การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 333 พี่จะต้องเสียใจภายหลังแน่
บทที่ 333 พี่จะต้องเสียใจภายหลังแน่
บทที่ 333 พี่จะต้องเสียใจภายหลังแน่
ถังเซวี่ยรู้สึกดีใจมากเช่นเดียวกัน ในที่สุดเธอก็ไล่ตามพี่สาวไปใกล้อีกขั้นแล้ว และเธอต้องพยายามต่อไป
คุณนายจิงจับมือถังเซวี่ยพร้อมกล่าว “เสี่ยวเซวี่ยของเรายอดเยี่ยมจริง ๆ งั้นคืนนี้มาทานอาหารดี ๆ กันเถอะ ถือซะว่าฉลองที่เสี่ยวเซวี่ยสอบข้ามชั้นสำเร็จ”
“ขอบคุณค่ะคุณย่า”
“เสี่ยวเซวี่ย เราภูมิใจในตัวหนูจริง ๆ”
แม้แต่คุณชายจิงก็อดชื่นชมไม่ไหว พวกเขาทุกคนรู้ว่าถังซวงกับถังเซวี่ยเพิ่งเริ่มเรียนได้ไม่นาน ทว่าในระยะเวลาสั้น ๆ พวกเธอก็สามารถเลื่อนมาเรียนระดับมัธยมปลาย สองพี่น้องสุดยอดจริง ๆ
จิงเหวินหยวนกับจิงเหวินรุ่ยที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างเซ็ง ๆ “ซวงเอ๋อร์กับเสี่ยวเซวี่ยเราเก่งจังเลย ฉันคิดว่าหากยังเป็นแบบนี้ต่อไป พี่ชายอย่างเราคงเทียบกับพวกเธอไม่ได้แน่ ๆ”
จิงซิวหรงชำเลืองมองพวกเขาสองคน “ตอนนี้พวกแกสองคนก็เทียบกับซวงเอ๋อร์ไม่ได้อยู่แล้ว ยังจะมาบอกว่าต่อไปอีกนะ”
เมื่อได้ยินดังนี้ จิงเหวินหยวนกับจิงเหวินรุ่ยก็สำลัก และพูดไม่ออกทันที อย่างไรเสียพวกเขาเทียบกับถังซวงไม่ได้จริง ๆ เขายังจำได้ว่าตอนลุงเล็กแต่งงาน เพราะผู้อาวุโสจูเห็นแก่หน้าถังซวง เขาถึงได้มาร่วมงานแต่ง ดังนั้นน้องสาวคนนี้อยู่เหนือพวกเขาไปแล้ว
เมื่อเห็นจิงเหวินหยวนกับจิงเหวินรุ่ยไม่พูดไม่จา คนอื่น ๆ ต่างก็หัวเราะขึ้นมา
พานลี่ฮวามองครอบครัวจิงที่ดูจะรักสามแม่ลูกมากก็อดพยักหน้าไม่ได้ หลังจากคลุกคลีกับครอบครัวนี้มาสองสามวัน เธอรู้แล้วว่าครอบครัวจิงนั้นเป็นคนดีมาก อาหลานมีชีวิตที่ดีแบบนี้เธอก็วางใจ แม้เฮ่อหลานจะเป็นเพียงลูกสาวบุญธรรมของป้าที่เสียชีวิต แต่ตระกูลจิงนั้นก็มองเธอเป็นคนในตระกูลไปแล้ว หลังพ่อแม่สามีรู้ว่าอาหลานท้อง พวกเขาก็ทั้งดีใจทั้งกังวล
ดีใจที่อาหลานมีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลจิง และยืนอยู่ในตระกูลจิงได้มั่นคงขึ้น แต่สิ่งที่น่ากังวลคืออาหลานอายุมากแล้ว การตั้งครรภ์ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ สำหรับเธอ ดังนั้นพานลี่ฮวาจึงมาที่นี่ นอกจากมาดูอาหลานแล้ว เธอยังนำความไว้วางใจของผู้อาวุโสสองคนมาด้วย
