การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 332 เฉลิมฉลอง
บทที่ 332 เฉลิมฉลอง
บทที่ 332 เฉลิมฉลอง
จ้าวเหม่ยฉินมองห้องที่เก็บกวาดจนสะอาด ก็โมโหจนใบหน้าแดงก่ำ
“นังลูกอกตัญญู จะเจริญรอยตามผู้หญิงในเมืองพวกนั้นหรือไง? คิดว่าตัวเองเด็กอยู่หรือ ไม่ดูว่าตัวเองเป็นสาวบ้านนอกเลยจริง ๆ คิดจริงหรือว่าอยากจะทำอะไรก็ได้”
เพราะช่วงนี้เธอกำลังเครียดอยู่กับงานแต่งของลูกชาย จึงอยากให้ลูกสาวแต่งงานออกไปก่อน แต่ลูกสาวกลับไม่เชื่อฟัง แถมยังหนีไปอีก
ทางด้านถังซวงที่ยังไม่รู้ว่าถังชุนหยานแอบหนีออกจากบ้าน
จนกระทั่งเห็นถังชุนหยานในสภาพรุงรัง ก็รู้สึกประหลาดใจ “ชุนหยาน ทำไมเธอถึงมีสภาพแบบนี้ล่ะ? ไปเจออะไรมาหรือเปล่า?”
ถังชุนหยานมาตามที่อยู่ที่ได้มา เมื่อเห็นถังซวง เธอก็รู้สึกโล่งใจ “พี่ซวง หาพี่เจอแล้ว ดีจริง ๆ ฉันยังกลัวอยู่เลยว่าจะหาพี่ไม่เจอ”
“ก็ใช่น่ะสิ รีบเข้ามาก่อน”
ถังซวงเรียกถังชุนหยานให้เข้ามา
แต่เมื่อเห็นคฤหาสน์ใหญ่โตตรงหน้า ถังชุนหยานแทบลืมหายใจ เธอไม่เคยเห็นบ้านที่สวยขนาดนี้มาก่อน หลังจากเข้าไปเธอก็ยิ่งประหลาดใจ ด้านในไม่เพียงแต่กว้างโอ่อ่า แต่ยังวิจิตรประณีต รู้สึกเหมือนบ้านพวกคนใหญ่คนโตในสมัยก่อนไม่มีผิด
ถังชุนหยานค่อย ๆ เขยิบเข้าไปใกล้ถังซวง และถามเสียงเบา “พี่ซวง ปกติพวกพี่ก็พักกันอยู่ที่นี่หรือ?”
“อืม”
ถังซวงพยักหน้าสบาย ๆ
ถังชุนหยานได้ยินอย่างนั้นก็อดอุทานออกมาไม่ได้ “แม่เจ้า นี่มันสุดยอดเกินไปแล้ว”
ในตอนนั้นเอง เธอก็ตระหนักได้ว่าจิงเจ้อหรงนั้นมาจากครอบครัวที่ร่ำรวยแค่ไหน ไม่คิดเลยว่าผู้ชายเก่งกาจขนาดนี้จะมาแต่งงานกับแม่ของถังซวงกับถังเซวี่ย คิดอย่างไรก็ยังน่าเหลือเชื่อ แต่กระนั้นเธอเคยเห็นจิงเจ้อหรงติดต่อคบหากับเฮ่อหลานมาก่อน และรู้ว่าทั้งสองคนชอบพอกันจริง ๆ จึงเชื่ออย่างหมดหัวใจว่านี่อาจเป็นความรู้สึกที่แท้จริงก็ได้
เมื่อนึกถึงความสัมพันธ์ระหว่างจิงเจ้อหรงกับเฮ่อหลาน ถังชุนหยานอดนึกถึงมารดาที่คิดแต่จะให้เธอแต่งงานออกไป และให้เธอไปแต่งงานกับผู้ชายที่เคยพบหน้าเพียงครั้งเดียว ก็รู้สึกรับไม่ได้ขึ้นมา และจู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าต่อไปต้องหาผู้ชายที่ตัวเองชอบจริง ๆ ซะแล้ว
“ถึงแล้วชุนหยาน เธอนั่งพักก่อน ฉันจะไปรินน้ำมาให้”
“ค่ะ พี่ซวง”
รอจนกระทั่งถังชุนหยานดื่มน้ำเสร็จ ถังเซวี่ยก็เข้ามา เมื่อเธอเห็นถังเซวี่ยก็มีความสุขมาก “พี่ชุนหยาน มาได้ยังไงคะเนี่ย ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย ช่วงนี้สบายดีหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังชุนหยานก็ส่ายหน้า “ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ตอนนี้แม่ฉันแทบอยากไล่ฉันแต่งงานออกไปเต็มทน แถมยังไม่ยอมให้มาปักกิ่ง จะให้แต่งงานให้ได้”
“อา… แต่พี่ยังอายุน้อยอยู่เลย ต้องแต่งงานเร็วขนาดนี้เชียว? อีกอย่าง… เคยเกิดเรื่องแบบนั้นมาก่อนแท้ ๆ แม่พี่ไม่กลัวหาคนไม่ดีมาอีกหรือ?”
