การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 33 รับญาติ(รีไรท์)
บทที่ 33 รับญาติ(รีไรท์)
บทที่ 33 รับญาติ(รีไรท์)
เมื่อเห็นสามแม่ลูกจากไป ผู้คนที่อาศัยอยู่รอบ ๆ บ้านตระกูลถังก็เริ่มพูดคุยกันอีกครั้ง
“ครั้งนี้เฮ่อหลานโกรธมากเลยนะ แต่จะว่าเธอก็ไม่ได้หรอก ใครใช้ให้แม่เฒ่าถังกับถังเจี้ยนกั๋วต่ำช้ายิ่งกว่ามนุษย์ขนาดนั้นล่ะ”
“ใช่ ๆ สองคนนี้บ้าไปแล้ว พวกเขาติดต่อกับฆาตกรแถมยังต้องการขายยัยหนูถังซวงเพื่อเงินอีก ไม่น่าแปลกใจเลยที่เฮ่อหลานมาอาละวาดในตระกูลถังแบบนี้ ฉันคิดว่าสิ่งที่เธอทำมันเบาไปด้วยซ้ำ ถ้าเป็นฉัน ฉันจะทุบบ้านทั้งหลังทิ้งไปเลย”
“ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกัน ในอนาคตฉันคงมองตระกูลถังเหมือนเดิมไม่ได้แล้วล่ะ”
“ก็ไม่แน่หรอกนะ ดูอย่างถังเจี้ยนกั๋วสิ แอบมีสัมพันธ์กับแม่ม่ายหลิวจนเธอตั้งท้อง ไร้ยางอายจริง ๆ ตระกูลถังนี่เป็นเป็นตระกูลยังไงกันนะ”
ในเวลานี้มีคนพูดอะไรบางอย่างขึ้นมา
“นี่ ๆ… นอกจากแม่เฒ่าถังกับถังเจี้ยนกั๋ว ตระกูลถังที่เหลือรู้เรื่องนี้หรือเปล่าน่ะ? ถ้าพวกเขารู้กันหมดก็หมายความว่าพวกเขาทั้งหมดต้องการขายถังซวงเพื่อเงินใช่ไหม?”
พอได้ยินเช่นนี้ ก็รู้ได้ว่าภาพลักษณ์ของตระกูลถังในสายตาของผู้คนก็เปลี่ยนไปแล้ว
เมื่อถังอี้กั๋วและจ้าวเหม่ยฉินก็ได้ยินสิ่งนี้ พวกเขารีบโบกมืออย่างรวดเร็วและพูดว่า “พวกเราไม่รู้อะไรเลย ถ้าเฮ่อหลานไม่มาสร้างปัญหาในวันนี้ เราก็ยังไม่รู้เหมือนทุกคนนั่นแหละ”
“ใช่ ใช่ เราไม่รู้”
ถังชุนหยานก้มหน้าเงียบ ๆ และไม่พูดอะไร เธอรู้…แต่เธอพูดออกไปไม่ได้
ถังไห่โปที่อยู่ด้านข้างก็ตระหนักถึงผลกระทบของเหตุการณ์นี้และปฏิเสธเช่นกัน “แน่นอนว่าเราไม่รู้เรื่องนะ นับประสาอะไรกับฆาตกรอย่างหลี่เต๋อซิน เราทุกคนต่างก็วิ่งหนีเมื่อเห็นเขา แล้วเราจะติดต่อกับเขาได้ยังไง?”
ความจริงแล้ว… พวกเขารู้ดีอยู่แล้วว่าแผนการของย่าและอารองคืออะไร แต่พวกเขาคิดว่าหลังจากการหย่าร้างของอารอง เรื่องนี้คงถูกล้มเลิกไปนานแล้ว ใครกันจะรู้ว่าย่ากับอารองจะยังไม่เลิกลา
เมื่อเห็นว่าครอบครัวบ้านใหญ่ปฏิเสธอย่างหนักแน่น ทุกคนก็มองพวกเขาอย่างสงสัย
ในเวลานี้ พ่อเฒ่าถังพูดขึ้นอย่างว่า “ฉันและครอบครัวอี้กั๋วไม่รู้เรื่องนี้จริง ๆ ดังนั้นกรุณาอย่าคาดเดาไปเอง นอกจากนี้ วันนี้พวกนายไม่ไปทำงานกันหรือไง? มาทำอะไรกันที่นี่ไม่ทราบ?”