จิงเจ้อหรงย่อมยินดีกับลูกสาวตัวน้อยของเขา ทว่าความสนใจส่วนใหญ่ยังคงอยู่ที่เฮ่อหลาน เมื่อเห็นว่าเธอยืนอยู่นานแล้ว เขาก็รีบเข้าไปพยุงเธอให้นั่งลง “อาหลาน คุณเหนื่อยไหม นั่งลงก่อนเถอะ”
เมื่อเห็นความกังวลของจิงเจ้อหรง เฮ่อหลานก็อดยิ้มไม่ได้ ก่อนจะนั่งลงตาม
“อาเจ้อ คุณก็นั่งด้วยสิคะ ฉันเห็นคุณจัดการเอกสารตั้งเยอะ ต้องเหนื่อยมากแน่”
แม้เธอจะบอกจิงเจ้อหรงอยู่เสมอว่าไม่เป็นไร ทว่าจิงเจ้อหรงก็ยังพยายามกลับบ้านให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนบางครั้งมีเอกสารบางส่วนที่สามารถนำกลับมาทำที่บ้านได้ เขาก็นำกลับมาบ้านด้วย
จิงเจ้อหรงที่เห็นว่าเฮ่อหลานเป็นห่วงตัวเอง ก็ยกยิ้มดีใจไม่หยุด
คนอื่น ๆ ที่เห็นท่าทางหวานชื่นของคนทั้งสอง ก็ยิ้มตามโดยปริยาย และไม่ล้ำเส้น แต่ดึงถังเซวี่ยมาพูดคุย
จนอาหารมื้อเย็นพร้อม ทุกคนก็นั่งร่วมกันเพื่อเฉลิมฉลองให้ถังเซวี่ยอย่างอบอุ่น
“ขอบคุณทุกคนมากค่ะ”
ถังเซวี่ยได้ยินคำอวยพรของทุกคน ก็เอ่ยขอบคุณด้วยความดีใจ เป็นมื้ออาหารที่มีความสุขจริง ๆ
จนกระทั่งวันที่สอง ถังซวงกับถังเซวี่ยยังคงไปเรียนเหมือนเคย ในขณะที่พานลี่ฮวาไม่ได้ออกไปข้างนอก แต่อยู่ที่บ้านกับเฮ่อหลาน ด้วยเหตุนี้อวี๋มินกับเมิ่งผิงก็ว่างขึ้นมา อวี๋มินจึงทำความสะอาดบ้าน ส่วนเมิ่งผิงกลับบ้านไปหาแม่ของเธอ
เมื่อเหยาเหลียงเสียนเห็นเมิ่งผิงมา ก็รีบเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พี่ใหญ่ มาแล้วหรือ รีบมานั่งข้างในเร็ว”
“เหลียงเสียนพี่มาเยี่ยมแม่น่ะ ท่านอยู่บ้านหรือเปล่า?”
“พี่ใหญ่ แม่ออกไปเดินเล่นค่ะ ให้ฉันไปตามท่านให้ไหม”
เมิ่งผิงได้ยินดังนั้นก็ส่ายหัว “ไม่ต้องแล้ว ฉันเอาของมาให้นิดหน่อย ไม่ต้องไปเรียกท่านหรอก คราวหน้าฉันค่อยมาเยี่ยมใหม่ก็ได้” ครอบครัวจิงกับครอบครัวเมิ่งพักอยู่ไม่ไกลกันนัก ดังนั้นมันจึงสะดวกมาก เมื่อเธอมีเวลาก็มาหาท่านได้เสมอ
หลังจากนั้นเมิ่งผิงก็ถามถึงเมิ่งก่วงน้องชายของเธอ “ช่วงนี้อาก่วงงานยุ่งหรือ?”
“ช่วงนี้เขาสบายดีค่ะ พอเลิกงานก็กลับบ้านมาแล้ว”
เหยาเหลียงเสียนตอบกลับด้วยรอยยิ้ม และเมื่อเห็นว่าเมิ่งผิงไม่ได้เอ่ยถึงตระกูลจิง เธอจึงถามด้วยความฉงน “พี่ใหญ่ ฉันได้ยินมาว่า… น้องสะใภ้พี่ท้องแล้ว แถมยังท้องลูกแฝดด้วย น่าทึ่งมากจริง ๆ อายุปูนนี้แล้วยังตั้งท้องได้ แถมยังตั้งท้องลูกแฝดอีก พ่อแม่สามีคงดีใจมากแน่ ๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งผิงก็ขมวดคิ้วถามเหยาเหลียงเสียน “เธอได้ยินมาจากไหน?”
