การหวนคืนสู่ยุค 70 ของเศรษฐีนีผู้มั่งคั่งร่ำรวย - บทที่ 344 การหมั้นหมายของทั้งสองคน
บทที่ 344 การหมั้นหมายของทั้งสองคน
บทที่ 344 การหมั้นหมายของทั้งสองคน
โม่เจ๋อหยวนไปที่บ้านตระกูลจิง และคนที่มีความสุขที่สุดก็คือหลินเหม่ยเจิน เธอรู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างลูกชายของเธอกับซวงเอ๋อร์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด
เพราะลูกชายของเธอไม่อยู่บ้านนานแล้ว เธอจึงกลัวว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองจะเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้เธอกลับรู้สึกโล่งใจมาก หลังจากที่ลูกชายกลับมาจากบ้านตระกูลจิง หลินเหม่ยเจินก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่โม่เจ๋อหยวนและพูดว่า “เจ๋อหยวน ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างลูกและซวงเอ๋อร์ก็มั่นคง และตอนนี้พวกลูกก็ไม้ใช่เด็กแล้ว แม่คิดว่า… พวกลูกควรจะหมั้นกันไว้ก่อนดีกว่าไหมจ๊ะ”
เมื่อได้ยินสิ่งที่แม่ของเขาพูด โม่เจ๋อหยวนก็ตกตะลึง เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน แต่ถ้าเขาหมั้นหมายกับซวงเอ๋อร์จริง ๆ เขาคงจะเป็นคนที่มีความสุขที่สุด
“แม่ครับ ไม่ต้องห่วง ผมจะไปคุยเรื่องการแต่งงานกับซวงเอ๋อร์”
ถ้าเขาสามารถได้ใบรับรองมา เขาก็จะได้ทะเบียนสมรสมาในทันที
เมื่อเห็นใบหน้าคาดหวังของลูกชาย หลินเหม่ยเจินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะและพูดว่า “ดี แม่รู้ว่าลูกหมายถึงอะไร อีกสองวันแม่จะไปบ้านตระกูลจิงกับพ่อและปู่ของลูก เราจะคุยกับพวกอาหลานและถ้าสามารถตกลงกันเรื่องการแต่งงานของพวกลูกได้ก็คงเป็นเรื่องดี”
“แม่ครับ อย่างนั้นผมจะไปคุยกับซวงเอ๋อร์ก่อน”
แม้ว่าโม่เจ๋อหยวนจะอยากแต่งงานกับเธอ แต่เขาก็ยังเคารพความคิดเห็นของถังซวง ถ้าซวงเอ๋อร์คิดว่ามันเร็วเกินไปเขาก็จะรอ ถ้าซวงเอ๋อร์ตกลงแต่งงาน เขาก็จะให้ครอบครัวของเขาไปที่บ้านตระกูลจิงทันที
เห็นลูกชายของตัวเองพูดแบบนั้น หลินเหม่ยเจินพยักหน้าและพูดว่า “ตกลง ถ้าอย่างนั้นลูกก็ไปถามซวงเอ๋อร์ก่อน”
โม่เจ๋อหยวนรู้สึกกังวลอยู่ลึก ๆ เมื่อเขาไปที่บ้านตระกูลจิงในวันรุ่งขึ้น เขาก็คุยกับถังซวงเกี่ยวกับเรื่องนี้ “ซวงเอ๋อร์ เธอ… เธอคิดว่าจะดีไหมถ้าเราสองคนจะตกลงเรื่องความสัมพันธ์กันก่อน?”
เมื่อได้ยิน ถังซวงก็มองไปที่โม่เจ๋อหยวนอย่างประหลาดใจและถามว่า “ความสัมพันธ์ของเรายังไม่ชัดเจนอีกหรือคะ”
โม่เจ๋อหยวนรีบตอบกลับว่า “ซวงเอ๋อร์ ฉัน… ฉันกำลังพูดถึงการแต่งงานน่ะ”
โม่เจ๋อหยวนมองถังซวงอย่างประหม่าเพราะกลัวว่าเธอจะปฏิเสธ
ถังซวงไม่คาดคิดว่าโม่เจ๋อหยวนกำลังพูดถึงการหมั้นหมาย
แต่เธอก็ไม่มีท่าทีต่อต้าน เมื่อคิดว่าโม่เจ๋อหยวนจะกลายมาเป็นคู่หมั้น สามี และคู่ชีวิต เธอกลับตั้งหน้าตั้งตารอให้ถึงเวลานั้นด้วยซ้ำ “ตกลงค่ะ”
ความผูกพันระหว่างคนทั้งสองแน่นแฟ้น และโม่เจ๋อหยวนก็ไม่มีข้อกังขาใด ๆ เกี่ยวกับตัวเธอ ชายที่สามารถสละชีวิตเพื่อเธอได้ ทำไมเธอต้องลังเลด้วย
“ซวงเอ๋อร์… นี่จริงใช่ไหม?”
