การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 34 พี่โม่(รีไรท์)
บทที่ 34 พี่โม่(รีไรท์)
บทที่ 34 พี่โม่(รีไรท์)
เมื่อโม่เจ๋อหยวนเห็นถังซวง เขาก็ประหลาดใจเช่นกัน “เธอ…ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้?”
ในเวลานี้ หลี่จงอี้เข้ามาและถามเสียงดังว่า “ยัยหนูซวงเอ๋อร์ ใครมาน่ะ?”
โม่เจ๋อหยวนเดินเข้าไปในประตูลานบ้านและพูดอย่างสุภาพกับหลี่จงอี้ว่า “สวัสดีครับ คุณปู่หลี่ ผมชื่อโม่เจ๋อหยวน ปู่ของผมชื่อโม่หยานซง ปู่บอกผมก่อนหน้านี้ว่าถ้าผมมาที่จังหวัดเจียง ผมต้องหาโอกาสมาพบคุณให้ได้ครับ”
“เธอ…เธอเป็นหลานชายของหยานซงเหรอ? อ่อ งั้นเข้ามาเร็ว”
ใบหน้าของหลี่จงอี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้น
ย้อนกลับไปเมื่อวันวาน เขาและโม่หยานซงเป็นเพื่อนสนิทกัน และก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน หลังจากที่เขาไปที่อื่นและกลับมาที่บ้านเกิด ทั้งสองคนก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลย เขาไม่เคยคาดคิดว่าวันนี้จะได้มาเห็นหลานชายของเพื่อนสนิท
“ว่าแต่ตอนนี้คุณปู่ของเธอเป็นยังไงบ้าง?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ สีหน้าของโม่เจ๋อหยวนก็เศร้าไปครู่หนึ่ง แต่ในไม่ช้าเขาก็หัวเราะออกมาและพูดว่า “คุณปู่สบายดีครับ แต่ตอนนี้ยังไม่สามารถมาพบคุณปู่หลี่ด้วยตัวเองได้”
หลี่จงอี้คอยสังเกตการแสดงออกของโม่เจ๋อหยวนตลอดเวลา เมื่อคิดถึงสถานการณ์ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เขาอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เป็นไปได้ไหมว่า… คุณปู่ของเธอไม่ได้อยู่ในเมืองหลวงแล้ว?”
เมื่อเห็นว่าหลี่จงอี้คาดเดาได้ โม่เจ๋อหยวนก็ไม่ได้ปิดบังอะไร และพูดออกไปตามตรงว่า “ตอนนี้คุณปู่เข้าร่วมกับโม่เป่ย แต่คุณปู่หลี่ไม่ต้องกังวลไปครับ ท่านยังมีสุขภาพดีอยู่”
หลี่จงอี้ถอนหายใจเมื่อได้ยินดังนั้น
ในตอนแรกเขาไม่คุ้นเคยกับชีวิตในเมืองหลวง ดังนั้นเขาจึงย้ายไปที่อื่น แต่หลังจากทำงานมาหลายปี เขาก็ยังไม่ชินอยู่ดี และในที่สุดก็กลับมาอยู่ที่บ้านเกิดอันห่างไกลอย่างนี้
ชายชราอย่างเขาต่างผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน แต่เขาไม่คาดคิดว่าแม้แต่โม่หยานซงก็ต้องเจอกับเรื่องยุ่งยาก เพราะทุกคนต่างก็รู้กันดีว่าตระกูลโม่เป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในเมืองหลวง เป็นตระกูลที่ก่อตั้งมาหลายร้อยปี ซึ่งยังคงยืนหยัดอยู่ได้ แม้ในช่วงสงคราม
“ไม่ต้องกังวลครับคุณปู่หลี่ คุณปู่ท่านสบายดีจริง ๆ”
เมื่อเห็นว่าการแสดงออกของโม่เจ๋อหยวนนั้นจริงใจและหนักแน่น หลี่จงอี้ก็โล่งใจไม่น้อย
“ทุกอย่างปกติดีครับ”
ขณะที่พูดคุย เขาทักทายโม่เจ๋อหยวนอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง “เสี่ยวโม่ เข้ามาเร็ว เธอเพิ่งมาถึง งั้นไปเดินเล่นกันก่อนเถอะ แล้วค่อยกินข้าวด้วยกัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนก็ยิ้มและพูดว่า “คุณปู่หลี่ ถ้าอย่างนั้นผมจะไม่เกรงใจแล้วนะครับ”เขาพูดและส่งของขวัญที่เขานำมาให้ชายชราตรงหน้า
“หลานเอ๋ย มา ๆ เอามาอะไรอีกล่ะเนี่ย”
“คุณปู่หลี่ ทั้งหมดล้วนเป็นอาหารเสริมครับ ถ้ามีเวลาก็กินสักหน่อยนะครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่จงอี้ก็ไม่พูดอะไรมาก เขารับมันด้วยรอยยิ้ม จากนั้นจึงแนะนำโม่เจ๋อหยวนว่า “เสี่ยวโม่ นี่คือถังซวง หลานสาวคนโตของฉัน และนี่คือถังเซวี่ย หลานสาวคนเล็กของฉัน” จากนั้นเขาก็แนะนำให้รู้จักกับพี่น้องทั้งสอง “ยัยหนูซวงเอ๋อร์ ยัยหนูเซวี่ย เด็กคนนี้เป็นหลานชายของเพื่อนเก่าปู่เอง ชื่อโม่เจ๋อหยวน และเขาจะเป็นพี่ชายของเธอต่อจากนี้ไปนะ”
แต่ท้ายที่สุด หลี่จงอี้มองไปที่ถังซวงด้วยความสงสัยและถามว่า “ทำไมฉันถึงได้ยินเธอเรียกชื่อเสี่ยวโม่เมื่อกี้ล่ะ? เธอสองคนรู้จักกันเหรอ?”