เมื่อเห็นท่าทางเมิ่งผิงผิดแปลกไป เหยาเหลียงเสียนก็พูดเสียงแผ่วเบา “ฉัน… ฉันได้ยินมาจากเพื่อนน่ะ เลยสงสัยว่าน้องสะใภ้ของพี่ท้องแล้ว แต่ทำไมไม่มีข่าวของตระกูลจิงออกมาเลย”
“เรื่องนี้ เธอพูดกับพี่แค่สองคนนะ ห้ามไปพูดให้ใครฟังเป็นอันขาด คุณชายจิงกับคุณนายจิงตั้งใจจะรอให้อาหลานอาการทรงตัวก่อนหลังจากท้องสามเดือน จากนั้นค่อยบอกข่าวนี้ให้ทุกคนรู้น่ะ”
ได้ยินเมิ่งผิงกล่าวเช่นนี้ เหยาเหลียงเสียนก็อดเบะปากไม่ได้ “พ่อกับแม่สามีของพี่ก็คิดมากจริง ๆ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับน้องสะใภ้พี่มากเลยนะ”
เมื่อเอ่ยมาถึงตอนท้าย เธออดขยับเข้าไปใกล้เมิ่งผิงไม่ได้ พลางกระซิบเสียงเบา “พี่ใหญ่ พ่อแม่สามีของพี่ก็ให้ความสำคัญกับลูกชายคนเล็กมากจริง ๆ แล้วตอนนี้น้องสะใภ้พี่ยังมาท้องลูกแฝดอีก ต่อไปพวกเขาคงให้ความสำคัญกับคนในครอบครัวนั้นมากแน่ เท่าที่ฉันรู้ ลูกสาวสองคนของน้องสะใภ้พี่ก็ไม่ธรรมดาเลย ฉันได้ยินมาว่าพ่อแม่สามีของพี่ชอบพวกเธอมาก นี่พี่กับพี่สะใภ้ใหญ่ไม่นึกถึงอนาคตบ้างหรือ?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เมิ่งผิงเงยหน้าขึ้นอย่างฉับไว พลางมองเหยาเหลียงเสียนด้วยสายตาโกรธเคือง “อนาคตอะไร?”
แม้ท่าทางของเมิ่งผิงจะดูไม่พอใจ ทว่าเหยาเหลียงเสียนก็เตือนเธอด้วยความหวังดี “พี่ใหญ่ พ่อแม่สามีพี่มีสมบัติอยู่ในมือมากมาย ตอนนี้คนในครอบครัวสามมีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ พ่อแม่สามีพี่ก็จะยิ่งลำเอียงไปทางครอบครัวสามมากขึ้น เช่นนั้นของที่ส่งต่อไปยังครอบครัวสามจะต้องมากกว่าพวกพี่ที่เป็นครอบครัวใหญ่และครอบครัวรองแน่ พี่ไม่เคยคิดเรื่องนี้บ้างเลยหรือ?”
เป็นพี่สาวที่โง่เขลาจริง ๆ ไม่เพียงไม่เตรียมการใด ๆ แต่ยังถูกครอบครัวสามเรียกใช้อย่างไม่มีเหตุผลอีกด้วย
“พี่ใหญ่ ฉันได้ยินมาว่าพี่สะใภ้ใหญ่ของน้องสะใภ้มาที่ปักกิ่ง แต่สุดท้ายกลับเป็นพี่กับพี่สะใภ้ใหญ่อยู่เป็นเพื่อนเธอ น้องสะใภ้พี่ทำแบบนี้ก็เกินไปหน่อยนะ ตัวเองจะทำอะไรก็ไม่กล้า แต่ยังมาเรียกใช้พี่สะใภ้อีก”
“พอได้แล้ว”
ฟังเหยาเหลียงเสียนพูดนั่นพูดนี่ เมิ่งผิงก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“เหลียงเสียน ต่อไปฉันไม่อยากได้ยินคำพูดพวกนี้อีก และเธอก็ห้ามพูดถึงมันด้วย อีกอย่างของที่เป็นของพ่อแม่สามีฉันเดิมทีก็เป็นของพวกเขาเองอยู่แล้ว พวกเขาอยากให้ใครก็ให้ไป ไม่อนุญาตให้คนอื่นเข้ามาแทรก” พูดจบ เมิ่งผิงก็ออกจากบ้านไปทันที
“พี่ใหญ่… พี่ใหญ่…”
เหยาเหลียงเสียนตะโกนเรียก แต่เมิ่งผิงไม่มีท่าทีจะหยุด เธอจึงตะโกนออกไปด้วยความโมโห “พี่จะต้องเสียใจภายหลังแน่”