การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 338 ดูไม่ค่อยฉลาด
บทที่ 338 ดูไม่ค่อยฉลาด
บทที่ 338 ดูไม่ค่อยฉลาด
ตู้จ้งเหว่ยพูดอย่างประชดประชัน แต่ในดวงตาของเขากลับฉายแววเศร้าสร้อย ทำให้ถังซวง ถังเซวี่ย และถังชุนหยานพูดไม่ออก ในที่สุดตู้จ้งเหว่ยก็หยุดหัวเราะ ส่ายหน้าและพูดว่า “ลืมมันไปเถอะ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว แต่ขอบคุณที่พวกเธอเตือนฉันนะ”
“ถึงเราไม่เตือน นายก็รู้ดีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องขอบคุณเราหรอก”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ใบหน้าของตู้จ้งเหว่ยก็เย็นชาลงมาก “ใช่ แน่นอนฉันรู้ ตั้งแต่ผู้หญิงคนนั้นเข้ามา เธอปฏิบัติต่อฉันอย่างดีเพียงผิวเผิน แต่เบื้องหลังเธอทำให้ฉันต้องทนทุกข์ทรมานมาก มันไม่ง่ายเลยที่ฉันจะโตมาอย่างปลอดภัยแบบนี้” ตู้จ้งเหว่ยรู้สึกว่าตัวเองนั้นเก่งมาก
ถังชุนหยานมองไปที่ตู้จ้งเหว่ยด้วยความเห็นอกเห็นใจและพูดว่า “ฉันได้ยินจากพี่ซวงว่าพ่อของพี่เป็นผู้อำนวยการสถานีตำรวจ แต่ชีวิตของพี่น่าสงสาร พี่เคยบอกพ่อเกี่ยวกับแม่เลี้ยงบ้างหรือเปล่า ไม่ว่ายังไงเขาก็คือพ่อของพี่ เขาจะทนดูพี่ถูกรังแกได้ยังไง”
“เหอะ… ตอนเด็กฉันเคยบอกพ่อแล้ว แต่น่าเสียดายที่เขาไม่เคยเชื่อฉันเลย เขาเอาแต่คิดว่าฉันเป็นเด็กดื้อ พูดใส่ร้ายคนอื่นและโกหกตั้งแต่อายุยังน้อย หลังจากนั้นฉันก็ไม่ได้คุยเรื่องผู้หญิงคนนั้นกับเขาอีกเลย”
“ถ้าอย่างนั้นพี่ก็น่าสงสารเกินไปแล้ว พ่อของพี่ไม่เชื่อพี่ด้วยซ้ำ”
ถังชุนหยานรู้สึกเห็นอกเห็นใจตู้จ้งเหว่ยขึ้นมา และพบว่าไม่ใช่เด็กทุกคนในปักกิ่งที่จะมีชีวิตที่ดี “ดูเหมือนว่าแม่เลี้ยงของพี่จะมีอำนาจมาก คนอื่นจึงเชื่อเธอ แต่ไม่เชื่อพี่”
แต่ถังซวงชำเลืองมองตู้จ้งเหว่ยและพูดว่า “ดูเหมือนนายจะไม่ฉลาดแบบที่ชุนหยานพูดจริง ๆ แม้ว่าตอนยังเด็กนายจะยังไม่รู้กลอุบายของแม่เลี้ยง แต่ตอนนี้โตขึ้นแล้วก็ยังไม่รู้อีกหรือ? ในเมื่อรู้แล้ว ทำไมยังทำตัวโง่งมอยู่อีกล่ะ ถ้าวันนี้นายเป็นคนที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม คนอื่นอาจจะเต็มใจเชื่อคำพูดของนายก็ได้”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการเรียนดีล่ะ”
ถังซวงชำเลืองมองตู้จ้งเหว่ยแล้วพูดว่า “ถ้าฉันบอกอาจารย์เหมาว่านายตีฉัน นายคิดว่าอาจารย์เหมาจะเชื่อไหม”
ตู้จ้งเหว่ย “…”
เขาสามารถพูดได้อย่างมั่นใจว่าอาจารย์เหมาจะเชื่ออย่างแน่นอน ท้ายที่สุดความคิดของทุกคนที่มีต่อเขาคือเขาเป็นพวกชอบสร้างปัญหาตลอด แต่กลับกันถังซวงเป็นนักเรียนระดับต้น ๆ เธอมีผลการเรียนที่น่าเหลือเชื่อ คนส่วนใหญ่จึงจะเชื่อคำพูดของถังซวงมากกว่า