ถังเยว่หมินออกไปทำธุระในตำบลตั้งแต่เช้า และเพิ่งกลับมายังหมู่บ้าน เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ได้ยินผู้คนพูดถึงเรื่องนี้กัน และยิ่งทำให้เขาไม่พอใจกับตระกูลถังมากกว่าเดิม แม้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่คนจำนวนมากจะมารวมตัวกัน แต่เขาก็รีบไปที่ตระกูลถัง เพื่อขอให้ทุกคนกลับไปทำงาน
เมื่อได้ยินที่ผู้ใหญ่บ้านพูด ทุกคนก็แยกย้ายกันไปตามระเบียบ
ถังเยว่หมินมองพ่อเฒ่าถังที่ทำหน้าไม่ถูกแล้วพูดว่า “ลุงถัง ฉันจะกลับไปก่อนนะ วันนี้ครอบครัวของลุงไม่ต้องไปทำงานหรอก” เขาจากไปโดยไม่หันกลับมามอง
เมื่อทุกอย่างเงียบลง ในที่สุดพ่อเฒ่าถังก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป และยกมือขึ้นตบแม่เฒ่าถัง
“ดูสิ่งที่เธอทำสิ!”
แม่เฒ่าถังปิดหน้าของเธอและมองไปที่ชายชราด้วยความไม่เชื่อ “คุณ…คุณตบฉัน?” เนื่องจากอารมณ์ของแม่เฒ่าถังยังคงอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่วุ่นวาย ดังนั้นเธอจึงทนไม่ได้ “ได้ ถังฉางชุน หญิงชราคนนี้จะไม่ยอมคุณแล้ว”
เมื่อเห็นแม่เฒ่าถังพุ่งเข้ามา พ่อเฒ่าถังก็โกรธ และทั้งสองก็ต่อสู้กันทันที
ถังเจี้ยนกั๋วที่ถูกทุบตีจนไม่สามารถขยับได้ ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถเข้าไปหยุดทั้งสองได้ แต่ยังมีถังอี้กั๋วกับถังไห่โปอยู่ พวกเขาจึงเข้าไปดึงคนชราสองคนแยกออกจากกัน
เมื่อมองครอบครัวที่ยุ่งเหยิง จ้าวเหม่ยฉินนึกถึงสายตาเหยียดหยามของชาวบ้านที่มองมา และสิ่งที่แม่ม่ายหลิวทำ เธอจึงไม่สามารถทนได้อีก และพูดออกไปว่า “เราแยกบ้านกันเถอะ”
“อะไร…”
แม่เฒ่าและพ่อเฒ่าถังมองลูกสะใภ้คนโตด้วยความประหลาดใจ จากนั้นคัดค้านอย่างเด็ดขาดว่า “ไม่ได้!”