ถังเซวี่ยที่อายุไม่ได้น้อยไปกว่าถังชุนหยานมากนัก จึงรู้สึกว่าการแต่งงานยังห่างไกลจากตัวเธอมาก
เมื่อได้ยินคำพูดของถังเซวี่ย ถังชุนหยานก้มหน้าลง “ใช่ แม่ไม่กลัวเรื่องหาผู้ชายได้ไม่ดี ในสายตาเธอลูกชายสำคัญที่สุด เธอต้องการให้ฉันแต่งงานออกไป และเอาสินสอดไปให้พี่ชายไปสู่ขอภรรยา”
ถังซวงมองถังชุนหยานอย่างแปลกใจ “เงินเดือนที่ให้เธอเมื่อก่อน เธอไม่ได้เอาให้แม่หรือ? เงินพวกนั้นเพียงพอให้ถังไห่โปไปสู่ขอภรรยาได้เลยนะ”
เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ ถังชุนหยานก็หัวเราะคิกคักขึ้นมา “พี่ซวง ฉันจะโง่ขนาดนี้เลยหรือไงถึงเอาเงินทั้งหมดไปให้ ฉันก็แอบเก็บไว้เองบางส่วนสิ”
ถังซวงไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าถังชุนหยานจะทำเช่นนี้ ทว่าเธอกลับรู้สึกว่าถังชุนหยานทำถูกต้องแล้ว ผู้หญิงต้องมีเงินอยู่ในมือถึงจะมีความมั่นใจ “เธอทำถูกแล้ว ถ้ามีเงินในมือจิตใจก็จะสงบ มีเงินยังไงก็ดีกว่า”
“ใช่แล้ว ถึงแม่ฉันจะไม่เห็นด้วย ฉันก็ยังมาที่นี่เองคนเดียวได้ หากไม่มีเงิน ฉันคงมาปักกิ่งไม่ได้หรอกค่ะ”
ถังซวงรู้แล้วว่าถังชุนหยานแอบออกเดินทางมาเอง
“ชุนหยาน เธอแอบมาที่นี่คนเดียวหรือ?”
เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของถังซวง ถังชุนหยานรู้สึกไม่ค่อยดี จึงรีบส่ายหัว “พี่ซวง ฉันทิ้งจดหมายไว้ให้ที่บ้านแล้ว อีกอย่างแม่ฉันก็รู้ด้วยว่าฉันมาหาพี่ที่นี่ ดังนั้นก็ไม่นับว่าฉันแอบออกมานะคะ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงอดส่ายหน้ากับเธอไม่ได้
แต่ถึงอย่างนั้น ถังซวงก็ยังให้ถังชุนหยานส่งโทรเลขไปยังบ้านตัวเอง “ไม่ว่ายังไง ก็ยังต้องบอกทางบ้านสักหน่อย ไม่อย่างนั้นพวกเขาไม่รู้อะไรก็จะเป็นห่วงเธออยู่อย่างนั้น”
ถังชุนหยานบ่นพึมพำเสียงเบา “จะเป็นห่วงฉันได้ยังไง”
แต่ถังซวงพูดมาขนาดนี้แล้ว ถังชุนหยานก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี จึงส่งโทรเลขไปที่บ้าน
เมื่อเฮ่อหลานเห็นถังชุนหยาน ก็ประหลาดใจเช่นกัน “ชุนหยาน เธอมาเที่ยวปักกิ่งหรือจ๊ะ?”