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ตู้จ้งเหว่ยก็ตอบสนองเช่นกัน
“แต่มันสายเกินไป ฉันทำให้คนอื่นมีความคิดแบบนี้ไปแล้ว”
เมื่อเห็นว่าตู้จ้งเหว่ยเข้าใจ ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ไม่มีอะไรสายเกินไป ในอนาคตนายควรตั้งใจเรียนและสอบให้ได้คะแนนดี ๆ วิธีนี้จะสร้างความประทับใจที่คนอื่นมีต่อนายได้แน่ นายต้องค่อย ๆ พัฒนานะ แต่… เพราะหน้าตาที่ไม่ฉลาดของนาย ก็ไม่รู้ว่าจะพัฒนาผลการเรียนได้ไหม”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังเซวี่ยก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบมองถังซวงเพื่อบอกเธอว่าอย่าพูดแรงเกินไป
ถังชุนหยานก็พยักหน้าเห็นด้วยและพูดว่า “ถูกต้อง พี่ไม่ฉลาดขนาดนี้ ดังนั้นผลการเรียนของพี่ก็คงจะแย่มากแน่”
เมื่อถังซวงบอกว่าเขาไม่ฉลาด ตู้จ้งเหว่ยก็พูดไม่ออกไปเล็กน้อย แต่เมื่อได้ยินถังชุนหยานพูดแบบเดียวกัน ในตอนนี้เขาก็อดไม่ได้ที่จะมองเธอแล้วพูดว่า “ฉันฉลาดมาก ตอนที่อยู่ประถมและมัธยมต้นผลการเรียนของฉันก็ดีมากด้วย”
“ตัวนายเองก็ยังพูดเลยว่าประถมและมัธยมต้น ตอนนี้นายอยู่มัธยมปลายนะ ฉันได้ยินมาว่ามัธยมปลายยากกว่ามัธยมต้นมาก ดังนั้นยอมรับมันไปเถอะ”
ตู้จ้งเหว่ยรู้สึกว่าเขากำลังจะถูกถังชุนหยานยั่วยุ คนเหล่านี้คิดว่าเขาไม่ฉลาดจริง ๆ แล้วจะให้เขาทนได้อย่างไร “เอาล่ะ การสอบครั้งต่อไปฉันจะทำให้ดีอย่างแน่นอน ให้พวกเธอดูว่าฉันฉลาดจริงหรือเปล่า”
“ได้เลย ฉันจะคอยถามพี่ซวงว่าพี่สอบเป็นยังไงบ้าง”
ถังชุนหยานรู้สึกว่าตู้จ้งเหว่ยน่าสงสารมาก เธอจึงคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดออกไป “ถ้าพี่ทำข้อสอบได้ดี ฉันจะเลี้ยงอาหารพี่เอง ดีไหม”
“งั้นเธอก็เตรียมเงินไว้ได้เลย”
ตู้จ้งเหว่ยพูดด้วยความโกรธและกินข้าวอีกชามก่อนจะกลับบ้านไป
เมื่อตู้จ้งเหว่ยกลับถึงบ้าน เขาเห็นว่าตู้หรงหมิงและแม่เลี้ยง รวมถึงตู้จ้งเหลียนน้องชายกำลังรออยู่
เมื่อเห็นตู้จ้งเหว่ยกลับมาแล้ว ตู้หรงหมิงจึงถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบที่หาได้ยาก “วันนี้แกพาคุณถังซวงและคนอื่นไปไหนมา”
“เกี่ยวอะไร…”
เดิมทีตู้จ้งเหว่ยวางแผนที่จะตอกกลับตามปกติ แต่เมื่อเขานึกถึงถังซวงและคนอื่น ๆ ที่บอกว่าเขาไม่ฉลาด เขาก็ยั้งไว้และตอบด้วยน้ำเสียงที่ไม่ต่างจากเมื่อก่อน “ผมพาพวกเธอไปที่ถนนสายเก่า”
