การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 329 รบกวนคุณด้วย
บทที่ 329 รบกวนคุณด้วย
บทที่ 329 รบกวนคุณด้วย
ได้ยินคำพูดจูรุ่ย ถังซวงอดยิ้มขึ้นมาไม่ได้ “เธอคิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว แม้เธอกับจูเหลียนจะเป็นคนตระกูลจู แต่จูเหลียนก็มีหน้าที่แต่งงานเชื่อมสัมพันธ์เพื่อตระกูลเหมือนกัน อีกอย่างพวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พวกเขาติดค้างเธอ ดังนั้นเธอต้องพยายามเอาทุกอย่างที่เป็นของเธอกลับมาให้ได้”
จูรุ่ยได้ยินแบบนั้นก็พูดด้วยสีหน้าหนักแน่น “ใช่ ฉันจะเอาทุกอย่างที่เป็นของฉันคืน ทุกอย่างในตระกูลจูควรเป็นของแม่ฉัน พวกเขาทำร้ายท่าน แถมยังยึดตระกูลจูไปหน้าด้าน ๆ แล้วโยนฉันให้ไปแต่งงานกับตาแก่คนหนึ่งโดยไม่ถามความเห็นกันสักคำ ในโลกนี้มีพ่อแม่ที่ไหนที่กล้าทำแบบนี้กัน” ถังเซวี่ยที่อยู่ด้านข้างพูดพร้อมพยักหน้าอย่างเห็นด้วย “ใช่แล้วเสี่ยวรุ่ย เธอต้องสู้ ๆ”
ไม่ว่าครอบครัวจะยากจนหรือร่ำรวย ก็มักจะมีปัญหาเสมอ
แน่นอนว่าถังซวงก็หมายถึงแบบนั้น ในขณะเดียวกันก็สอบถามสถานการณ์ในตระกูลจูไปด้วย
ซึ่งจูรุ่ยไม่ได้ปิดบังอะไร เธอเล่าทุกอย่างออกมาทั้งหมด ในขณะเดียวกันก็ถามคำถามกับถังซวงไม่น้อย ถังซวงก็ตอบ และให้แนวคิดที่แตกต่างกับจูรุ่ย
“พี่สาวซวง พี่เก่งจัง หลังจากได้ฟังสิ่งที่พี่พูดจู่ ๆ ฉันก็คิดได้ ดูเหมือนก่อนหน้านี้ฉันจะพยายามไม่มากพอจริง ๆ หากฉันมีสมองแบบพี่ ไม่แน่อาจจะช่วยธุรกิจของตระกูลเราได้”
เมื่อได้ยินคำพูดจูรุ่ย ถังซวงก็ยกยิ้ม “ความจริงเธอก็เก่งแล้ว ขอแค่ตั้งใจ มันจะไม่มีปัญหาแน่นอน” นี่ไม่ใช่คำพูดปลอบโยนจูรุ่ย แต่จูรุ่ยมีความสามารถจริง อีกทั้งเธอยังเรียนรู้เร็ว เธอเพียงแค่ศึกษาธุรกิจในตระกูลช้าไปหน่อยก็เท่านั้น หากเข้าไปเร็วกว่านี้ ไม่แน่สถานการณ์อาจจะดีขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นตอนนี้ก็ยังไม่สายเกินไป
“เสี่ยวรุ่ย แล้วเธอวางแผนจะทำอะไรต่อ ถ้าเธอกลับไปก่างเฉิงแล้ว เธอมั่นใจไหมว่าจะให้จูเหลียนแต่งงานกับตาแก่คนนั้นแทนเธอหรือ?”
