การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 325 ตั้งครรภ์
บทที่ 325 ตั้งครรภ์
บทที่ 325 ตั้งครรภ์
หลังจากที่เจียงหงเหลียงนำถังซวงและถังเซวี่ยเข้าไปในห้องแล้วก็เห็นผู้อาวุโสจูนั่งรออยู่แล้ว ชายชรายิ้มและโบกมือให้สองพี่น้อง แล้วพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย พวกเธอรีบมานั่งสิ”
เนื่องจากความสัมพันธ์กับถังซวง ผู้อาวุโสจูจึงคุ้นเคยกับสถานการณ์ของครอบครัวของเธอเป็นอย่างดี และรู้ว่าเธอมีน้องสาวที่น่ารักมาก เมื่อเห็นสาวสวยทั้งสองคน เขาก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา ถ้าเขามีหลานสาวที่งดงามสองคนแบบนี้ก็คงดี แต่น่าเสียดายที่ในครอบครัวมีแต่เด็กผู้ชายหัวรั้น
หลังจากที่ถังซวงและถังเซวี่ยนั่งลง ผู้อาวุโสจูก็เอ่ยถามถังซวง
“ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนั้นมาแล้ว แม้ฉันจะรู้ว่าเธอเก่ง แต่ก็ยังอดแปลกใจไม่ได้ คนที่คอยคุ้มกันเธอในวันนั้นกำลังจะเคลื่อนไหว แต่ยังไม่ทันจะทำอะไร เธอก็จัดการพวกเขาล้มลงราวกับลมกระโชกและไม่มีช่องว่างให้พวกเขาใช้ความสามารถเลยสักนิด เธอคงไม่รู้หรอกว่าความประหลาดใจและความผิดหวังบนใบหน้าของพวกเขาตลกแค่ไหนเมื่อกลับมาพูดถึงทักษะของเธอ”
คนคุ้มกันถังซวงรู้สึกเพียงว่าพวกเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของถังซวงเลยสักนิด จึงรู้สึกประหลาดใจและผิดหวังกับตัวเองเพราะก่อนหน้านี้พวกเขาต่างคิดว่าถังซวงคงสู้พวกเขาไม่ได้อยู่แล้ว แต่คราวนี้เป็นเพราะอีกฝ่ายมีไม่กี่คน หากอีกฝ่ายมีคนมากกว่า พวกเขาคงจะออกไปช่วยถังซวงแล้ว
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังซวงก็อดหัวเราะไม่ได้และพูดว่า “ผู้อาวุโสจู ขอบคุณที่ส่งคนมาปกป้องฉันค่ะ แม้ว่าครั้งนี้จะไม่มีโอกาสให้พวกเขาแสดงความสามารถ แต่บางทีในครั้งต่อไปพวกเขาอาจได้โชว์ฝีมือ ฉันต้องขอบคุณพวกเขามากจริง ๆ”
ผู้อาวุโสจูมองถังซวงอย่างไม่เห็นด้วย และพูดว่า “เฮ้อ… คำพูดของเด็กนี่นะ เธออย่าพูดแบบนั้นสิ ไม่มีใครตั้งหน้าตั้งตารอเรื่องแบบนี้หรอก”
“ค่ะ ฉันจะไม่พูดแล้ว”
ถังซวงยิ้มขอบคุณ
เมื่อถังเซวี่ยเห็นว่าพี่สาวและผู้อาวุโสจูกำลังคุยกันอย่างมีความสุขและมองพวกเขาด้วยดวงตาที่สดใส เธอคิดว่าพี่สาวของตัวเองเก่งมาก ไม่ว่าจะเป็นคนใหญ่คนโตแค่ไหน พวกเขาต่างก็ชื่นชมพี่สาวไม่ขาดปาก
ผู้อาวุโสจูก็ไม่ได้ละเลยถังเซวี่ยเช่นกัน และถามคำถามมากมายกับเธอจากด้านข้าง
แม้ว่าถังเซวี่ยจะประหม่าเล็กน้อย แต่เธอก็ยังตอบคำถามของผู้อาวุโสจูได้อย่างฉะฉาน จากนั้นจึงเล่าเรื่องที่น่าสนใจบางอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ
ผู้อาวุโสจูไม่คิดว่าน้องสาวของถังซวงจะน่าสนใจขนาดนี้ เขาจึงคุยกับสองพี่น้องอย่างออกรส
ตอนเที่ยงสองพี่น้องถังซวงและถังเซวี่ยรับทานอาหารกลางวันที่บ้านผู้อาวุโสจู
