การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 327 แซงทางโค้ง
บทที่ 327 แซงทางโค้ง
บทที่ 327 แซงทางโค้ง
เมื่อเห็นความเป็นกังวลของจิงเจ้อหรง เฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “อาเจ้อ ซวงเอ๋อร์บอกว่าฉันสบายดี แค่ดูแลตามปกติก็พอค่ะ คุณไม่ต้องกังวลมากขนาดนั้นหรอก”
แต่จิงเจ้อหรงจับมือเฮ่อหลานและพูดว่า “ผมรู้ แต่ผมก็ยังอดไม่ได้ที่จะกังวลและต้องการดูแลคุณตลอดเวลาอยู่ดี”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฮ่อหลานหน้าแดงด้วยความเขินอาย
พวกเขาสองคนไม่ใช่เด็กแล้ว แต่เธอก็ยังคงเขินอายกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทุกครั้งที่เขาพูดจาหวานเลี่ยนใส่
จิงเจ้อหรงมองไปที่ใบหน้าแดงก่ำของภรรยาก็อดไม่ได้ที่จะดึงเธอเข้ามาใกล้ แต่เมื่อคิดได้ว่าตอนนี้ภรรยาของเขากำลังตั้งท้องลูกแฝด ทุกการกระทำของเขาจึงอ่อนโยนมากขึ้น “อาหลาน หมอที่ตรวจก่อนหน้านี้บอกผมแล้วว่าช่วงสามเดือนแรกต้องระวังเป็นพิเศษ ทำให้ช่วงนี้ผมอาจกังวลมากไป แต่หลังจากสามเดือนแรกผ่านไป ผมสัญญา ผมจะไม่เป็นอย่างนี้อีกแล้วครับ”
“อื้ม”
อีกด้านหนึ่ง คุณนายจิงก็ตื่นเต้นมากไม่ต่างกัน กำลังคิดทำเสื้อผ้าตัวเล็ก ๆ สำหรับฝาแฝด
เมื่อเห็นความตื่นเต้นของคุณย่า ถังซวงและถังเซวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มและพูดว่า “คุณย่าคะ ตอนนี้ยังไม่รู้เพศเลย นี่ไม่เตรียมเสื้อผ้าเร็วไปหน่อยหรือคะ”
คุณนายจิงกลับส่ายหน้าและพูดว่า “แม้ว่าจะยังไม่รู้เพศ แต่ก็สามารถทำเสื้อผ้าสีเหลืองหรือสีส้มที่ใส่ได้ทั้งเด็กชายและเด็กหญิงได้นะจ๊ะ”
เมื่อเห็นความตั้งใจของคุณนายจิง ถังซวงและถังเซวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไรมาก ถ้าคุณย่ามีอะไรให้ทำก็ดีแล้ว
หลังจากพูดคุยกับคุณนายจิงสักพัก ทั้งคู่ก็กลับไป
“พี่สาว หลังจากที่แม่คลอด เราต้องช่วยดูแลน้อง ๆ อย่างดีเลยนะ” ถังเซวี่ยก็ตั้งหน้าตั้งตารอน้อง ๆ ของเธอเช่นกัน
ถังซวงพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ พี่ก็อยากเจอน้องชายและน้องสาวของเราเร็ว ๆ เหมือน พรุ่งนี้พี่จะทำยาบำรุงครรภ์ให้แม่เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่น”
“พี่สาว คงต้องลำบากพี่แล้วค่ะ”
ทั้งสองพูดคุยและอยู่ ๆ ก็พูดเกี่ยวกับโม่เจ๋อหยวนขึ้นมา
“พี่สาว พี่โม่ยังไม่กลับมาอีกหรือ?”
ถังซวงพยักหน้า “อืม พี่โม่ยังกลับมาไม่ได้ อาจใช้เวลาอีกหนึ่งเดือน เขาต้องจัดการเรื่องที่เมืองไห่เฉิงให้เรียบร้อยน่ะ”
“ตอนพี่โม่กลับมา เราสองคนก็คงใกล้จะปิดเทอมพอดี”
“ใช่ เวลาผ่านไปเร็วมาก”
ถังซวงทอดถอนหายใจ จากนั้นมองไปที่ถังเซวี่ย และถามว่า “อาจารย์ตกลงที่จะให้เธอสอบข้ามชั้นแล้วหรือยัง?”