“มั่นใจสิ ฉันจะทำให้จูเหลียนแต่งงานให้ได้”
ดวงตาของจูรุ่ยเต็มไปด้วยความมุ่งมั่น เดิมทีเธอไม่มีความคิดที่จะทำอะไรแบบนี้ แต่จู่ ๆ เธอก็คิดแผนนี้ได้ ให้จูเหลียนแต่งงานออกไปอย่างลับ ๆ เมื่อพ่อรู้มันก็คงสายเกินไปแล้ว
เมื่อเห็นจูรุ่ย ถังซวงก็พยักหน้า พลางพูด “ในเมื่อเธอคิดดีแล้ว ถ้าเธอประสบปัญหาอะไร ก็ไปหาครอบครัวน้าของฉันได้นะ แม้พวกเขาจะยื่นมือเข้าไปยุ่งเรื่องทางบ้านเธอไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็คงช่วยได้ไม่มากก็น้อย”
“ใช่ ใช่ น้ากับน้าสะใภ้ต้องช่วยได้แน่”
ถังเซวี่ยพยักหน้าตาม
จูรุ่ยได้ยินแบบนี้ ก็รู้สึกซาบซึ้งใจ
“พี่สาวซวง เสี่ยวเซวี่ย ขอบคุณนะ”
ทั้งสามนั่งคุยกันถึงชีวิตในช่วงนี้ และรู้สึกว่าใกล้ชิดกันขึ้นไม่น้อย ในระหว่างที่ถังซวงคุยกับจูรุ่ย ถังซวงก็พบว่าจูรุ่ยอยู่ใกล้เขตเมืองมาก จึงอดถามไม่ได้ “เสี่ยวรุ่ย ถ้าในอนาคตเธอสามารถมาทำธุรกิจที่แผ่นดินใหญ่ได้ เธอจะขยายธุรกิจของตระกูลจูมาที่นี่หรือเปล่า”
“ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ ฉันต้องขยายอยู่แล้ว ให้พูดตามตรง รากเง้าของฉันอยู่ในเขตเมืองด้วยซ้ำ”
เมื่อได้ยิน ถังซวงก็พูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ ถ้ามีโอกาส เธอสามารถขยายธุรกิจมาที่นี่ได้เลยนะ” อีกหนึ่งปีต่อจากนี้ก็จะเกิดการปฏิรูปเปิดประเทศแล้ว ถึงคราวนั้นมันคงดึงดูดการลงทุนเข้ามามากมาย และจะผลักดันความเจริญในพื้นที่ต่าง ๆ ทำให้ทุกสาขาอาชีพก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างที่ทั้งสามคนคุยกัน เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว จนกระทั่งเฮ่อหลานมาเรียกพวกเธอกินข้าว
“แม่คะ วันนี้รู้สึกยังไงบ้างคะ?”
ร่างกายของเฮ่อหลานในตอนนี้เป็นเรื่องที่สองพี่น้องเป็นห่วงมากที่สุด เมื่อเห็นเธอหิ้วถุงในตอนนี้ ถังซวงรีบเข้าไปรับมาทันที
เฮ่อหลานได้ยินแบบนั้นก็รีบพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “แม่สบายดี พวกลูกไม่ต้องกังวลขนาดนี้หรอก”
เธอรู้สึกว่าตัวเองใกล้จะกลายเป็นตุ๊กตาแก้วในสายตาของทุกคนไปแล้ว ที่จริงเธอรู้สึกสบายดีมากจริง ๆ ระหว่างพูดคุยกันเธอก็มองไปที่จูรุ่ย “เสี่ยวรุ่ย สองสามวันนี้พักอยู่ที่นี่เถอะนะจ๊ะ ให้ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยอยู่เป็นเพื่อนเธอนาน ๆ หน่อย ส่วนในถุงนั่นเป็นของใช้ในชีวิตประจำวันที่ฉันเตรียมไว้ให้ หนูลองดูว่ามันขาดอะไรบ้าง ถ้าขาดอะไร ก็บอกมาได้เลย”
จูรุ่ยได้ยินแบบนั้น ก็รีบพูดขอบคุณเฮ่อหลานทันที “ขอบคุณค่ะน้าเฮ่อ”
แต่เมื่อเธอเห็นว่าสองพี่น้องถังซวงกับถังเซวี่ยดูกังวลกับเฮ่อหลานขนาดนี้ เธอจึงถามด้วยความสงสัย “น้าเฮ่อคะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า หรือช่วงนี้ไม่ค่อยสบายหรือ?”