หลังอาหาร ถังซวงหยิบใบสั่งยาล่าสุดของตัวเองออกมา “ผู้อาวุโสจู นี่คือสิ่งที่หนูเพิ่งค้นคว้าออกมาค่ะ แม้ว่ามันจะไม่ใช่ยาที่มีฤทธิ์มาก แต่ก็สามารถใช้ได้ตามปกติ”
ครั้งนี้เธอค้นคว้ายารักษาตาและยาแก้ปวดท้อง สำหรับยารักษาตาน่าจะมีประโยชน์มาก ส่วนยาแก้ปวดท้องจะใช้เมื่อไม่สบายท้อง แม้ว่าอาจไม่ได้ใช้บ่อยนัก แต่ช่วงนี้อากาศร้อน ยานี้น่าจะมีประโยชน์มากทีเดียว
เมื่อผู้อาวุโสจูเห็นยาที่ถังซวงมอบให้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
“ซวงเอ๋อร์ ลำบากเธอแล้ว เธอคงยุ่งกับการเรียนมาก แต่ก็ยังมีเวลาศึกษาสิ่งเหล่านี้ ขอบคุณจริง ๆ”
ถังซวงส่ายหน้าและยกยิ้ม “ไม่ได้ลำบากเลยค่ะ ฉันใช้เวลาว่างเพื่อศึกษาเรื่องนี้อยู่เสมอ” ขณะที่พูด เธอก็บอกผู้อาวุโสจูถึงข้อควรระวังสำหรับยาสองชนิดนี้ และสุดท้ายก็พูดว่า “ผู้อาวุโสจูคะ หนูได้เขียนวิธีใช้ ปริมาณ และเรื่องอื่น ๆ ไว้ด้านหลังใบสั่งยาแล้ว เมื่อถึงเวลาคุณให้คนอื่นมาแนะนำก็ได้”
“ตกลง ตกลง”
ผู้อาวุโสจูพยักหน้าเมื่อได้ยินคำพูดนี้
สองพี่น้องนั่งคุยต่อสักพักจากนั้นก็กลับไป
ถังเซวี่ยยังคงไม่สามารถสงบสติอารมณ์ได้จนกระทั่งเธอออกจากบ้านของผู้อาวุโสจู “พี่สาว พี่ไม่ประหม่าเวลาที่พูดคุยกับผู้อาวุโสจูเลยหรือ ทำไมหนูประหม่ามากขนาดนี้นะ”
เมื่อเห็นใบหน้าที่แดงก่ำของถังเซวี่ย ถังซวงก็พูดด้วยรอยยิ้ม “อันที่จริง พี่ก็ไม่ได้พบผู้อาวุโสจูบ่อยนัก แต่ผู้อาวุโสจูใจดีมาก ทำไมถึงต้องประหม่าด้วยล่ะ”
“ผู้อาวุโสจูเป็นคนใจดีมากก็จริง แต่หนูก็ยังประหม่าอยู่ดี”
ถังเซวี่ยตบหน้าอกของเธอเบา ๆ เพื่อให้รู้สึกสงบลง “พี่สาว พี่เก่งจริง ๆ หนูยังมีประสบการณ์น้อยเกินไป เลยประหม่าได้ง่ายสินะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้ และพูดว่า “ในอนาคตพี่จะพาเธอไปหาประสบการณ์เอง”
“ค่า”
พี่น้องสองคนคุยกันอย่างสนุกสนานแล้วกลับบ้าน
แต่เมื่อถังซวงและถังเซวี่ยกลับถึงบ้าน พวกเธอก็เห็นเฮ่อหลานกำลังรอพวกเธอด้วยใบหน้าที่เหนื่อยล้า
เมื่อเห็นทั้งสองกลับมา เฮ่อหลานจึงรีบลุกขึ้นยืนและพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย พวกลูกกลับมาแล้ว”
“แม่คะ ทำไมมานั่งอยู่ที่นี่ล่ะ หรือว่ารอเราอยู่”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวคนโตพูด เฮ่อหลานยิ้มและพูดว่า “แม่ไม่ได้มารอหรอก แต่แม่แค่อยากนั่งน่ะ เลยมานั่งตรงนี้”
“แม่คะ เราทานอาหารกลางวันที่บ้านของผู้อาวุโสจู ผู้อาวุโสจูใจดีมากเลยค่ะ” ถังเซวี่ยรู้ว่าแม่เป็นห่วง ดังนั้นเธอจึงรีบพูดด้วยรอยยิ้ม
เฮ่อหลานอดไม่ได้ที่จะยิ้มตามเมื่อได้ยินคำพูดน่าเอ็นดูของลูกสาว และพูดว่า “แบบนั้นก็ดีแล้วจ้ะ”
“แม่คะ นั่งลงก่อน หนูจะจับชีพจรให้”
ถังซวงเห็นว่าใบหน้าของแม่ดูไม่ค่อยดีนัก เธอจึงคิดว่าช่วงนี้แม่อาจจะพักผ่อนไม่เพียงพอ