เมื่อเห็นว่าถังซวงตกลง โม่เจ๋อหยวนรู้สึกไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นและเดินไปข้างหน้าถังซวง
ในขณะนี้ถังซวงกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ ดังนั้นโม่เจ๋อหยวนจึงนั่งยอง ๆ ลงต่อหน้าถังซวงและถามอย่างจริงจัง “ซวงเอ๋อร์ เธอตกลงจริง ๆ หรือ? เธอเต็มใจที่จะเป็นภรรยาของฉันและยินดีที่จะแต่งงานกับฉันจริง ๆ ใช่ไหม?”
เมื่อเห็นใบหน้าที่จริงจังของโม่เจ๋อหยวน การแสดงออกของถังซวงก็จริงจังเช่นกัน เธอพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดว่า “จริงสิคะ ฉันยินดีที่จะแต่งงานและเป็นภรรยาของพี่”
“ซวงเอ๋อร์…”
ได้ยินคำตอบของถังซวงแบบนี้ ในที่สุดโม่เจ๋อหยวนก็กลับมามีสติอีกครั้ง และเมื่อแน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้ฝันไป เขาก็ลุกขึ้นยืนและกอดถังซวง ยกเธอจนตัวลอยและหมุนเป็นวงกลม
“พี่โม่ ปล่อยฉันนะ ฉันเวียนหัวจะตายแล้ว”
ถังซวงรู้สึกได้ถึงหัวใจที่เต้นเร็วของโม่เจ๋อหยวน และรู้สึกได้ถึงความตื่นเต้นของเขาในขณะนี้ แต่โม่เจ๋อหยวนยังคงหมุนต่อไปไม่หยุดจนเธอก็เริ่มรู้สึกวิงเวียนแล้วจริง ๆ
เมื่อได้ยินคำพูดของถังซวง โม่เจ๋อหยวนจึงรีบวางเธอลง
“ซวงเอ๋อร์ ฉันมีความสุขจริง ๆ ฉันตื่นเต้นจริง ๆ”
“ฉันรู้แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะพูดด้วยรอยยิ้ม
หลังจากที่โม่เจ๋อหยวนสงบลง ทันใดนั้นเขาก็พูดขึ้นด้วยความเสียดาย “ฉันใจร้อนเกินไป ฉันควรมาถามเธอพรุ่งนี้ ฉันควรเตรียมตัวให้ดีกว่านี้ ไม่น่าเลย” อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย ทั้งหมดที่เขาคิดคือซวงเอ๋อร์จะตกลงหรือไม่ เธอจะไม่มีความสุขหรือเปล่า หรือเธอจะรู้สึกว่าเขารีบร้อนเกินไปบ้างไหม
เมื่อเห็นใบหน้าที่หงุดหงิดของโม่เจ๋อหยวนแบบนั้น ถังซวงก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ไม่เห็นต้องหงุดหงิดเลย พี่ให้ฉันมามากพอแล้ว”
โม่เจ๋อหยวนยังคงรู้สึกว่าตัวเองรีบร้อนเกินไป หลังจากที่เขาบอกข่าวกับแม่ของตัวเองว่าถังซวงตกลง เขาก็ทำให้เธอกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการหมั้นของพวกเขา “แม่ครับ คุณปู่เคยให้ทรัพย์สินผมใช่หรือเปล่า? เรามอบสิ่งเหล่านั้นให้ซวงเอ๋อร์ได้ไหม”
“อะไรนะ…”
หลินเหม่ยเจินมองไปที่ลูกชายของเธออย่างไม่อยากจะเชื่อ “ลูกคิดดีแล้วหรือ?”