“เราเคยเจอกันมาสองครั้งแล้วค่ะ”
ถังซวงบอกออกไปตามตรง แต่ไม่ได้อธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เฉพาะเจาะจง
แต่โม่เจ๋อหยวนมองไปที่หลี่จงอี้ด้วยรอยยิ้ม และพูดว่า “คุณปู่หลี่ ถ้าให้พูดจริง ๆ ถังซวงเป็นคนช่วยชีวิตของผมไว้ครับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่จงอี้ก็ยิ่งอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
“อะไรนะ… ช่วยชีวิตงั้นเหรอ? เกิดอะไรขึ้นระหว่างเธอสองคนน่ะ?”
โม่เจ๋อหยวนเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น และสุดท้ายก็พูดว่า “ผมรู้สึกขอบคุณเธอจริง ๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ ผมคงไม่หนีไปได้ง่าย ๆ”
หลังจากได้ยินสิ่งที่เกิดขึ้น หลี่จงอี้ก็ขมวดคิ้วทันที “ถ้าอย่างนั้นคนที่มาจับเธอคือใคร? เธอรู้หรือเปล่า?”
“คุณปู่หลี่ไม่ต้องกังวล ผมถามแล้วครับ แล้วเรื่องนี้ได้ถูกจัดการเรียบร้อยหมดแล้ว”
เมื่อได้ยินสิ่งที่โม่เจ๋อหยวนพูด หลี่จงอี้ก็ไม่ได้ถามคำถามอะไรอีก
แต่เฮ่อหลานมองไปที่โม่เจ๋อหยวนอย่างครุ่นคิด และเมื่อเธอกำลังจะพูด แต่ถังเซวี่ยก็พูดขึ้นมาว่า “พี่ชายโม่ สวัสดีค่ะ”
ถังเซวี่ยเห็นว่าโม่เจ๋อหยวนรู้จักพี่สาวของเธอ พวกเขาเป็นคนรู้จักกัน ดังนั้นเธอจึงเอ่ยเรียกเขาอย่างสนิทสนม และในขณะเดียวกันเธอก็มองไปที่โม่เจ๋อหยวนอย่างอยากรู้อยากเห็น
ผู้ชายคนนี้แตกต่างจากหนุ่ม ๆ ในหมู่บ้าน เขาดูสะอาดสะอ้านแถมยังหน้าตาดีมากด้วย เธอไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนที่หล่อเท่านี้มาก่อนเลย “พี่โม่ พี่หล่อจริง ๆ”
เมื่อได้ยินคำชมที่ไร้เดียงสาของถังเซวี่ย โม่เจ๋อหยวนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
และเฮ่อหลานก็อดไม่ได้ที่จะหยอกล้อถังเซวี่ย แล้วทักทายด้วยรอยยิ้ม “เสี่ยวโม่ อาหารพร้อมแล้วจ้ะ ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ” โชคดีที่เมื่อตอนเที่ยงเธอได้เตรียมของไว้มากมาย แม้ว่าจะมีโม่เจ๋อหยวนเพิ่มเข้ามาสักคน มันก็ไม่เป็นปัญหา
“ครับ ขอบคุณนะครับคุณป้า”
เมื่อเห็นคำขอบคุณอย่างสุภาพของโม่เจ๋อหยวน เฮ่อหลานก็รู้สึกประทับใจในตัวเขาเช่นกัน ใครจะไม่ชอบเด็กหน้าตาดีและสุภาพกันล่ะ
เมื่อเห็นสิ่งนี้ ถังซวงเลิกคิ้วขึ้น ดูเหมือนว่าทุกคนจะชื่นชอบโม่เจ๋อหยวนกันอยู่ไม่น้อย
ในเวลานี้ เฮ่อหลานเห็นว่าถังซวงไม่ได้เอ่ยทักทายอะไรเด็กหนุ่มเลย ดังนั้นเธอจึงเหลือบมองลูกสาว และบอกให้ลูกสาวทักทายอีกฝ่ายเร็ว ๆ
แต่ถังซวงไม่สามารถพูดออกมาได้จริง ๆ เพราะเธอคิดว่าโม่เจ๋อหยวนน่าจะอายุไล่เลี่ยกับเธอ “แม่คะ ทำไมเธอถึงต้องให้เรียกว่าพี่ละ? บางทีหนูอาจจะแก่กว่าเขาก็ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มและพูดว่า “ถังซวง ฉันอายุสิบเก้าปี แล้วเธอล่ะ?”