ในไม่ช้าทั้งครอบครัวก็มีปากเสียงกันอีกครั้ง
อีกด้าน ถังซวงและคนอื่น ๆ ก็ได้เลิกสนใจเรื่องของตระกูลถังไปหมดแล้ว หลังจากที่แม่และลูกสาวกลับถึงบ้าน ใบหน้าของพวกเธอก็ดูผ่อนคลายลงมาก
ถังเซวี่ยพูดอย่างมีความสุข “แม่คะ วันนี้แม่ทำได้ดีมาก แม่ไม่ต้องอดทนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว อันที่จริง แม่ควรทำตั้งนานแล้วนะคะ”
เมื่อพูดออกไป สักพักถังเซวี่ยก็ตระหนักว่าเธอไม่ควรพูดกับแม่แบบนั้น เธอมองไปที่แม่อย่างรู้สึกผิดและพูดว่า “แม่คะ หนูไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะ”
แต่เฮ่อหลานกลับส่ายหัวและพูดว่า “ลูกพูดถูก แม่ควรจะปกป้องลูกมาตั้งนานแล้ว เป็นความผิดของแม่ทั้งหมด”
ถังซวงยิ้มและพูดว่า “แม่คะ มันจบลงแล้ว เราควรมองไปข้างหน้า ตอนนี้แม่ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว แถมเราก็มีชีวิตที่ดีขึ้นแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
เมื่อนึกถึงอาหารที่เธอกินเมื่อเร็ว ๆ นี้ ถังเซวี่ยรีบพยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “ใช่ค่ะแม่ ตอนนี้เรามีชีวิตที่ดี ดังนั้นอย่าคิดมากเรื่องนี้เลยนะคะ”
เมื่อได้ยินลูกสาวทั้งสองปลอบใจตัวเอง เฮ่อหลานก็ตัดสินใจว่าเธอต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อให้ลูกสาวสองคนมีชีวิตที่ดีขึ้น “ใช่ เราจะมีชีวิตที่ดีขึ้นและดีขึ้นไปอีกในอนาคต วันนี้เราก็ได้หายใจอย่างสบายใจสักที งั้นเราทำมื้ออร่อย ๆ ฉลองกันเถอะ”
“ค่ะ…เห็นด้วย ๆ”
ถังเซวี่ยยิ้มและตามไปช่วยในครัว ถังซวงเองก็ยิ้มและเข้าไปในครัวด้วยกันเพื่อช่วยจุดไฟ
วันนี้เฮ่อหลานมีความสุขมาก เธอจึงทำอาหารหลายอย่างให้ลูกสาวกินจนหนำใจ
หลังอาหารเย็น เฮ่อหลานและถังซวงพูดคุยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของพวกเขา “ซวงเอ๋อร์ อีกสองวันถือเป็นวันดี เราไปที่หมู่บ้านตระกูลหลี่ด้วยกันเถอะ”
ถังซวงพยักหน้าและพูดว่า “ค่ะ เราไปด้วยกัน”
ในวันรุ่งขึ้น เฮ่อหลานตื่นแต่เช้าและเข้าไปในตำบล เธอต้องเตรียมของขวัญเพื่อแสดงความขอบคุณญาติของเธอ ครั้งนี้หลี่จงอี้ช่วยลูกสาวของเธอไว้ และเขาก็กลายเป็นปู่ของซวงเอ๋อร์ไปโดยปริยาย ดังนั้นของขวัญควรต้องเหมาะสมกับเขาที่สุด
หลังจากที่เฮ่อหลานกลับมาถึงบ้าน ถังเซวี่ยก็พูดว่า “แม่คะ ทำไมแม่ไม่ให้เราไปในตำบลด้วยล่ะ”
“แม่เห็นว่าลูกหลับอยู่ก็เลยไม่ได้เรียกน่ะ”
ในความเป็นจริง เฮ่อหลานกังวลว่าถ้าลูกสาวคนโตไปด้วย เธอจะจ่ายเงินให้เธออีกครั้ง ยังไงครั้งนี้เธอก็ต้องการจ่ายเอง
“เอาล่ะ เสี่ยวเซวี่ย คราวหน้าแม่จะเรียกลูกนะ วันนี้แม่ซื้อหมูสามชั้นกับกระดูกชิ้นโตมา เดี๋ยวแม่จะทำของอร่อย ๆ ให้ตอนเที่ยงนะ”
“ตกลงค่ะ”
เมื่อได้ยินว่ามีเนื้อให้กิน ดวงตาของถังเซวี่ยก็เป็นประกาย
ถังซวงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเห็นสิ่งนี้ เธอตั้งหน้าตั้งตารอที่จะกินอาหารที่แม่ทำ เพราะตอนนี้การจะได้กินเนื้อถือเป็นโอกาสที่หายากมาก
ตอนเที่ยง เฮ่อหลานทำหมูตุ๋น ซุปกระดูก และมันฝรั่งทอด ให้ลูกสาวทั้งสองได้กินอย่างอิ่มท้อง
หลังอาหาร เฮ่อหลานดึงถังซวงมาเพื่อเตรียมของขวัญ “ซวงเอ๋อร์ ของพอไหม? เราต้องเตรียมเพิ่มอีกไหม?”