“ไม่มีอะไรจ้ะ แค่ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยกังวลเกินเหตุไปหน่อย”
เฮ่อหลานยิ้มอ่อนโยน ซึ่งขับใบหน้างดงามให้ดูอบอุ่นขึ้นมาก เธออดยื่นมือไปลูบท้องไม่ได้ พลางพูดด้วยรอยยิ้ม “น้าแค่ท้องเอง ทุกคนในบ้านก็กังวลกันเกินเหตุ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น จูรุ่ยรีบพูด “น้าเฮ่อ ยินดีด้วยจริง ๆ นะคะ การตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง แต่หนูคิดว่าซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยทำถูกแล้ว คนตั้งท้องต้องได้รับการดูแลอย่างดีนะคะ” ขณะกล่าวก็รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย “ถ้ารู้ว่าน้าเฮ่อท้องเร็วกว่านี้ หนูคงเอาของขวัญมาฝากด้วย”
เฮ่อหลานรีบโบกมือเมื่อได้ยินแบบนั้น “เสี่ยวรุ่ย ไม่ต้อง ๆ หนูมาเป็นแขกของบ้านเราได้ก็ดีมากแล้ว” ขณะกล่าว ก็พาพวกเธอไปห้องอาหาร
ในเวลานี้ ครอบครัวจิงคนอื่น ๆ ก็กลับมากันแล้ว และเมื่อเห็นแขกที่มาบ้าน ทุกคนก็ทักทายเรียกจูรุ่ยทานข้าวอย่างอบอุ่น
จูรุ่ยทำความรู้จักกับสมาชิกในครอบครัวจิงครู่หนึ่ง และเมื่อเห็นจิงเจ้อหรง เธออดอุทานในใจไม่ได้ เฮ่อหลานกับจิงเจ้อหรงเป็นคู่ที่เหมาะสมกันจริง ๆ อีกอย่างเธอดูออก จิงเจ้อหรงรักเฮ่อหลานมาก และดีกับถังซวง ถังเซวี่ยมากด้วยเช่นกัน เธอจึงอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้
ขนาดพ่อผู้ให้กำเนิดแท้ ๆ ของเธอยังไม่ดีกับลูกสาวเท่าพ่อเลี้ยงอย่างเขาเลย
จูรุ่ยรู้สึกมีความสุขแทนถังซวงกับถังเซวี่ยมากจริง ๆ
หลังจากทานข้าวเสร็จ เฮ่อหลานก็พาจูรุ่ยไปที่ห้องรับแขก และหลังจากจัดการทุกอย่างให้เธอแล้วถึงได้จากไป
จนกระทั่งวันที่สอง เดิมทีถังซวงกับถังเซวี่ยจะขอลาหยุดไปเที่ยวในเมืองปักกิ่งกับจูรุ่ย
แต่นั่นทำให้จูรุ่ยรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย “ซวงเอ๋อร์ เสี่ยวเซวี่ย พวกเธอรีบไปโรงเรียนเถอะ ฉันไปเที่ยวในเมืองคนเดียวก็ได้ พวกเธอไม่จำเป็นต้องไปกับฉันหรอก”
“ไม่เป็นไร พวกเราลาหยุดไปแล้ว”
“ไม่เป็นไร ๆ”
จูรุ่ยรู้ว่าถังเซวี่ยอยากจะข้ามระดับชั้น และต้องใช้เวลาเรียนอย่างมาก แม้กระทั่งตอนเย็นเด็กสาวก็อ่านหนังสือจนดึกดื่น เธอจะกล้ารบกวนได้อย่างไร
และยังคงเป็นเมิ่งผิงที่อยู่ด้านข้างพูดขึ้น “เสี่ยวรุ่ย หากหนูไม่ว่าอะไร ให้เหวินรุ่ยไปเดินเที่ยวกับหนูเถอะ สองสามวันนี้ก็เป็นวันหยุดของเขาพอดี”
จูรุ่ยไม่คาดคิดว่าเมิ่งผิงจะพูดแบบนี้ แต่มีจิงเหวินรุ่ยไปเดินเล่นเป็นเพื่อนด้วยก็ดีเหมือนกัน ถังซวงกับถังเซวี่ยจะได้ไม่ต้องลาหยุด หญิงสาวจึงพยักหน้า และพูด “ได้ค่ะ”
จิงเหวินรุ่ยที่กำลังทานข้าวเช้าอยู่ดี ๆ ไม่คิดเลยว่าเรื่องจะมาตกอยู่ที่เขา แต่ในเมื่อพูดมาขนาดนี้แล้ว เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ “เอาสิ งั้นหลังทานข้าวเช้าเสร็จ เราก็ออกไปเดินเล่นกัน หากคุณมีที่ไหนอยากไปก็บอกผมได้ ผมจะพาไป”
“อืม งั้นรบกวนคุณด้วยนะคะ”