ถังชุนหยานไม่พูดอะไร แต่หันมองไปที่ถังซวงทันที เพราะเธอก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเธอจะได้อยู่ปักกิ่งต่อไปไหม
“แม่คะ ชุนหยานมาช่วยหนูค่ะ ก่อนหน้านี้หนูเคยบอกกับคุณป้าแล้วไม่ใช่หรือว่าเปิดร้านใหม่ที่นี่ แล้วจะเปิดตัวสินค้าใหม่ หนูคนเดียวคงทำไม่ไหว แล้วเมื่อก่อนชุนหยานก็เคยข่วยหนูทำยาพวกนั้น พอมีพื้นฐานมาแล้ว หนูเลยให้เธอมาช่วยน่ะ”
เฮ่อหลานได้ยินแบบนี้ก็โล่งใจ “ก็ใช่ เมื่อก่อนชุนหยานเคยช่วยลูกมาก่อน มีเธอทั้งคน ลูกคงหายเหนื่อยไม่น้อย”
จากนั้นถังซวงก็แนะนำพานลี่ฮวาให้ถังชุนหยานรู้จัก เมื่อพานลี่ฮวาเห็นท่าทางซื่อ ๆ ของถังชุนหยาน ก็อดยิ้มไม่ได้ “ในเมื่อซวงเอ๋อร์ไว้ใจเธอ งั้นเธอก็ต้องเก่งมากแน่ ถ้าอย่างนั้นฝากด้วยนะจ๊ะ”
ถังชุนหยานพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ”
เพราะมีถังชุนหยานคอยช่วยเหลือ ถังซวงรู้สึกเบาใจขึ้นไม่น้อย ความเร็วในการผลิตสินค้าใหม่ก็เพิ่มขึ้น ไม่แน่พานลี่ฮวาอาจนำสินค้าใหม่กลับไปโดยใช้เวลาไม่ถึงครึ่งเดือนก็ได้
ตอนนี้ ถังซวงกับถังชุนหยานกำลังวุ่นอยู่กับการผลิตยาใหม่
อีกด้านหนึ่ง ถังเซวี่ยก็พยายามเช่นเดียวกัน เธอกำลังพยายามสอบเลื่อนระดับชั้นของโรงเรียน ขอเพียงแค่ผ่าน เธอก็สามารถสอบเข้าชั้นมัธยมได้แล้ว
“เสี่ยวเซวี่ย เธอไม่ต้องประหม่านะ พยายามทำเหมือนปกติให้เต็มที่ก็พอแล้ว”
ตอนถังซวงไปส่งถังเซวี่ยไปโรงเรียน เธอก็สังเกตเห็นว่าเสี่ยวเซวี่ยตื่นเต้นเล็กน้อย จึงแตะหลังน้องสาวเบา ๆ และเอ่ยด้วยใบหน้าผ่อนคลาย “เหมือนอย่างที่เธอพูด ถ้ามันไม่ได้ผล ก็เรียนไปตามปกติ ไม่มีอะไรแตกต่างจากเมื่อก่อนแน่นอน”
“อืม ฉันเข้าใจแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวง ถังเซวี่ยก็ค่อย ๆ คลายความตื่นเต้นลง และเมื่อถึงเวลาทำข้อสอบ เธอก็ไม่กังวลเลยสักนิด
ครั้งนี้ความเร็วในการตรวจข้อสอบของถังเซวี่ยนั้นเร็วมาก หลังจากที่ได้เห็นคะแนนของตัวเอง เด็กสาวก็กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ “เยี่ยมไปเลย ๆ ฉันผ่านแล้ว ฉันสอบผ่านแล้ว”
เมื่อครอบครัวจิงรู้ว่าถังเซวี่ยสอบผ่าน และสามารถสอบเข้าเรียนชั้นมัธยมปลายได้เลย ก็รู้สึกยินดีไปกับเด็กสาวด้วย
“เยี่ยมไปเลยเสี่ยวเซวี่ย หลานทำได้แล้ว”
—————————————————-