและจิงเหวินหยวนชำเลืองมองกันและกันด้วยรอยยิ้มเจื่อน “เอาล่ะ เรากลับไปอาบน้ำกันเถอะ จากนั้นก็ไปทานอาหารเช้า”
วันต่อมาจิงเหวินหยวนและจิงเหวินรุ่ยรู้สึกเหนื่อยล้าและไม่อยากขยับตัว พวกเขาถูกถังซวงทรมานทุกวันและเมื่อการฝึกหนักขึ้น พวกเขาก็ตระหนักถึงความน่ากลัวของถังซวง เธอมักจะเอามือหนึ่งไพล่หลังอย่างเข้มงวด ถ้าเธอใช้กำลังทั้งหมด พวกเขาต้องทนไม่ไหวแน่ ๆ
ถังเซวี่ยเห็นลูกพี่ลูกน้องและพี่สาวฝึกด้วยกัน เธอจึงเริ่มตื่นแต่เช้าด้วย แต่เธอไม่รู้กังฟู ดังนั้นเธอจึงวิ่งไปมากับพวกเขาเพื่ออบอุ่นร่างกาย แต่ถึงจะแค่นั้นเด็กสาวก็รู้สึกว่าร่างกายของตัวเองแข็งแรงขึ้นมาก
เมื่อเปาลี่ผิงมาหาถังซวง เขาก็ได้พบเจอกับภาพลูกพี่ลูกน้องสองคนถูกเธอโยนลงกับพื้น ก็ตกตะลึง
“ซวงเอ๋อร์… เธอใจร้ายเกินไปแล้วนะ ฉันกับพี่ใหญ่กำลังจะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้วเนี่ย”
ถังซวงชำเลืองมองที่จิงเหวินหยวนและจิงเหวินรุ่ย และพูดว่า “พี่ใหญ่และพี่รอง พวกพี่ต้องพยายามต่อไปนะ” ในตอนท้าย เธอเงยหน้าขึ้นมองที่ประตู พยักหน้าให้เปาลี่ผิงและพูดว่า “สหายเปา มีอะไรหรือคะ”
“ผะ… ผู้นำโถง ผมมาที่นี่เพื่อจะคุยบางอย่างกับคุณครับ”
เดิมทีเขายังคงลังเลว่าจะต้องเรียกว่าท่านผู้นำหรือไม่ แต่เขาได้ยินว่าพ่อของท่านผู้นำรู้เรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปิดบังและในที่สุดก็เรียกออกมา
ถังซวงพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนั้น และพูดกับจิงเหวินรุ่ยและจิงเหวินหยวนว่า “พี่ใหญ่และพี่รอง ฉันต้องไปทำงานก่อน พวกพี่รีบกลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”
เมื่อถังซวงและเปาลี่ผิงเดินไปที่ห้องโถงด้านหน้า จิงเหวินหยวนและจิงเหวินรุ่ยก็ลุกขึ้นยืน พี่น้องทั้งสองมองหน้ากันด้วยความสงสัยและพูดอย่างไม่แน่ใจ “เมื่อกี้… คน ๆ นั้นคือเรียกซวงเอ๋อร์ว่าท่านผู้นำโถงหรือ”
“ผมก็ได้ยินเหมือนกัน เขาเรียกเธอว่าท่านผู้นำโถงจริง ๆ”
“นี่… ซวงเอ๋อร์เป็นท่านผู้นำงั้นหรือ แต่โถงที่ว่านั้นคืออะไรล่ะ? ทำไมฉันรู้สึกตะหงิด ๆ ใจ”
จิงเหวินหยวนส่ายหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนี้ จากนั้นมองไปที่จิงเหวินรุ่ยและพูดว่า “นั่นเป็นเรื่องของซวงเอ๋อร์ พวกเราอย่าไปสงสัยเลย”
จิงเหวินรุ่ยไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นทั้งสองพี่น้องก็ไม่สงสัยเรื่องของถังซวงอีกต่อไป
อีกด้าน เปาลี่ผิงมาที่นี่ในครั้งนี้เพื่อพูดคุยเกี่ยวกับการขนส่งกับถังซวง “ท่านผู้นำ ผมได้วางแผนร่วมกับหัวหน้าเฟ่ยและคนอื่น ๆ แล้ว และอีกไม่นานเราจะเริ่มการขนส่งได้ คุณลองดูแผนนี้ก่อน หากมีอะไรไม่พอใจ เราจะแก้ไขต่อไป”
ถังซวงอ่านแผนงานอย่างละเอียด จากนั้นพยักหน้าและพูดว่า “พวกคุณทำแผนได้ดี แต่ทุกคนในโถงขับรถเป็นไหม”
“ท่านผู้นำไม่ต้องกังวล ผมได้ส่งคนกลุ่มหนึ่งไปเรียนขับรถแล้ว หลังจากที่พวกเขาทำได้ ทุกอย่างจะเป็นไปในแผนครับ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงจึงพยักหน้าและพูดว่า “แบบนั้นก็ดีค่ะ”
หลังจากนั้น เปาลี่ผิงและถังซวงก็คุยกันครู่หนึ่งและจากไปในที่สุด
หลังจากเปาลี่ผิงจากไป ถังซวงก็กลับไปที่ห้องของตัวเองเพื่ออาบน้ำ และถังเซวี่ยก็บังเอิญมาหาเธอพอดี “พี่สาว พี่ไม่ได้บอกว่าจะไปหาผู้อาวุโสจูหรือ แล้วนี่เราจะเดินทางเมื่อไหร่ล่ะ”
“ไปหลังอาหารเช้าก็แล้วกัน”
ถังเซวี่ยพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “ค่ะ หนูจะกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” เมื่อพี่สาวบอกว่าจะพาเธอไปหาผู้อาวุโสจูด้วยกัน เธอก็ยังรู้สึกว่ามันไม่ค่อยดี แต่เมื่อคิดถึงพี่สาวที่บอกว่าแค่ไปพบผู้อาวุโสคนหนึ่งเท่านั้น เธอจึงไม่ได้คิดมากอะไรและตามพี่สาวออกจากบ้านไป
หลังจากถังซวงและถังเซวี่ยทานอาหารเช้าเสร็จ พวกเธอก็ออกไป และไปพบผู้อาวุโสจูด้วยกัน
“สหายถัง สหายเสี่ยวเซวี่ย พวกเธอมาแล้ว รีบเข้ามาเร็วเข้า”
เจียงหงเหลียงที่มาเปิดประตู เมื่อเขาเห็นถังซวงและถังเซวี่ย เขาก็เชิญพวกเธอเข้าไปอย่างอบอุ่น
“รองเจียง ไม่เจอกันนานเลยนะคะ”
“ฮ่าฮ่า… จริง ๆ ก็ไม่นานเท่าไหร่หรอก เมื่อกี้ผู้อาวุโสจูยังคงพูดถึงพวกเธออยู่เลย รีบเข้ามาเถอะ”