เขาอายุมากกว่าเธอจริง ๆ แหะ…
ก่อนที่ถังซวงจะพูดอะไร เฮ่อหลานที่อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นว่า “ถ้าอย่างนั้นเธอก็แก่กว่าซวงเอ๋อร์สิ ซวงเอ๋อร์อายุสิบแปดปีน่ะ”
“งั้นก็เรียกฉันว่าพี่ได้แล้วสิ”
โม่เจ๋อหยวนจ้องมองไปยังถังซวง เขารู้สึกคาดหวังในใจเล็กน้อย ดูเหมือนว่า… ก็ไม่เลวเลยที่ได้ยินถังซวงเรียกตนว่าพี่ชาย
“พี่โม่”
เมื่อเห็นว่าคนอื่น ๆ มองมาที่เธอ ในที่สุดถังซวงก็พูดออกมา แต่เธอไม่ได้เรียกพี่ชายโม่เหมือนที่ถังเซวี่ยทำ แต่เรียกตรง ๆ ว่าพี่โม่ ซึ่งเป็นคำสั้น ๆ ได้ใจความ
“งั้นฉันจะเรียกเธอว่าซวงเอ๋อร์ ตกลงไหม?”
ถังซวงพยักหน้าอย่างไม่อ้อมค้อมและพูดว่า “อืม”
“ซวงเอ๋อร์…”
เมื่อเห็นว่าถังซวงเห็นด้วย โม่เจ๋อหยวนก็รีบเอ่ยออกมา
ถังซวงเคยได้ยินหลายคนเรียกเธอว่า ซวงเอ๋อร์ มานานแล้ว แต่คราวนี้เธอรู้สึกว่าเมื่อโม่เจ๋อหยวนเรียก มันดูแตกต่างจากคนอื่น แต่เมื่อลองคิดดูอีกที มันก็ไมได้แตกต่างอะไร…
หลังจากที่เฮ่อหลานนั่งลง เธอก็มองไปที่โม่เจ๋อหยวนอย่างเงียบ ๆ หลายครั้ง และในที่สุดก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “เสี่ยวโม่ เธอคือคนให้สิ่งของแก่เราในตอนนั้นสินะ ขอบคุณมากกับสิ่งที่เธอให้เรานะ วันนั้นมันเป็นวันที่ดีสำหรับเราจริง ๆ”
“ของพวกนั้น…”
แต่ก่อนที่โม่เจ๋อหยวนจะพูด ถังซวงก็พูดก่อน
“แม่คะ ตอนนั้นพี่โม่แค่อยากจะขอบคุณฉันที่ช่วยชีวิตไว้น่ะค่ะ เขากับอาของเขาจึงชวนฉันไปกินอาหาร และสุดท้ายก็เอาของขวัญมากมายมาให้”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ โม่เจ๋อหยวนก็หรี่ตามองถังซวงอย่างสงสัย ดูเหมือนว่าเธอกำลังใช้เขาเป็นเกราะกำบัง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรมาก และพยักหน้าเห็นด้วย “ครับ ทั้งหมดต้องขอบคุณซวงเอ๋อร์ที่ช่วยไว้ชีวิตผมไว้”
เมื่อเห็นโม่เจ๋อหยวนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ถังซวงก็ยิ้มและถอนหายใจด้วยความโล่งอก