“อาจารย์ตกลงแล้วค่ะ และยังบอกว่าให้ลองสอบดูก็ได้ ถ้าสอบผ่านก็สามารถเข้ามัธยมปลายปีที่หนึ่งได้ทันที แต่ถ้าสอบไม่ผ่านก็ให้กลับมาเรียนตามเดิม” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ถังเซวี่ยยิ่งรู้สึกมีความสุขมาก อาจารย์รับรู้ถึงความสามารถของเธอ และถ้าเธอทำสำเร็จ เธอก็สามารถไปโรงเรียนเดียวกับพี่สาวได้แล้ว
“พี่สาว ถ้าหนูสอบผ่านก็จะไปกลับโรงเรียนพร้อมพี่ได้ และเราจะได้อยู่โรงเรียนเดียวกันอีก”
ถังซวงลูบจมูกของตัวเองด้วยความลำบากใจ
“เอ่อ… เสี่ยวเซวี่ย ความจริงแล้ว… ฉันได้ยินอะไรบางอย่างเมื่อไม่นานมานี้ ถ้ามันเป็นเรื่องจริง เราคงไม่ได้เรียนโรงเรียนเดียวกันอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังเซวี่ยจึงมองไปที่ถังซวงอย่างประหลาดใจและถามว่า “พี่สาว มีอะไรหรือเปล่า?”
ถังซวงเข้าไปใกล้เสี่ยวเซวี่ยและกระซิบ “พี่ได้ยินข่าวลือว่าอาจนำการสอบเข้ามหาวิทยาลัยกลับมาใช้อีกครั้งน่ะ ดังนั้นถ้ามันกลับมาใช้จริง พี่ก็วางแผนที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยทันที” เมื่อคำนวณเวลาแล้ว การสอบเข้ามหาวิทยาลัยกำลังจะมาถึงในไม่ช้า และเธอวางแผนที่จะเข้าร่วมการสอบนี้
“อา…”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังเซวี่ยก็ไม่อยากจะเชื่อ
แต่ในไม่ช้าเธอก็สงบสติอารมณ์ลง พยักหน้าและพูดว่า “พี่คะ ถ้าเป็นเรื่องจริง พี่ก็ควรเข้าร่วมการสอบนะคะ คะแนนของพี่ดีขนาดนี้ มันจะต้องไม่มีปัญหาแน่”
มันต้องเป็นเรื่องที่น่ายินดีมากที่ได้เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ถ้าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนำกลับมาใช้จริง ๆ พี่สาวต้องทำได้อย่างแน่นอน
เมื่อเห็นประกายในดวงตาของถังเซวี่ย ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “ตกลง พี่จะเข้าร่วมอย่างแน่นอน และเสี่ยวเซวี่ย เธอก็ควรตั้งใจและรีบมาเป็นนักเรียนมัธยมปลายนะ”
เมื่อได้ยินอย่างนั้น ถังเซวี่ยก็กำหมัดแน่นและพูดว่า “ค่ะ ฉันจะพยายาม”
พี่น้องทั้งสองเดินคุยกันและกลับไปที่ห้องของตัวเอง
หลังจากที่เฮ่อหลานและจิงเจ้อหรงคุยกันสักพัก พวกเขาก็ไปทำงานของตัวเอง แม้ว่าเธอจะท้อง แต่เธอก็จะอยู่เฉยไม่ได้ หากไม่ได้ทำอะไรเธอจะรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย แต่ก่อนที่เฮ่อหลานจะปักผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่งเสร็จ อวี๋มินและเมิ่งผิงก็มาถึง
“อาหลาน เธอกำลังทำอะไรอยู่”