เมื่อเฮ่อหลานได้ยินคำพูดของลูกสาวคนโต เธอก็รีบโบกมือแล้วพูดว่า “ซวงเอ๋อร์ แม่สบายดี แค่สองวันที่ผ่านมาแม่นอนหลับไม่สนิทน่ะจ้ะ อีกเดี๋ยวแม่จะกลับไปงีบแล้ว” ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาเธอง่วนอยู่กับการปักผ้าจึงนอนไม่ค่อยหลับ
ถังซวงมองตรงไปที่เฮ่อหลานและพูดว่า “แม่คะ การจับชีพจรใช้เวลาไม่นาน ให้หนูจับชีพจรแม่เถอะค่ะ”
ถังเซวี่ยยังโน้มน้าวจากด้านข้าง “ใช่ค่ะแม่ พี่เก่งมากเลยนะ ถ้าพี่จับชีพจรเมื่อไหร่ก็รู้ได้ทันทีเลยว่าที่แม่นอนไม่หลับเป็นเพราะอะไร ใช้เวลาแค่แป๊ปเดียวด้วย ดังนั้นแม่นั่งลงเถอะ”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวทั้งสองพูดเช่นนั้น เฮ่อหลานก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแค่นั่งลงและเหยียดข้อมือของเธอออกมา
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ถังซวงวางนิ้วบนข้อมือของเฮ่อหลาน แต่หลังจากนั้นไม่นานเธอก็มองไปที่เฮ่อหลานอย่างประหลาดใจ
ในตอนแรกเฮ่อหลานไม่คิดว่าจะมีปัญหาใด ๆ กับร่างกายของตัวเอง แต่เมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาวคนโต เธอก็กระวนกระวาย “ซวงเอ๋อร์ แม่… แม่แค่นอนหลับให้เพียงพอใช่ไหม… มีอะไรผิดปกติอีกหรือเปล่า”
แม้แต่ถังเซวี่ยก็ยังประหม่า
“พี่คะ ร่างกายแม่เป็นยังไงบ้าง มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
ถังซวงส่ายหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด แต่จับชีพจรของเฮ่อหลานอีกครั้ง จากนั้นเปลี่ยนไปจับชีพจรอีกข้าง
เมื่อเห็นถังซวงอย่างนั้น เฮ่อหลานและถังเซวี่ยก็เคร่งเครียด
ถังซวงดึงมือออกและเห็นแม่และน้องสาวดูเป็นกังวล ก็รู้ว่าพวกเขาคงกลัว จึงรีบพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ร่างกายของแม่ไม่มีอะไรผิดปกติ แม่แค่… กำลังตั้งครรภ์”
เมื่อครู่นี้เธอรู้สึกถึงชีพจรบางอย่าง เธอเองก็รู้สึกประหลาดใจ จึงตกตะลึงไปและไม่พูดอะไร แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้แม่และเสี่ยวเซวี่ยจะเข้าใจผิด
เมื่อเฮ่อหลานได้ยินเธอก็ตกตะลึงเช่นกัน
“พี่คะ ร่างกายแม่เป็นยังไงบ้าง มีอะไรผิดปกติหรือเปล่า”
ถังซวงส่ายหน้าอย่างรวดเร็วเมื่อได้ยินคำพูดนั้น เธอไม่ได้อธิบายอย่างละเอียด แต่จับชีพจรของเฮ่อหลานอีกครั้ง จากนั้นเปลี่ยนไปจับชีพจรอีกข้าง
เมื่อเห็นถังซวงอย่างนั้น เฮ่อหลานและถังเซวี่ยก็เคร่งเครียด
ถังซวงดึงมือออกและเห็นแม่และน้องสาวดูเป็นกังวล ก็รู้ว่าพวกเขาคงกลัว จึงรีบพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ร่างกายของแม่ไม่มีอะไรผิดปกติ แม่แค่… กำลังตั้งครรภ์”
เมื่อครู่นี้เธอรู้สึกถึงชีพจรบางอย่าง เธอเองก็รู้สึกประหลาดใจ จึงตกตะลึงไปและไม่พูดอะไร แต่ไม่คาดคิดว่าจะทำให้แม่และเสี่ยวเซวี่ยจะเข้าใจผิด
เมื่อเฮ่อหลานได้ยินเธอก็ตกตะลึงเช่นกัน
“อะ… อะไรนะ…”