เมื่อเห็นว่าลูกชายตอบคำถามของเขา แม้น้ำเสียงจะไม่ดี แต่สีหน้าของตู้หรงหมิงก็ผ่อนคลายลงมาก “ดีมาก แกกินข้าวเย็นแล้วหรือยัง”
“กินแล้ว”
“กินข้าวกับพวกคุณถังซวงมาใช่ไหม”
“ใช่”
ตู้หรงหมิงไม่คาดคิดจริง ๆ ว่าลูกชายคนโตและถังซวงจะมีความสัมพันธ์อันดี ไม่เพียงแต่ไปซื้อของด้วยกันที่ถนนสายเก่า แต่ยังทานอาหารเย็นด้วยกันอีก “ดูเหมือนว่าแกกับคุณถังซวงจะสนิทกันนะ ไว้คราวหน้าถ้ามีโอกาส แกเชิญเพื่อน ๆ มาเล่นที่บ้านก็ได้ เราจะต้อนรับเพื่อนแกอย่างดีเลยล่ะ”
คำพูดนี้เหมือนเป็นการบอกว่าให้เขาเชิญถังซวงมาที่บ้านอย่างไรอย่างนั้น
ตู้จ้งเหว่ยชำเลืองมองพ่อ แน่นอน พ่อไม่เคยสนใจตัวเขาเลย สิ่งที่เขาสนใจคือแม่และลูกชายของโหยวอี้หง และอาชีพของเขาเอง
แม้ว่าหัวใจของชายหนุ่มจะด้านชามานานแล้ว แต่ตู้จ้งเหว่ยก็ยังรู้สึกผิดหวัง แต่หลังจากคิดถึงสิ่งที่ถังซวงและคนอื่น ๆ พูด มันก็เป็นเรื่องยากที่ตู้จ้งเหว่ยจะปฏิเสธพ่อของตัวเอง เขาจึงพูดอย่างลังเล “ผมไม่รับประกันว่าเพื่อนจะมา ไว้วันจันทร์หลังเลิกเรียนจะลองถามให้ครับ”
“ตกลง ถ้างั้นก็ไปถามมาแล้วกัน”
หลังจากพูดเช่นนี้ พ่อและลูกชายก็เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
ตู้จ้งเหว่ยเป็นคนแรกที่ทำลายความเงียบ “พ่อครับ ผมขอตัวกลับห้องก่อน”
“ได้ ๆ รีบไปเถอะ”
ตู้หรงหมิงโบกมือและบอกให้ตู้จ้งเหว่ยไปพักผ่อน
อีกด้าน หลังจากที่ถังซวงนำถังเซวี่ยและถังชุนหยานกลับไปที่บ้านของตระกูลจิงแล้ว เฮ่อหลานก็รีบออกมาและถามด้วยความกังวลว่า “ซวงเอ๋อร์ วันนี้ลูกไปไหนมา? สนุกไหม? ”
“แม่คะ เราสบายดีค่ะ”
ถังเซวี่ยและถังชุนหยานพยักหน้าเช่นกัน “ใช่ค่ะเรามีความสุขมาก”
เมื่อเห็นว่าทุกคนมีความสุขมาก เฮ่อหลานก็โล่งใจ
“วันนี้ไปข้างนอกมาทั้งวันแล้ว รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ”
หลังจากถังซวงกลับไปที่ห้อง เธอก็อาบน้ำแล้วไปพักผ่อน
เมื่อถึงเวลาต้องไปโรงเรียนในวันจันทร์ ตู้จ้งเหว่ยมาโรงเรียนแต่เช้าตรู่และนั่งอ่านหนังสือเป็นครั้งแรก
ทั้งจู้เจินเจินและเมิ่งซือเซี่ยที่โต๊ะด้านหน้าหันกลับมามองด้วยความประหลาดใจเมื่อเห็นท่าทางจริงจังของตู้จ้งเหว่ย พวกเธออดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบกัน “ตู้จ้งเหว่ยคงไม่ได้กำลังจะตั้งใจเรียนใช่ไหม”
คนอื่น ๆ ก็ประหลาดใจเช่นกัน แต่ปกติแล้วพวกเขาจะไม่เข้าไปสุงสิงกับตู้จ้งเหว่ย จึงไม่ได้พูดอะไรมาก
หลังจากที่ถังซวงมาถึง เธอพบว่าหลายคนในห้องเรียนกำลังอ่านหนังสืออยู่ เธอจึงไม่ได้สนใจมากนัก เลยไปที่ที่นั่งและหยิบหนังสือเรียนออกมา