เมื่อเห็นพี่สะใภ้ทั้งสองเดินเข้ามา เฮ่อหลานก็รีบยิ้มและกวักมือเรียกพวกเธอให้นั่งลง “พี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รอง ฉันกำลังปักผ้าเช็ดหน้าเพื่อฆ่าเวลาน่ะ”
ในความเป็นจริงเธอต้องการไปที่โรงงานเย็บปักที่เพิ่งซื้อมา แต่จิงเจ้อหรงไม่เห็นด้วย แม้ว่าเขาจะตกลงกับเธอว่าจะให้ปักผ้าที่บ้าน แต่เขาก็ยังเป็นห่วงเธอไม่หาย ยิ่งไปกว่านั้น โรงงานเย็บปักยังอยู่ในระหว่างการสร้างด้วย
เมื่อเห็นว่าเฮ่อหลานกำลังปักผ้าอยู่ อวี๋มินและเมิ่งผิงก็รีบเดินเข้าไปและพูดว่า “อาหลาน เธอพักผ่อนดีกว่านะ อย่าหักโหมตัวเองเลย”
พวกเธอได้ยินว่าเฮ่อหลานไม่เพียงตั้งครรภ์เท่านั้น แต่ยังตั้งครรภ์ลูกแฝดอีกด้วย เมื่อนึกถึงอายุของเฮ่อหลาน พวกเธอก็ค่อนข้างกังวล
เมื่อเห็นว่าพี่สะใภ้ทั้งสองกังวลมาก เฮ่อหลานจึงรีบพูดด้วยรอยยิ้ม “พี่สะใภ้ใหญ่และพี่สะใภ้รองไม่ต้องกังวล หมอบอกว่าฉันสบายดี แค่ดูแลตามปกติก็พอ ซวงเอ๋อร์ก็พูดแบบนั้น ดังนั้นมันต้องไม่มีปัญหาอะไรแน่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ อวี๋มินและเมิ่งผิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก พวกเธอเชื่อมั่นในทักษะทางการแพทย์ของถังซวง ดังนั้นพวกเธอจึงไม่ต้องกังวล
“อาหลาน ถึงร่างกายเธอจะแข็งแรงแต่เธอก็ยังต้องระวังตัวนะ ถ้าช่วงนี้เบื่อ ๆ ก็มาคุยกับเราได้” ความจริงเมื่อทั้งสองคนไม่มีอะไรทำก็มักจะวางแผนเรื่องการแต่งงานของลูกชาย แต่หลังจากเหตุการณ์ของกัวเฟยน่า ทั้งคู่ก็พักสมองและปล่อยให้ลูกชายไปจัดการเอง
เมื่อเฮ่อหลานได้ยิน เธอพยักหน้าด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “ได้ค่ะ”
แต่เมื่อทั้งสามคนพูดคุยกันมาสักพัก ก็เห็นจิงเหวินรุ่ยเดินมาทางด้านนี้พร้อมกับสาวสวย
ตอนแรกเมิ่งผิงไม่รู้ตัว แต่เมื่อเห็นว่านั่นคือลูกชายของเธอ เธอจึงยืนขึ้นด้วยความตกใจ รีบก้าวไปข้างหน้าและถามว่า “เหวินรุ่ย กลับมาแล้วหรือ นี่คือใครกันจ๊ะ?” ขณะที่พูดก็มองไปที่ผู้หญิง-ข้างลูกชายของตัวเอง
เธอมีผมยาวนุ่มสลวย หน้าตางดงาม แต่ดวงตาที่เฉียบคมกลับลดทอนความอ่อนโยนของเธอ ทำให้เธอมีบุคลิกโดดเด่น เธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง
เมื่อเห็นลูกชายของตัวเองกลับบ้านพร้อมกับสาวสวย เมิ่งผิงก็อดคิดไม่ได้
ในเวลานี้อวี๋มินและเฮ่อหลานก็เดินตามไปด้วย
อวี๋มินรู้สึกประหลาดใจ เมื่อเห็นหลานชายพาผู้หญิงกลับมา เดิมทีเหวินรุ่ยและลูกชายของเธอก็อยู่ในสถานะเดียวกับเขา แต่ในตอนนี้หลานชายของเธอได้แซงไปเสียแล้ว
ในทางกลับกัน เฮ่อหลานมองผู้หญิงข้าง ๆ จิงเหวินรุ่ย ก็พูดด้วยความประหลาดใจว่า “เธอ… เธอคือคุณจูใช่ไหม”