เมื่อมองไปที่หมวก เสื้อผ้า และผ้าฝ้ายสีน้ำเงินกรมท่าที่เฮ่อหลานเตรียมไว้ ถังซวงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “แม่คะ พวกนี้ต้องใช้เงินมากแน่ ๆ” ทั้งหมดนี้คงต้องใช้คูปองผ้าด้วย ซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าแม่ซื้อมาได้อย่างไร
“แถมแม่ยังซื้อขนมอบมาด้วยนะ เท่านี้น่าจะพอแล้วล่ะ”
ตามสถานการณ์ของพวกเธอในตอนนี้ ของขวัญเหล่านี้เยอะมากพอแล้ว “แม่คะ ของพวกนี้เป็นของดีทั้งนั้นเลยค่ะ” ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเตรียมยาบำรุงสำหรับหลี่จงอี้ไว้ด้วย ดังนั้นของขวัญต้องเพียงพอแน่นอน “แม่คะ หนูเองก็เตรียมของไว้ให้คุณปู่ด้วย ดังนั้นวางใจได้เลย”
เมื่อเห็นว่าลูกสาวคนโตเตรียมทุกอย่างด้วยตัวเอง เฮ่อหลานรู้สึกโล่งใจมากขึ้น “ดีมาก พรุ่งนี้เช้าเราจะไปหาคุณปู่กัน”
เมื่อวันที่ว่ามาถึง เฮ่อหลานก็พาลูกสาวสองคนของเธอไปที่หมู่บ้านตระกูลหลี่
หลี่จงอี้มีความสุขมากที่เห็นพวกเขามา “สาวน้อย เธอมาแล้วรึ รีบเข้ามาก่อนสิ” แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่เฮ่อหลานเตรียมไว้ ใบหน้าของเขาก็ดูไม่พอใจทันที “ดีนะที่เธออยู่ที่นี่ด้วย แต่นั่นอะไรน่ะ เตรียมของพวกนี้มาทำไม?”
“นี่คือความกตัญญูของซวงเอ๋อร์ที่มีต่อคุณค่ะ ดังนั้นคุณต้องยอมรับมันนะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ในที่สุดหลี่จงอี้ก็ยอมรับมันไว้ แต่เขาก็ยังเตรียมของขวัญสำหรับถังซวงและถังเซวี่ยไว้ด้วย
เมื่อมองไปที่กุญแจอายุยืน ชามทองคำและตะเกียบในมือของถังเซวี่ย ถังซวงจำได้อย่างรวดเร็วว่าทั้งหมดล้วนเป็นของเก่า ก่อนที่พวกเธอจะปฏิเสธ หลี่จงอี้ก็หยุดด้วยคำพูด “ฉันรับของจากพวกเธอแล้ว พวกเธอจะไม่รับของฉันหรือ นี่เป็นพิธีการพื้นฐานในการรับญาตินะ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ถังซวงและถังเซวี่ยต่างก็ต้องยอมรับของขวัญเอาไว้
หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอน หลี่จงอี้ก็กลายเป็นปู่ของถังซวงกับถังเซวี่ยอย่างเป็นทางการ
“เอาล่ะ ฉันมีหลานสาวแล้ว และมีถึงสองคนเลยด้วย” หลี่จงอี้มีความสุขมาก “ฉันต้องหาอะไรดี ๆ มาดื่มตอนเที่ยงซะหน่อยแล้ว”
แต่แล้วก่อนที่จะทานอาหารเที่ยงกัน ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นที่ด้านนอก
ถังซวงเดินไปเปิดประตู และหลังจากเห็นคนที่อยู่นอกประตูก็ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย “โม่เจ๋อหยวน ทำไมนายถึงมาที่นี่ได้?”