“ครับ ยังไงในอนาคตมันก็เป็นของซวงเอ๋อร์อยู่ดี จะมอบให้เธอในตอนนี้หรือตอนไหนก็เหมือนกัน”
เมื่อได้ยินคำพูดของลูกชายของเธอ หลินเหม่ยเจินรู้ว่าเขาตกหลุมรักถังซวงจริง ๆ คุณปู่มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกชายเพราะเขาเป็นทายาทของตระกูลโม่ แต่ไม่คาดคิดว่าลูกชายของตัวเองจะมอบสิ่งเหล่านี้ให้กับซวงเอ๋อร์ไปง่าย ๆ “แม่รู้แล้วเจ๋อหยวน แต่แม่ยังต้องบอกปู่ของลูกเกี่ยวกับเรื่องนี้ก่อนอยู่ดี”
“แม่ครับ ผมจะคุยกับคุณปู่เอง”
หลังจากพูดแบบนี้ โม่เจ๋อหยวนก็ไปหาผู้เฒ่าโม่ทันที
เมื่อผู้เฒ่าโม่ทราบเกี่ยวกับการตัดสินใจของหลานชายคนโต เขาก็เงียบไปครู่หนึ่ง และในที่สุดก็พยักหน้าและพูดว่า “ปู่มอบให้หลานแล้ว ของพวกนั้นก็เป็นของหลาน หลานจะทำอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ”
“ขอบคุณครับคุณปู่”
เมื่อได้ยินคำพูดของหลานชายคนโต ผู้เฒ่าโม่ก็ยิ้มทันที “ขอบคุณอะไร นี่เป็นเรื่องของหลานนะ หลานสามารถตัดสินใจได้ว่าตัวเองต้องการอะไร แต่ปู่มีความสุขจริง ๆ ที่หลานและซวงเอ๋อร์จะแต่งงานกัน เมื่อพวกหลานสองคนอายุถึงแล้วก็รีบไปเอาใบรับรองเถอะ ปู่แทบรอไม่ไหวที่จะเห็นหลานแต่งงานและมีลูก”
เมื่อได้ยินเรื่องการมีลูก โม่เจ๋อหยวนก็หน้าแดงทันที และพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ครับคุณปู่ เราจะรีบแต่งงานกันให้เร็วที่สุด แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการไปตกลงเรื่องแต่งงานให้เสร็จก่อนนะครับ”
“ใช่แล้ว”
ในอีกด้านหนึ่ง ถังซวงได้พูดกับเฮ่อหลานว่าครอบครัวของโม่เจ๋อหยวนอาจมาพูดคุยเกี่ยวกับการแต่งงาน
เมื่อเฮ่อหลานได้ยิน ใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “อะไรกัน… ลูกต้องหมั้นเร็วขนาดนั้นเลยหรือ ลูกยังเรียนหนังสืออยู่เลยนะ?”
“แม่คะ เราตกลงเรื่องแต่งงานก่อนก็ได้ มันไม่กระทบการเรียนสักหน่อย”
เมื่อได้ยินสิ่งที่ลูกสาวคนโตพูด เฮ่อหลานก็เหลือบมองไปที่ถังซวง จากนั้นส่ายหน้าและพูดว่า “ในเมื่อถึงเวลา ยังไงลูกก็ต้องแต่งงานสักวันหนึ่ง และซวงเอ๋อร์ของเราก็อยู่ในวัยที่ต้องหมั้นหมายแล้ว” เธอพูดด้วยใบหน้าไม่เต็มใจ
เห็นแม่เป็นแบบนี้ ถังซวงอดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แม่คะ เป็นแค่งานหมั้นเท่านั้น ไม่ใช่การแต่งงาน คงอีกนานเลยค่ะกว่าเราจะแต่งงานกัน”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ลูกสาวคนโตพูด เฮ่อหลานรู้สึกดีขึ้น จากนั้นเธอก็ไปบอกจิงเจ้อหรงและผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลจิงด้วย
คุณชายจิงและคุณนายจิงรู้ว่าโม่เจ๋อหยวนเป็นคนดีมาก พอพวกเขารู้ว่าถังซวงและโม่เจ๋อหยวนกำลังจะหมั้นกัน ก็ต่างมีความสุข แต่ทว่าจิงเจ้อหรงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกหดหู่ใจ “ทำไมถึงหมั้นกันเร็วขนาดนั้น? มันเร็วเกินไปหรือเปล่า”